ถึงเวลาลงทุนตราสารหนี้ รับผลตอบแทนสูงในรอบทศวรรษ

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1666167568777 1

นับตั้งแต่ต้นปีอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้พันธบัตรทั่วโลกปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อให้กลับเข้ามาอยู่ในกรอบ ทำให้ผลการประชุม Fomc เดือนกันยายนที่ผ่านมา Fed ประเมินว่า ดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะอยู่ที่ 4.4% ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี แต่ตลาดตราสารหนี้ได้ล่วงหน้าปรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ช่วง 2 – 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 4% ไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมก็ตาม ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ช่วงนี้นับว่ามีความน่าสนใจใน 3 ประเด็น 1. ล็อคอัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ระดับ 4% สูงสุดในรอบ14 ปี  2. ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นสวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง หากเริ่มเห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และ 3. มุมมองของ  Fed ที่อาจจะต้องถอนคันเร่งการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปี 2024 หากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย

โดยทั่วไปแล้วตราสารหนี้จะมีส่วนช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมีข้อดีที่การให้กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ สามารถคาดเดาผลตอบแทนได้ แต่ในปีนี้ถือว่าตราสารหนี้ทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและเริ่มกลับเป็นขาขึ้น โดยช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา Correlation ซึ่งเป็นตัวเลขบอกความสัมพันธ์ของราคาสินทรัพย์ระหว่างอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้และหุ้นเป็นบวก ซึ่งบ่งบอกว่าทั้ง 2 สินทรัพย์มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เห็นได้จากผลตอบแทนตราสารหนี้ในปีนี้ติดลบตามสินทรัพย์อื่น ๆ หากนับตั้งแต่ต้นปีดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง -24% ขณะที่ดัชนีตราสารหนี้สหรัฐฯ โดยรวมปรับตัวลงว่า -15%  เช่นเดียวกัน

 อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นและตราสารหนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จากข้อมูลในอดีตในช่วงปี 2000, 2006, 2018 พบว่า ตลาดหุ้นและราคาตราสารหนี้จะเริ่มเคลื่อนไหวสวนทางกันในช่วงที่ดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งในช่วงที่มีปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งใกล้เคียงกับภาวะปัจจุบันที่คาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามเป้าหมาย จนกระทั่งเริ่มกลับมาลดดอกเบี้ยลดลงในปี 2024 หากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาพันธบัตรอายุกลางถึงยาวให้ปรับตัวขึ้นได้

อีกประเด็นที่ทำให้ลงทุนในตราสารหนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร คืออัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการเติบโตของราคาหุ้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินตึงตัว ไม่ว่าจะเป็น การขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้ตอนนี้ดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศกลับไปสู่ระดับที่สูงกว่าก่อนการลดดอกเบี้ยในช่วงปี 2019 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทุกช่วงเวลาปรับตัวขึ้นนำหน้าดอกเบี้ยนโยบาย ตัวอย่างเช่น พันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 4.3% สูงสุดตั้งแต่ปี 2551ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 4% หรือขึ้นมา 4 เท่าจากเมื่อตอนต้นปี

ด้าน J.P.Morgan ได้มีการประเมินผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯหากเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve) มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1% โดยพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 5 ปี มีโอกาสให้ผลตอบแทนอยู่ในช่วง -0.3% ถึง 8.6% อย่างไรก็ตาม ภาพข้างหน้าที่ยังมีความเสี่ยงการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ควรจะต้องเพิ่มปัจจัยด้านคุณภาพตราสารหนี้เข้ามาพิจารณาด้วย

ทางธนาคารทิสโก้เห็นโอกาสในการเพิ่มตราสารหนี้ทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้คุณภาพดี อายุปานกลางเข้าไปในพอร์ตการลงทุนในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับสูง แม้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายยังคงเพิ่มขึ้น แต่ตลาดตราสารหนี้โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาวมีการปรับตัวขึ้นไปล่วงหน้าที่ ขณะที่ความกังวลของภาวะเศรษฐกิจถดถอยกดดันการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวและมีโอกาสปรับตัวลงในอนาคต หรือแม้แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนการเพิ่มตราสารหนี้คุณภาพดีก็จะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงรวมถึงลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนได้

 

 

======================

 

บทความโดย

ยศรวี จงแสงทอง AFPTTM

Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้  

เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ Money Talk ของ Business Today

 
บทความล่าสุด

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

Super Stocks ปลดล็อกพอร์ตลงทุน ข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ

ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงจนกลายเป็น “New Normal” นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มยกธงขาวยอมแพ้และยอมรับว่า การพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในหุ้นที่เรียกว่า “Super Stocks

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

Super Stocks ปลดล็อกพอร์ตลงทุน ข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ

ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงจนกลายเป็น “New Normal” นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มยกธงขาวยอมแพ้และยอมรับว่า การพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในหุ้นที่เรียกว่า “Super Stocks

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า