Bonds Are Back !!! ล็อคยีลด์ 4% จังหวะตลาดเหวี่ยง ทำกำไรช่วงเศรษฐกิจถดถอย

file

เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับหุ้น ถ้าพันธบัตรสหรัฐฯให้ผลตอบแทนมากพอ และในระยะยาวหากเศรษฐกิจถดถอย และมีการลดดอกเบี้ย ...ถึงตอนนั้นราคาพันธบัตรสหรัฐฯก็จะปรับตัวขึ้น และเป็นจังหวะทำกำไร  ก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2563 การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯแทบไม่น่าสนใจเลย นั่นก็เป็นเพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนใกล้ระดับ 0.5%...ตามทิศทางเดียวกับดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง(1)   

แต่ตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป ...การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กลับขามาโดดเด่น สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยมีเหตุผลดังนี้

ล็อค Yield ได้สูงถึง 4%... โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับหุ้นทั้งหมด

ในช่วงนี้ ตลาดตราสารหนี้เริ่มกลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อายุ 2 ปี ของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 4.3% สูงสุดตั้งแต่ปี 2550 ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี สหรัฐฯ ก็พุ่งขึ้นมาแตะระดับ 4% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ที่ระดับราว 1% เท่านั้น (2) จึงถือว่าเป็นจังหวะที่ดีอย่างมาก สำหรับการลงทุนในตราสารความเสี่ยงต่ำ ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอีกด้วย

"ตอนนี้ยีลด์ตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นมาเร็ว เราจึงไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงกับหุ้น เพราะพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่มากพอ ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารทิสโก้จึงแนะนำให้ลงทุนในกองตราสารหนี้เพื่อล็อคยีลด์ตรงนี้ไว้ก่อนได้"

กำไรจากราคาปรับขึ้น ช่วงเศรษฐกิจถดถอย-ลดดอกเบี้ย

ในระยะยาวซึ่งมีเศรษฐกิจถดถอยรออยู่ ดอกเบี้ยจะมีการปรับลดลง และจะส่งผลให้ราคาพันบัตรปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะขายทำกำไรได้ โดยเมื่อพิจารณาจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ชี้ให้เห็นว่า Bond yield สหรัฐฯ ที่ระดับ 4% ได้สะท้อนความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปมากแล้ว ดังนั้นหากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ก็อาจทำให้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้พันธบัตรระยะกลาง - ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

“เพื่อให้เศรษฐกิจไปต่อได้ในภาวะRecession ก็น่าจะทำให้ Fedต้องตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย และในจังหวะแบบนั้น ราคาตราสารหนี้จะปรับตัวขึ้น ซึ่งถ้านักลงทุนขาย ก็จะได้กำไรจากการขาย (Capital Gain) ดังนั้นการที่นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะช่วยทั้งเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน และลดความเสี่ยงของพอร์ตในช่วงที่เศรษฐกิจโลกถดถอยได้ด้วย”

การลงทุนในช่วงเดือนตุลาคม ยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ นักลงทุนยังคงต้องเผชิญกับภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง จากปัจจัยที่กดดัน ...บอนด์ ซึ่งกลับขามาโดดเด่น จึงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างมาก  

======================

คุณวรสินี เศรษฐบุตร

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนและสื่อสารการตลาด

สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

=======================

ที่มา

1. “U.S. 10 Year Treasury” , www.cnbc.com

2. "ทิสโก้ชี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เสี่ยงลงต่อ แนะรอจังหวะซื้อตราสารหนี้ล็อกผลตอบแทน", Press release, Sep 2022

======================

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>