ทำไมธีมตลาดเอเชีย-พลังงานหมุนเวียน เป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุนตอนนี้ ?

file

ธีมตลาดเอเชีย และธีมธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ไม่ใช่กระแสที่น่าสนใจในระยะสั้นเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเมกะเทรนด์ ที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว จนไม่ต้องมานั่งกังวลปรับพอร์ตการลงทุนแบบรายวัน รายเดือน ตามภาวะตลาด...ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ??? 

ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนธีมตลาดเอเชียได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมีปัจจัยบวก ทั้งในแง่ของราคาหุ้น รวมถึงในด้านทางเศรษฐกิจ และจำนวนประชากรวัยแรงงานที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น ขณะที่ธีมธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนไทยเช่นกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ถึงกับมีเสน่ห์มากนัก เมื่อเทียบกระแสความนิยมต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของธนาคารทิสโก้ ประเมินว่า ทั้งสองธีมนี้จะมีความสำคัญ และน่าสนใจมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเมกะเทรนด์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาวให้กับพอร์ตได้ด้วย

...นับเป็นหนึ่งในธีม Megatrends Investment ที่ไม่ต้องปรับพอร์ตใหม่บ่อย ๆ สามารถลงทุนในระยะยาวมากกว่า 10 ปี หรือยาวไปได้จนถึงวัยเกษียณ เพราะมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

อินโดนีเซีย - เวียดนาม - จีน : เศรษฐกิจเติบโตสูง - กำไรบริษัทโตเด่น

ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ แนะนำให้นักลงทุนหันมาโฟกัสการลงทุนในตลาดเอเชีย เช่น ประเทศจีนมากขึ้น เพราะตลาดในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ มีความน่ากังวลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และไม่เพียงแค่นี้ ตลาดเอเชียหลายแห่งยังมีความโดดเด่นในเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตสูง อัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง โดยในเดือนกันยายนนี้ ธนาคารทิสโก้เห็นว่ามี 2 ประเทศในเอเชียที่โดดเด่น เป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุน ได้แก่

1.ประเทศอินโดนีเซีย : นอกจากจะมีวัยแรงงาน รวมถึงเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ช่วยสนับสนุนการบริโภคอย่างโดดเด่นแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศ และเปลี่ยนกฏหมายเพื่อดึงดูดต่างชาติจนทำให้กลายเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ อีกทั้งค่าเงินมีเสถียรภาพมากกว่าประเทศตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) อื่น ๆ และด้วยความพร้อมของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และประชากร จึงทำให้มีธุรกิจ Start up ระดับโลกเกิดขึ้นในประเทศจำนวนมากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นประเทศที่เปิดกว้างด้านกฎเกณฑ์การทำธุรกิจ และกำลังการบริโภคที่มากพอ ในการสนับสนุนธุรกิจด้วย  

2.เวียดนาม : ข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2022 – 2023 อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของตลาดหุ้นเวียดนามจะอยู่ที่ระดับสูงถึง 24.6% ขณะที่ในระยะกลางก็มีปัจจัยบวก ซึ่งส่งผลให้ตลาดมีความน่าสนใจ เช่น สภาพคล่องในตลาดหุ้นเริ่มสูงขึ้น ข่าวดีเรื่องการนำดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามร่วมคำนวณในดัชนี MSCI EM ในปี 2025 ที่ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ เป็นต้น(1)

ส่วนประเทศจีนที่ธนาคารทิสโก้ ได้เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ ยังคงเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ขณะที่ในระยะสั้นก็มีปัจจัยบวกที่รออยู่ จากประเด็นที่จีนได้ประกาศเตรียมจัดตั้งการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ในวันที่ 16 ต.ค. นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สาม ซึ่งจะทำให้สถานะของประธานาธิบดีสีกลายเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจมากที่สุดของจีนนับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง และจากสถิติในอดีตย้อนหลังนับตั้งแต่ช่วงปี 1997 ตลาดหุ้นจีนมักจะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 20% ในช่วงก่อนที่จะถึงการประชุม National Congress(2)

พลังงานหมุนเวียน … โดดเด่นท่ามกลางปัญหาราคาพลังงานพุ่ง

จากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนจนกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาก๊าซและถ่านหิน ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ … ด้วยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนี้เอง ได้ทำให้ “พลังงานหมุนเวียน” กลายเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่สำคัญมากขึ้น ในระยะยาว จนเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุน ด้วย 3 เหตุผล ดังนี้

1.เป็นพลังงานที่ใช้ได้ยาวนาน : พลังงานหมุนเวียน เป็นพลังงานชนิดที่สามารถสร้างขึ้นได้ซ้ำ ๆ โดยมากมักมีแหล่งกำเนิดมาจากธรรมชาติ อาทิ แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ความร้อนใต้พิภพ และชีวมวลหรือผลผลิตและวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ยาวนานกว่า พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป เช่น ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ จึงเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคงสำหรับมนุษย์

2.ประเทศมหาอำนาจสนับสนุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน : ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จีนลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้ได้ 1,200 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 และในช่วงเวลาเดียว สหรัฐฯ ก็ได้ลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกันนี้ทั้งสองประเทศ ยังมีนโยบายสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ ด้วย จึงทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว(3)

3.ค่าใช้จ่ายการผลิตพลังงานหมุนเวียนต่ำลง : เมื่อเทคโนโลยีและการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นจากการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานหมุนเวียนถูกพัฒนาให้ลดลง นอกจากราคาในการผลิตแล้ว เทคโนโลยีในการกักเก็บพลังงานรูปแบบต่าง ๆ เช่น เซลล์เก็บกักพลังงานไฟฟ้า ก็ถูกพัฒนาการเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้อนาคตด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนทั่วทั้งโลกชัดเจนยิ่งขึ้น(4)

file

Source : Ourworldindata, ส.ค.2565

ธุรกิจเทคโนโลยีแห่งอนาคต-นวัตกรรมการแพทย์-ธุรกิจเติบโตเด่นจากการเป็นผู้ปฏิวัติวงการ

นอกจากสองธีมที่ได้แนะนำข้างต้นแล้ว ในส่วนของธีมการลงทุนเดิมที่ธนาคารทิสโก้เคยแนะนำไปในช่วงก่อนหน้านี้ ได้แก่ ธีมธุรกิจที่เทคโนโลยีแห่งอนาคต อย่างกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ธุรกิจความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security) กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Cloud Computing ซึ่งเป็นธุรกิจเบื้องหลังความสำเร็จของ Metaverse ประกอบด้วย Software as a Service, Platform as a Service, Infrastructure as a Service  

รวมถึง ธีมธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ ได้แก่ 1.กองทุนที่เน้นลงทุนธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) ซึ่งเป็นธุรกิจวิจัยและพัฒนายา-วัคซีนรักษารวมถึงป้องกันโรค 2. กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Digital Health ที่เกี่ยวข้องกับบริการ Telehealth การใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องมือการตรวจโรค หุ่นยนต์ผ่าตัดและอุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ประเภทต่าง ๆ 3.กองทุนที่กระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์  

และธีมธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นจากการเป็นผู้ปฏิวัติวงการ มีความสามารถในการแข่งขันสูง สร้างธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือการบริการ ที่ช่วยให้โลกของเราดีขึ้น เช่น Tesla Inc. ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง, Moderna Inc. บริษัทผู้ผลิตวัคซีน ฯลฯ ยังคงเป็นธุรกิจที่แนะนำว่ายังสามารถถือเพื่อลงทุนระยะยาวได้ 

หากคุณสนใจกองทุนรวม ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ สามารถคลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

 

บทความโดย : นางวรสินี เศรษฐบุตร

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนและสื่อสารการตลาด

สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)


============================ 

ที่มา

(1) บลจ.ทิสโก้เปิดกอง “ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้”ชี้ราคาหุ้นเทรดต่ำสุดในรอบ 7 ปี จังหวะเหมาะลงทุนรับปัจจัยบวกเพียบ (Press release, 17 พ.ค. 2565)

(2) “ผลตอบแทนตลาดหุ้นจีน” Bloomberg, TISCOESU, Goldman Sachs  

(3) “จีนรุดหน้าผลิตพลังงานหมุนเวียน ครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งในโลก” (ผู้จัดการออนไลน์, 23 ส.ค. 2565)

(4) “Economy of scale is at play” (Ourworldindata, ส.ค.2565)

============================

 

file

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 20 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>