จะซื้อประกันสุขภาพทั้งที ควรเลือกแบบมี หรือไม่มี Deductible

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1636000697638 1

ท่ามกลางโรคระบาดและกระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกันสุขภาพแบบที่มี Deductible หรือแบบประกันสุขภาพที่มีค่าความ “รับผิดส่วนแรก” เนื่องด้วยความเข้าใจที่ว่า การทำประกันสุขภาพประเภทนี้ มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าประกันสุขภาพโดยทั่วไป ก่อให้เกิดเป็นคำถามที่ตามมาว่า ถ้าจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพทั้งที ควรจะเลือกซื้อแบบที่มีหรือไม่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” 

ประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” เหมาะกับใคร?

1.มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการบริษัทอยู่แล้ว แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้น

การเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่มี Deductible หรือ “ความรับผิดส่วนแรก” เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีแบบประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทอยู่แล้วเป็นทุนเดิม แต่ต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระในยามที่เจ็บป่วยรุนแรง  เนื่องจากประกันประเภทนี้ระบุว่า บริษัทประกันจะชำระเงินค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินวงเงินให้ หากว่าผู้ป่วยมีการรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกด้วยตนเองไปแล้ว เช่น ถ้าเลือกทำประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” 30,000 บาท หากค่าการรักษาพยาบาลทั้งหมด 100,000 บาท ทางบริษัทประกันจะคุ้มครอง 70,000 บาท และผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบ 30,000 บาทแรก ซึ่งค่าใช้จ่ายในความรับผิดส่วนแรกมูลค่า 30,000 บาทนั้น ผู้เอาประกันสามารถใช้วงเงินจากประกันสุขภาพฉบับเดิมที่มีอยู่แล้วหรือวงเงินสวัสดิการของบริษัทในการชำระได้ เท่ากับว่าผู้เอาประกันจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มทั้งสิ้น

2.มีงบประมาณที่จำกัด

จุดเด่นของประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” นั้นก็คือ ค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบประกันสุขภาพโดยทั่วไป กล่าวคือ หากเราเลือกจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกสูงขึ้น จะสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ตั้งแต่ 25 – 35% เลยทีเดียว จึงทำให้การเลือกซื้อประกันประเภทนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดและไม่อยากจ่ายค่าเบี้ยที่สูงเกินความจำเป็น

3.มั่นใจว่ามีสุขภาพแข็งแรง แต่ไม่อยากเสี่ยง

เนื่องด้วยค่าเบี้ยประกันที่ค่อนข้างต่ำ แต่หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของค่ารับผิดส่วนแรกก่อน ทำให้ประกันสุขภาพประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อาจจะมีอายุไม่มากและมีสุขภาพแข็งแรงเป็นทุนเดิม เจ็บป่วยไม่บ่อย แต่อยากมีประกันซักฉบับไว้ป้องกันความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหนักที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องจ่ายค่า “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” เพิ่ม ก็ยังคุ้มค่ากว่าการเลือกที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดไว้เองอย่างแน่นอน

ประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” ไม่เหมาะกับใคร?

ซื้อเป็นประกันสุขภาพฉบับแรกและไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่เลย

ประกันสุขภาพประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับการซื้อเป็นประกันฉบับแรกโดยที่ไม่มีแบบประกันสุขภาพฉบับอื่นมาก่อนหรือไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากแหล่งอื่นๆ อยู่เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีของผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อย การตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่มีค่า “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” สูงๆ เพื่อหวังชำระค่าเบี้ยประกันต่ำๆ จะทำให้ผู้เอาประกันต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในค่ารับผิดส่วนแรกที่มากเกินความจำเป็น กว่าที่กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ซื้อไว้จะเริ่มให้ความคุ้มครอง

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ประกันสุขภาพแบบที่มีค่าความรับผิดส่วนแรกนั้น มีความเหมาะสมกับผู้เอาประกันที่มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว แต่ยังต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีที่เจ็บป่วยรุนแรง ประกอบกับการที่มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพประเภทอื่นๆ หากผู้เอาประกันเลือกซื้อแผนประกันได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดภาระค่าเบี้ยและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันทุกประเภท ก็คือ การประเมินตนเอง รวบรวมข้อมูลความคุ้มครองทั้งหมดที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ประกันเหล่านั้นทับซ้อนกันหรือเกิดความคุ้มครองที่มากจนเกินความจำเป็น เพื่อที่จะสามารถบริหารงบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด

====================================================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Invest in Health ใน Wealthy Thai

บทความล่าสุด

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า