จบรอบหุ้น Cyclicals ปรับพอร์ตเข้าหุ้น Defensive

file

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2021 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน COVID-19 การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง ได้นำไปสู่การคลาย Lockdown และส่งผลให้เศรษฐกิจโลกในภาพรวมมีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหากพิจารณาลงไปในรายละเอียด จะพบว่าหุ้นกลุ่มที่นำตลาดขึ้นมาในปีนี้และสร้างผลตอบแทนที่สูงมากให้กับนักลงทุน คือ หุ้นกลุ่มวัฎจักร (Cyclical Stocks) ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่มักมีรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น/ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่ม Energy, Financials, Industrials และ Materials เป็นต้น

แม้บริบทในภาพรวม เศรษฐกิจโลกจะมีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม TISCO ESU มีมุมมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะเริ่มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 สะท้อนจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Manufacturing PMI) ในช่วงเดือนเมษายนของสหรัฐฯ ที่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60.7 จุด ในขณะที่ดัชนี Global Manufactoring PMI ของเดือนเมษายน ที่สะท้อนภาพรวมการผลิตทั่วโลกก็ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55.8 จุด นับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบเกือบ 11 ปีและอยู่ในเกณฑ์ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน (ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง หดตัว และ ดัชนีที่มากกว่า 50 จุด หมายถึง ขยายตัว)

หุ้น Defensive มักชนะตลาดช่วง ISM Manufacturing PMI ขยายตัวสูงสุด

หากพิจารณาย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 1990 จนถึงปัจจุบัน จะพบว่า ดัชนี ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯมักจะทำจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 60 จุดและมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง โดยในช่วงระยะเวลาหลังจากที่ดัชนี  ISM Manufacturing PMI ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดและมีแนวโน้มที่จะเริ่มชะลอตัวลงนั้น หุ้นกลุ่มที่มักจะสร้างผลตอบแทนชนะตลาด (Outperform) ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ หุ้นกลุ่ม Defensive (ตามแผนภาพที่ 1) ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นมีความสม่ำเสมอของรายได้และมีกำไรที่ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ่ม IT และ Healthcare ซึ่งจะเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาที่ตัวเลข ISM Manufacturing PMI กำลังขยายตัวในอัตราเร่งไปสู่ระดับสูงสุด ที่หุ้นกลุ่ม Cyclicals สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด คล้ายกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก IHS Markit ยังชี้ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ทั้งราคาน้ำมัน สินค้าเกษตร โลหะ และไม้แปรรูป รวมถึงปัญหาการขาดแคลนปัจจัยการผลิต จะเริ่มส่งผลกระทบในเชิงลบต่อหุ้นกลุ่ม Cyclicals บางประเภทในระยะถัดไป เช่น กลุ่ม Industrial goods, Chemicals และ Technology Equipments เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายสินค้าได้ทันกับต้นทุนการผลิตที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ จะส่งผลกดดันให้อัตรากำไร (Margin) ของบริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะลดลง 

หากเปรียบเทียบกับหุ้นกลุ่ม Defensive บางกลุ่ม ซึ่งมักจะเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนต้นทุนที่เกี่ยวเนื่องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์น้อย อีกทั้งยังมีอำนาจต่อรองกับลูกค้าและความสามารถในการส่งผ่านภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค เพื่อรักษาอัตรากำไรให้มีความสม่ำเสมอได้ โดยที่ไม่สูญเสียยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาด เช่น บริษัทกลุ่ม Biotechnology & Pharmaceuticals หรือ กลุ่ม Software & Services จะพบว่า หุ้นของบริษัทเหล่านี้จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าจากประเด็นดังกล่าว

แนะนำลดสัดส่วนหุ้น Cyclicals เน้นลงทุนหุ้น Defensive

เรามองว่าในระยะข้างหน้า ตลาดหุ้นโดยรวมจะยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกจากเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัว แต่มีโอกาสที่จะเกิด “Sector Rotation” ของเม็ดเงินลงทุนออกจากหุ้นกลุ่ม Cyclicals ไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive มากขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่ม IT และ Healthcare ที่จะเริ่มกลับมา Outperform ตลาดได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุนเริ่มลดสัดส่วนหุ้นกลุ่ม Cyclicals ลง และ ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ขนาดใหญ่ เช่น หุ้นกลุ่ม Biotechnology ขนาดใหญ่ ซึ่งมี Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงและยังมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต ในขณะที่ หุ้นกลุ่ม IT ขนาดใหญ่ เราแนะนำให้รอจังหวะเข้าทยอยสะสม ในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานจากความกังวลเรื่องนโยบายการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 

แผนภาพที่ 1 : ผลตอบแทนเฉลี่ยรายเดือนของแต่ละอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 1990

file

ที่มา: TISCO ESU 

 

==========================================================

 

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ prtisco@tisco.co.th  

 

 บทความโดย ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPT™ Wealth Manager

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Make Money Make Healthy ของ TNN

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>