ค่าใช้จ่ายโรคมะเร็งหลังเกษียณ รับมือได้ หากวางแผนได้ดีพอ

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1673238507301

จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี 1994 มีจำนวนผู้สูงวัยคิดเป็นเพียง 6.8% ของประชากรทั้งประเทศ แต่หากมาดูข้อมูลล่าสุดในปีนี้จะพบว่า จำนวนผู้สูงวัยได้เพิ่มขึ้นถึง 18.3% ของประชากรทั้งประเทศ อยู่ที่ราว 12,116,199 คน อย่างไรก็ตาม มีคนไทยจำนวนมากที่ประสบปัญหาทางการเงินในช่วงวัยเกษียณ เนื่องจากมีการวางแผนและจัดการทางการเงินในช่วงวัยทำงานที่ยังไม่ดีพอ

โดยส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายประจำหลังเกษียณมักจะมีแนวโน้มปรับตัวลงอยู่ที่ประมาณ 70 – 80% ของค่าใช้จ่ายต่อเดือนก่อนเกษียณ เช่น หากก่อนเกษียณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 40,000 บาท ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณจะอยู่ที่ประมาณ 28,000 – 32,000 บาท (ยังไม่รวมเงินเฟ้อ)

ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังเกษียณ คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงที่คนไทยมีอัตราการเป็นและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ โรคมะเร็ง สำหรับประเทศไทยแล้ว ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2020 พบว่า มะเร็งที่พบบ่อยที่สุด 5 อันดับแรกในคนช่วงวัย 50 ปีขึ้นไปคือ มะเร็งตับ (15.1%) มะเร็งปอด (13.8%) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (12.1%) มะเร็งเต้านม (10.3%) และมะเร็งต่อลูกหมาก (5.3%) ตามลำดับ โดยมีการคาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ที่ 160,175 ราย มาอยู่ที่ราว 264,311 รายในปี 2040 หรือเพิ่มขึ้นสูงถึง 65% (ดังแผนภาพที่ 1) ซึ่งมีข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ค่ารักษาโรคมะเร็งทุกกระบวนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 250,000 – 8,500,000 บาทเลยทีเดียว

แผนภาพที่ 1: คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ทั้งเพศชาย-หญิง อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2040

1673238658260

ที่มา: CANCERTOMORROW |IARC

จะเห็นได้ว่า หลังอายุ 50 ปี หรือในช่วงวัยที่ใกล้เกษียณอายุหรือเกษียณอายุแล้ว มีโอกาสจะเป็นโรคมะเร็งค่อนข้างสูง และมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก เราจึงต้องวางแผนเตรียมความพร้อม รองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่นับวันจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะได้ไม่กระทบกับแผนทางการเงินอื่น ๆ หลังเกษียณของเราได้

ทั้งนี้ การทำประกันมะเร็ง ถือเป็นการโอนความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาโรคมะเร็งไปยังบริษัทผู้รับประกัน ซึ่งเราควรทำประกันมะเร็งไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่า โรคมะเร็งตัวร้ายจะมาหาเราเมื่อไหร่ หากเป็นแล้วเราอาจไม่สามารถทำประกันมะเร็งได้ เราจึงควรซื้อประกันในวันที่เรายังมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ เพื่อไม่ให้โดนปฏิเสธการรับประกัน และควรเลือกแบบประกันมะเร็งที่จ่ายความคุ้มครองเป็นเงินก้อนทันทีเมื่อตรวจพบเชื้อมะเร็ง รวมถึงดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อเนื่องไปตลอดจนครบวงเงิน มีค่าเบี้ยประกันคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ซื้อประกันมะเร็งตั้งแต่อายุ 34 ปี ค่าเบี้ยประกันต่อปีคงที่ที่ 4,200 บาท ไปตลอดจนถึงอายุ 70 ปี รวมค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งสิ้นอยู่ที่ 155,400 บาท (4,200 บาท x 37 ปี) โดยหากตรวจพบเชื้อมะเร็ง บริษัทประกันจะจ่ายความคุ้มครองเป็นเงินก้อนทันทีจำนวน 500,000 บาท พร้อมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องไปตลอดจนครบวงเงิน 1,000,000 บาท รวมความคุ้มครองที่ได้รับหลังหักค่าเบี้ยประกันทั้งสิ้นตลอด 37 ปีแล้วอยู่ที่ 1,344,600 บาท แต่หากเลือกไม่ทำประกันมะเร็ง และนำเงินที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันมะเร็งจำนวน 4,200 บาทต่อปีไปลงทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งแทน

โดยสมมติอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนทบต้นเฉลี่ย 8% ต่อปี (ซึ่งในความจริงแล้ว การลงทุนที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนในระดับสูงนั้น ย่อมมีความเสี่ยงและความผันผวนที่สูงเช่นกัน จึงอาจทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ได้) โดยใช้เวลาลงทุน 37 ปีเท่ากัน จะพบว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่เพียงราว 852,895 บาท ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับจากการทำประกันมะเร็ง 491,705 บาท รวมถึงระหว่างทางที่ลงทุน หากเป็นโรคมะเร็งขึ้นมา เงินที่มีอาจไม่เพียงพอในการรักษาโรคมะเร็งด้วย

ดังนั้น แม้ว่าค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็ง จะเป็นจำนวนมหาศาลและเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เราสามารถวางแผนรับมือได้ โดยโอนความเสี่ยงด้วยการทำประกันมะเร็ง ที่ให้ความคุ้มครองวงเงินที่สูงเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งจะทำให้เราพร้อมเกษียณสุขได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล

===================================

บทความโดย วิภาดา ศุภกุลวณิชย์ AFPT

Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกใน SET

บทความล่าสุด

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

Super Stocks ปลดล็อกพอร์ตลงทุน ข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ

ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงจนกลายเป็น “New Normal” นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มยกธงขาวยอมแพ้และยอมรับว่า การพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในหุ้นที่เรียกว่า “Super Stocks

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

Super Stocks ปลดล็อกพอร์ตลงทุน ข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ

ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงจนกลายเป็น “New Normal” นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มยกธงขาวยอมแพ้และยอมรับว่า การพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในหุ้นที่เรียกว่า “Super Stocks

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า