“หยุดตีกรอบหุ้น Tech แบบเดิมๆ ถึงเวลาเพิ่ม Future Trend of Technology”

file

ในทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากเราต้องการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นที่มีผลตอบแทนโดดเด่น คงหนีไม่พ้นการเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้มักจะเป็นธุรกิจที่มีความคาดหวังจากนักลงทุนค่อนข้างสูงจากการสร้างผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของผู้คนไปในทางที่ดีขึ้น แน่นอนว่าหากธุรกิจประสบความสำเร็จก็จะมาพร้อมกับการเติบโตของกระแสเงินสดในอนาคตที่สูงตามมาด้วย

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก หากเราพูดถึงการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology ก็อาจจะยังมีภาพจำแบบเดิมๆ ยึดติดอยู่ เช่น หุ้น FAANG (FACEBOOK, APPLE, AMAZON, NETFLIX, GOOGLE) กลุ่มบริษัท Technology ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง หรือในระยะหลังหากพูดถึงการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology กระแสที่มาแรงก็คงจะเป็นหุ้นกลุ่ม Renewable Energy จากกระเแสความรักษ์โลกของคนรุ่นใหม่ ประกอบกับการที่ธุรกิจเหล่านี้ที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากนโยบายภาครัฐทั่วทุกประเทศที่หันมาเน้นย้ำและปลูกฝังให้คำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน

แท้จริงแล้ว ในปัจจุบัน Technology มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการแตกแขนงต่อยอดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ทางเลือกการลงทุนในทุกวันนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งหากพิจารณาการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology ที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบัน โดยสามารถลงทุนผ่านกองทุน ETFs ได้ เช่น Blockchain, Video Games & Esports, E-commerce, Cybersecurity, Renewable Energy, Cloud Computing, Fintech, Social Media, AI & Technology, Internet of Things, Semiconductors และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีลักษณะเด่น การเติบโต ข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อทางเลือกในการลงทุนมีหลากหลาย คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ แล้วเราควรจะเลือกลงทุนในหุ้น Technology กลุ่มไหน? หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรนำมาพิจารณา ก่อนที่จะเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology ก็คือ แนวโน้ม “การเติบโตของรายได้” เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของรายได้มากกว่าความสามารถในการทำกำไรในปัจจุบันหรือการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง

Global X Asset Management ได้วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของรายได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า (12 Months Sale Growth) ของหุ้นกลุ่ม Technology ที่โดดเด่น ได้แก่ Blockchain, Video Games & Esports, E-commerce, Cybersecurity, Renewable Energy และ Cloud Computing ที่มีการเติบโตในอัตรา 110%, 27%, 25%, 24%, 18% และ 16% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31/10/21) แต่หากพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น  อัตราการเติบโตของตลาด (Market Growth) มูลค่าหุ้น (Valuations) ตลอดจนโมเดลธุรกิจ (Business Model) และความเสี่ยงในด้านต่างๆ ของธุรกิจในอนาคต จะพบว่ากลุ่มที่มีความน่าสนใจที่สุด คือกลุ่ม Video Games & Esports และธุรกิจ Cloud Computing

นอกเหนือจากการเติบโตของรายได้ที่โดดเด่น การเกิดขึ้นของกระแส Metaverse ที่ผู้คนทั้งโลกกำลังให้ความสนใจอย่างจดจ่อ หลังจากที่ Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “Meta” เพื่อเตรียมพร้อมเดินหน้านำธุรกิจเข้าสู่ Metaverse (ชุมชนโลกเสมือนจริง) เต็มตัว ทำให้วงการ Video Games & Esports ที่มีทุนเดิมในการเป็นผู้ผลิต Software และ Hardware อย่างเครื่อง Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าธุรกิจในกลุ่ม Video Games & Esports จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) สูงถึงปีละ 17% ในระยะข้างหน้า

และในปัจจุบัน เมื่อโลกเข้าสู่ยุคที่ Data เป็นตัวขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นเรื่องที่ทุกบริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งการเปลี่ยนมาจัดเก็บข้อมูลไว้บน Cloud จะช่วยให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงและเพิ่มความสะดวกในการทำงาน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ธุรกิจในกลุ่ม Cloud Computing ถูกจัดเป็นหนึ่งใน Future Trend ที่มีการเติบโตสูงกว่ากลุ่ม Technology อื่นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยมูลค่าตลาดที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 20% ในปี 2022 พร้อมกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) สูงถึงปีละ 16% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 เนื่องด้วย Model ธุรกิจที่มีความโดดเด่น โดยการใช้ Subscription Model คือธุรกิจมีรายได้จากค่าบริการและการสมัครสมาชิก ก่อให้เกิดเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ (Recurring Income) ที่จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท และก่อให้เกิดอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง

นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมี Switching Cost ที่สูงอีกด้วย กล่าวคือ เมื่อผู้ใช้มีความคุ้นเคยกับการใช้บริการใดแล้ว การตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้บริษัทเจ้าอื่นจะทำได้ยากขึ้น เพราะจะมีต้นทุนในการเปลี่ยนที่สูงกว่าเดิม ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการรักษาฐานลูกค้าของตัวเองเอาไว้ได้และสามารถสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

จะเห็นได้ว่า ทางเลือกการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Technology นั้นมีมากมายและมีความหลากหลายกว่าที่เรารู้ กลุ่มบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอดีตอาจไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากโลกของ Technology นั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เกิดทางเลือกในการลงทุนใหม่ๆ ขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละกลุ่มธุรกิจต่างมีลักษณะการเติบโต รูปแบบของธุรกิจ รวมไปถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากเราลองเปิดใจศึกษาและติดตามมันอย่างจริงจัง จะทำให้เรารู้เท่าทันสถานการณ์และช่วยให้เราสามารถแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

==========================================================

บทความโดย : เขมชาติ ทรัพย์ทวีธนกิจ  AFPT™

Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 19 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 19 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 19 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>