เปิดโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมด้วยประกันมะเร็ง

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1629272895099 1

“อโรคยา ปรมาลาภา” หรือ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นอกจากเราจะไม่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทางกายหากเราเจ็บป่วยแล้ว ยังไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางทรัพย์สินที่ต้องใช้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาโรคอีกด้วย “โรคมะเร็ง” เป็นตัวอย่างชั้นดีที่หลายกรณี ผู้ป่วยต้องสิ้นเนื้อประดาตัวก่อนที่จะรักษาจนครบกระบวนการ สุดท้ายอาจต้องกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่ารักษา ซึ่งถึงแม้จะช่วยให้รักษาตัวจนหายก็ไม่สามารถสร้างฐานะให้กลับมาได้เช่นเดิม

ค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาโรคมะเร็งนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมะเร็ง ระยะที่ตรวจพบ และวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยหากเลือกวิธีการหรือตัวยาที่สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิต หรือความสำเร็จในการรักษาที่สูงที่สุด อาจมีค่าใช้จ่ายสูงแตะ 8 หลักเลยทีเดียว อาทิ ราคายา Keytruda ที่เป็นกลุ่มยาแอนติบอดี้รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S. FDA) ได้อนุมัติให้ใช้รักษาโรคมะเร็งถึง 22 ชนิด สนนราคาเข็มละ 300,000 บาท หากใช้ระยะเวลารักษาจนหายขาดเฉลี่ย 2 ปี ต้องใช้เข็มละ 3 สัปดาห์ ตกค่าใช้จ่ายสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับวิธีการรักษาอื่นที่อาจต้องทำควบคู่กัน 

ความหวังผลิตยารักษามะเร็งถูกลงกว่า 10 เท่า

อย่างไรก็ตาม กลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีพันธกิจเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงยารักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ซึ่งทางกลุ่มวิจัยเชื่อว่าบุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้ราคายารักษาโรคมะเร็งถูกลงกว่า 10 เท่า ด้วยประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน หากสามารถวิจัยและผลิตยาได้เองภายในประเทศ โดยปัจจุบันเริ่มวิจัยและพัฒนาตัวยาแอนติบอดี้จนเข้าสู่เฟสที่ 3 จากทั้งหมด 5 เฟส นั่นคือ เริ่มผลิตตัวยาต้นแบบที่ปรับปรุงแล้วเพื่อให้สามารถใช้กับมนุษย์ได้ในปริมาณมาก โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 – 24 เดือนก่อนที่จะเข้าสู่การทดลองในสัตว์ที่เฟส 4 และสามารถทดลองใช้กับมนุษย์ได้ที่เฟส 5 หลังจากเฟสที่ 4 เสร็จสิ้นประมาณ 20 – 24 เดือน

ประโยชน์ของการวิจัยและผลิตยารักษาด้วยตัวเองนอกเหนือจากการลดภาระการนำเข้ายารักษาจากต่างประเทศด้วยมูลค่าปีละกว่า 3 แสนล้านบาทแล้วนั้น ยังมีโอกาสที่ตัวยาจะถูกบรรจุเข้าไปในบัญชียาหลักแห่งชาติมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิบัตรทองเพื่อใช้ยาตัวนี้ในการรักษาได้ในอนาคต

ประกันมะเร็งแบบเจอแล้วมีเงินก้อน

การทำประกันสุขภาพนั้น ผู้เอาประกันย่อมคาดหวังว่าหากเราเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง เราจะได้สินไหมเพื่อชดเชยค่ารักษาพยาบาลได้ ซึ่งปัจจุบันลักษณะความคุ้มครองของประกันโรคมะเร็งมีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่ผู้ที่ต้องการทำประกันควรคำนึงก่อนการตัดสินใจทำประกันมะเร็งอย่างมาก คือการให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งในทุกระยะทั้งเงินก้อนแก่ผู้เอาประกันทันทีที่ตรวจพบมะเร็งและคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาโรคมะเร็งได้ตามจริง

อย่างไรก็ดี ส่วนของวงเงินที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทรับประกันกำหนดไว้อาจไม่สามารถนำไปเบิกเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับวิธีการรักษาทางเลือกหรือตัวยาใหม่ๆ จากต่างประเทศที่แพทยสภาของไทยยังไม่อนุมัติให้ใช้เป็นมาตรฐานการรักษาในไทยได้ แต่การได้รับเงินก้อนทันทีที่ตรวจพบจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงตัวยาใหม่ๆ ที่อาจมีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่าตัวยาแบบเดิมได้หากต้องการ
เพราะฉะนั้นหากเราต้องการวางแผนประกันมะเร็งโดยเผื่อค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาทางเลือกหรือตัวยาใหม่ๆ จากต่างประเทศ การเลือกประกันมะเร็งที่ระบุว่าจะจ่ายทันที 100% ของทุนประกันไม่ว่าจะตรวจพบมะเร็งระยะใดก็ตาม จะช่วยเปิดโอกาสการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์จากทั่วโลกด้วยการนำเงินก้อนไปแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

สำหรับโรคมะเร็งนั้น นวัตกรรมทางการแพทย์ทั่วโลกกำลังพัฒนาประสิทธิภาพในการรักษาอย่างต่อเนื่อง การทำประกันมะเร็งเพื่อเป็นหลักประกันในการรักษา โดยคำนึงถึงเรื่องเงินก้อนหากตรวจพบมะเร็งทุกระยะ และวงเงินความคุ้มครองสูงสุดย่อมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ด้วยการจ่ายเบี้ยเริ่มต้นหลักพันบาท สามารถให้ความคุ้มครองกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทำให้เราสบายใจได้ว่าเงินทองที่หามาได้จากการทำงานตลอดชีวิตจะไม่หมดไปเพียงแค่เราไม่ได้วางแผนการทำประกันมะเร็ง อีกทั้งยังเป็นกำลังใจหล่อเลี้ยงที่ดีให้กับผู้ป่วยเพื่อให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างเข็มแข็งอีกด้วย

==================================================

เผยแพร่ครั้งแรกในบทความ Health is Wealth กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า