โรคร้ายแรงภัยใกล้ตัวที่อยู่ใกล้เรา และอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว หากเราไม่ได้ระมัดระวังและใส่ใจในการใช้ชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อน รวมไปถึงการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างล้วนส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ทั้งสิ้น และอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคร้ายได้ แน่นอนว่าคงไม่สามารถคาดการณ์หรือกำหนดได้ว่าโรคร้ายเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ และเกิดขึ้นเมื่อใด แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การเตรียมความพร้อมรับมือทางการเงิน เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างครอบคลุม ด้วย 5 เคล็ดลับในการซื้อประกันโรคร้ายแรง
จำนวนกลุ่มโรคที่คุ้มครอง
ปัจจุบัน ประกันโรคร้ายแรง มีให้เลือกซื้อหลากหลายความคุ้มครอง ตั้งแต่กลุ่มโรคเดียวกันไปจนถึงหลายร้อยโรคในกรมธรรม์เดียวกัน หากยิ่งมีจำนวนและกลุ่มโรคที่คุ้มครองมาก ก็จะยิ่งครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้มาก แต่ก็อาจมาพร้อมกับค่าเบี้ยที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ของผู้ทำประกัน แนะนำให้เลือกกรมธรรม์ที่ครอบคลุมหลายกลุ่มโรคมากกว่าการพิจารณาที่ค่าเบี้ยแต่เพียงอย่างเดียว
วงเงินและรูปแบบความคุ้มครอง
ประกันโรคร้ายแรงส่วนใหญ่จะให้ผลประโยชน์เป็นเงินก้อนในขณะมีชีวิตอยู่ โดยจะแบ่งจ่ายเป็น ระยะแรก ระยะปานกลาง และระยะรุนแรงแล้วแต่เงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ควรดูว่าแบบประกันนั้นๆ จะเริ่มต้นจ่ายให้ผู้ทำประกันที่ระยะไหน และในสัดส่วนเท่าใด รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นเพียงพอกับค่ารักษาที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีวงเงินคุ้มครองในระยะแรกเยอะก็จะทำให้เรามีเงินก้อนไปรักษาโรคในระยะรุนแรงให้หายขาดได้มากกว่า
ค่าเบี้ย
ค่าเบี้ยประกันโรคร้ายแรงมีทั้งแบบคงที่และเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ แต่โดยรวมแล้วค่าเบี้ยของประกันโรคร้ายแรงต่องวดจะน้อยกว่าประกันรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากค่าเบี้ยประกันโรคร้ายแรงจะเน้นความคุ้มครองเป็นหลัก และจ่ายเบี้ยทิ้งเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม ประกันโรคร้ายแรงบางกรมธรรม์ก็ใช้รูปแบบ ‘ไม่ป่วยมีเงินคืน’ แต่ก็จะมีค่าเบี้ยต่องวดที่สูงกว่าสองแบบค้างต้น เนื่องจาก จะรวมค่าเบี้ยประกันชีวิตเข้าไปด้วย ดังนั้น สำหรับประเด็นนี้ ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ท่านพิจารณา ‘ค่าเบี้ย’ ที่ต้องจ่ายในช่วงอายุ 55 ปี จนครบสัญญามาประกอบการตัดสินใจ เนื่องจาก เป็นช่วงที่มีค่าเบี้ยสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดตามความเสี่ยงที่มากขึ้น
ระยะเวลารอคอย
โดยปกติแล้วประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะมีระยะเวลารอคอย 30 วันแต่สำหรับประกันโรคร้ายแรงจะมีระยะเวลารอคอยในบางกลุ่มโรคเพิ่มขึ้นเป็น 90 ถึง 120 วัน ในจุดนี้ทุกแบบประกันจะไม่ต่างกันมากนัก แต่จุดสำคัญที่ต้องดูคือแบบประกันนั้นๆมีระยะเวลารอคอยระหว่างโรคหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ เพราะโรคร้ายไม่ได้มีเพียงโรคเดียว และมีโอกาสที่จะเป็นโรคร้ายแรงหลายโรคในเวลาใกล้ๆ กัน
ระยะเวลารับประกัน
ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึง เนื่องจากโรคร้ายนั้นมีโอกาสเกิดได้มากในช่วงอายุหลังเกษียณ การเลือกซื้อแบบประกันที่มีความคุ้มครองระยะยาว จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 5 เคล็ดลับในการเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรง เชื่อว่าหลายท่านคงได้แนวทางในการเลือกซื้อกันบ้างแล้ว ทั้งนี้ ควรตัดสินใจเริ่มทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยที่ร่างกายแข็งแรงเพื่อบริหารความเสี่ยงของสุขภาพทางการเงินที่ดีในระยะยาวด้วยนะครับ
==================================================
เผยแพร่ครั้งแรกในบทความ Invest in Health: Wealthy Thai