อยากเกษียณก่อนอายุ 60 วางแผนยังไง ?

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

อยากเกษียณก่อนอายุ60วางแผนยังไง 800X420

หลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดเลิกจ้างงานก่อนพนักงานอายุ 60 ปี ประกอบกับเศรษฐกิจก็ไม่แน่นอน ภาวะอย่างนี้ยิ่งต้องสร้างวินัยการเงิน โดยเฉพาะการวางแผนเกษียณที่เข้มข้นขึ้นผ่าน 5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณ คือ 1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 2. สร้างแหล่งรายได้ 3. กระจายการลงทุน 4. ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 5. ใช้ประกันสุขภาพเสริมความมั่นคง  

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และหลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดเลิกจ้างงานก่อนพนักงานอายุ 60 ปีนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำคนไทยเพิ่มความเข้มข้นของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ 5 กลยุทธ์ คือ 1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 2. สร้างแหล่งรายได้ 3. กระจายการลงทุน 4. ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 5. ใช้ประกันสุขภาพเสริมความมั่นคง   

สำหรับรายละเอียดกลยุทธ์การวางแผนเกษียณ 5 กลยุทธ์ มีดังนี้  

กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเข็มทิศที่ช่วยให้วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงทาง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ อายุที่คาดว่าจะเกษียณ ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ คาดว่าจะมีอายุขัยกี่ปีและนำอัตราผลตอบแทนการลงทุนในช่วงหลังเกษียณหลังหักเงินเฟ้อเข้ามาคำนวนเพื่อหาเป้าหมายเงินก้อนก่อนเกษียณ ขั้นตอนนี้สามารถใช้โปรแกรมวางแผนการเงินช่วยคำนวนได้ เช่น โปรแกรม TISCO My Goal คลิก  https://link.tisco.co.th/cnI6zA 

หากเกษียณตอน 60 ปี มีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี ณ วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 6.5 ล้านบาท แต่หากต้องการเกษียณเร็วขึ้น 5 ปี ต้องเตรียมเงินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30% ของจำนวนเงิน ณ วันเกษียณ เช่น เกษียณอายุตอน 55 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 8 ล้านบาท หรือเกษียณอายุตอน 45 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 10.7 ล้านบาท เป็นต้นนายณัฐกฤติกล่าว    

สร้างหลายแหล่งรายได้ 

นอกจากเงินก้อนที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเกษียณแล้ว พนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ และคนไทยส่วนใหญ่มักจะมีแหล่งรายได้ที่เป็นกระแสเงินสดหลังเกษียณจากช่องทางต่างๆ เช่น เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม เงินบำนาญของข้าราชการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้นเป็นหลักประกันความมั่นคงหลังเกษียณอาจพิจารณาทำประกันบำนาญเพิ่มความมั่นคง เป็นกองหลังที่ช่วยหนุนกระแสเงินสดที่แน่นอนในช่วงวัยเกษียณ 

กระจายการลงทุน (Diversification) 

ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ โดยอาจเพิ่มการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้  

ส่วนการลงทุนในหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงประมาณ 8-10% ต่อปี โดยอาจลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และยังรวมถึงเงินลงทุนอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว 

อีกทั้ง ยังสามารถแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ เพราะมีอัตราการเติบโตในระยะยาวที่ค่อนข้างดี เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยป้องกันความเสี่ยงในยามวิกฤตเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวอีกด้วย  

ปรับพอร์ตตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 

แนวทางแบบง่าย คือ120 ลบอายุ = สัดส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรลงทุนเช่น อายุ 40 ปี ควรมีหุ้นประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้และเงินสด แต่เมื่อใกล้เกษียณควรลดหุ้นเหลือเพียง 30 – 40% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด 

ประกันสุขภาพ: กลไกเสริมสร้างความมั่นคง 

ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบเงินออมหลังเกษียณ การจัดสรรแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม และกันเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกัน จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ 

บทความโดย นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP® 

Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

3 ปัจจัยที่ทำให้อินเดียกำลังมาแรง กับโอกาสลงทุนปี 2026

ตลาดอินเดียกำลังกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามากที่สุดในช่วงปี 2026 ไม่ใช่เพียงเพราะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแรง แต่เพราะอินเดียกำลังก้าวเข้าสู่ “การเติบโตรอบใหม่” ที่มีรากฐานจากการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง การขยายตัวของฐานการผลิต และอำนาจการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ่านต่อ >>

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

3 ปัจจัยที่ทำให้อินเดียกำลังมาแรง กับโอกาสลงทุนปี 2026

ตลาดอินเดียกำลังกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามากที่สุดในช่วงปี 2026 ไม่ใช่เพียงเพราะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแรง แต่เพราะอินเดียกำลังก้าวเข้าสู่ “การเติบโตรอบใหม่” ที่มีรากฐานจากการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง การขยายตัวของฐานการผลิต และอำนาจการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ่านต่อ >>

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า