ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา

“ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา” Food Guru ผู้ปลุกปั้น “Sushi Niwa” ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับไฮเอนด์

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 42 | คอลัมน์ New Generation

Sushi Niwa ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ ไฮเอนด์ขนานแท้ ธุรกิจใหม่ล่าสุดของ “บอนด์-ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา” ผู้พิสมัยอาหารคุณภาพดีรสชาติ ชั้นเลิศ แถมเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่ ต้องการผลักดันวงการอาหารในไทย ให้มีมาตรฐานสูง โดยใช้ความเชื่อมั่น (Trust) ยึดใจลูกค้า พร้อมมุ่ง พัฒนาทักษะพนักงาน เดินหน้า พัฒนาทุกแบรนด์ร้านอาหารที่ปั้น มากับมือด้วยความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่กับการอัปเดตเทรนด์ตลาดที่ แปลกใหม่ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ ลูกค้าคนสำคัญ

ประสบการณ์โชกโชน เนรมิตร้านอาหารระดับไฮเอนด์

หลังจากประสบความสำเร็จด้วยการขยาย สาขาร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์พรีเมี่ยมแมส (Buffet Premium Mass) ในชื่อโคเอ็น ซูชิ บาร์ (Kouen Sushi Bar) อย่างรวดเร็วถึง 4 สาขาใน กรุงเทพฯ บอนด์-ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา จุดประกายความคิดเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแห่ง ใหม่เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ เขามองต่างออกไปด้วยการยกระดับร้าน อาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยสู่ความเป็นไฮเอนด์ จนกลายมาเป็น Sushi Niwa ‘ลูกรักคนล่าสุด’ ของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ โดยเขาเลือกที่จะ ช่วงชิงพื้นที่ในตลาด White Ocean โดยนำ ประสบการณ์ทำร้านอาหารมาเสริมสร้างความ สมบูรณ์แบบ

“โปรเจกต์ใหม่นี้คิดมาได้ประมาณปีครึ่ง แล้วครับ หลังจากทำโคเอ็น ผมเองได้คลุกคลี ในวงการอาหารญี่ปุ่นมานาน เป็นคนที่กิน อาหารญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี และมีความสัมพันธ์ ที่ดีกับทางร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ เลยส่งคน ของเราไปฝึกที่โตเกียวถึง 3 เดือน เพื่อให้มี ประสบการณ์และได้สัมผัสกับการลงมือทำ จริงๆ ซึ่งไอเดียที่เราต้องการพรีเซนต์ในไทย นอกเหนือจากความเอกซ์คลูซีฟของวัตถุดิบที่ คัดสรรมาอย่างดีที่สุด เป็นปลาที่ตกมาจาก ธรรมชาติแล้ว ยังสร้างความเซอร์ไพรส์ด้วย การเสิร์ฟเมนูที่ปรุงอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ถึง 16 คอร์ส โดยเราจะรับลูกค้าจำกัดเพียง 2 รอบต่อวัน ตกวันละ 24 คนเท่านั้น นอกจากนี้ เรายังทุ่มทุนถึง 7 ล้านบาท สร้างสรรค์ สื่อมีเดีย Interactive ภาพเคลื่อนไหวบนโต๊ะ อาหารที่แรกในไทยและเอเชีย เพื่อให้ลูกค้าได้ เพลิดเพลิน เกิดเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดใน การรับประทานอาหาร”

ธีรพัฒน์ กล่าวถึงร้าน Sushi Niwa ว่าเป็น ธุรกิจบนพื้นฐานการสร้างสรรค์ความรู้ภายใน องค์กร (Know-how) เพื่อส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุด สู่ลูกค้า นับเป็นการสร้างตลาดด้วยความ แตกต่าง โดยเข้าใจเทรนด์ Digital Marketing อย่างลึกซึ้ง ควบคู่ไปกับการสร้าง Relationship รวมถึงการสื่อสาร ที่เลือกสื่อตรงกับลักษณะ เฉพาะของร้าน ซึ่งผู้บริหารหนุ่มเล่าว่า ด้วย ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับลูกค้าและเซเลบริตี้ หลากหลายวงการจนกลายเป็น Connection ที่แน่นแฟ้น บวกกับความเป็น Food Guru รวม ทั้งรสนิยมในการรับประทานอาหารที่ดีของเขา ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็น อย่างดี และลูกค้าเองก็เป็นคนที่ผ่านการ Educate เรื่องปลาและออกเดินทางมา ระดับหนึ่ง จึงเข้าใจสิ่งที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แห่งนี้นำเสนอออกไป

มากไปกว่านั้น เขายังสร้างเว็บไซต์และ เลือกเฟ้นพนักงานที่สามารถสื่อสารถึง 3 ภาษาคือ ไทย จีน อังกฤษ โดยตั้งเป้าหมาย นอกเหนือจากคนไทยในสัดส่วน 65% แล้วยัง ต้องการเพิ่มลูกค้าต่างชาติจากเดิม 35% เพิ่ม เป็น 50% อีกทั้งการเลือกโลเกชั่น ‘จุดไข่แดง’ ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิทที่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหารนานาชาติ ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่ หลากหลาย ทั้งนักท่องเที่ยว คนทำงาน และ ผู้อยู่อาศัยในซอยร่วมฤดี ร้านแห่งนี้จึงเป็น พื้นที่ส่วนตัวให้ลูกค้าวอล์คอินเข้ามาแฮงก์เอ๊าต์ กันได้

“ความท้าทายหรือกดดัน คือการที่มีเดีย เข้ามา ทำให้เราต้องลงทุนสูง ทั้งยังไม่มีแม่แบบ ให้ดูเป็นตัวอย่าง ทำให้เราอดกังวลไม่ได้ว่า สิ่งที่เราทำไปจะเป็นไปตามที่คาดหมายหรือไม่ แต่พอลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้นก็อุ่นใจ แต่ก็ยัง ชะล่าใจไม่ได้ เพราะยังมีงานที่ผมรับผิดชอบ ถึง 5 บริษัทที่เพิ่งเปิดในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งการเปิดร้านร้านอาหารใต้ ‘ยุ้งข้าวหอม’ ต่อด้วยการเปิดสาขาของโคเอ็นเพิ่มถึง 2 แห่ง และทำครัวกลาง ตรงนี้ต่างหากที่กลายเป็น ความกดดันที่เราต้องรับมือให้ได้ทั้งหมด สำหรับ Sushi Niwa ผมตั้งเป้าให้ได้มิชลิน สตาร์ หรือขยายสาขาได้เต็มที่ประมาณ 3 แห่ง เนื่องจากข้อจำกัดของบุคลากรระดับฝีมือ และ การลงทุนสูง พร้อมกับทำระบบหลังบ้านให้ดี ตั้งใจจะทำทุกบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้”

สื่อมีเดีย Interactive ภาพเคลื่อนไหวบนโต๊ะอาหารที่แรกในไทยและเอเชีย
file

อยากให้รู้ว่าเราสามารถสร้างร้านอาหารญี่ปุ่นระดับไฮเอนด์แบบนี้ในไทยได้ ด้วยจุดแข็งที่แตกต่างและความรู้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอด

หลักคิด Food Guru สู่หลักการร้านอาหาร

ผู้บริหารหนุ่มวัย 35 ปีคนนี้ สนุกกับการ ทำงานเสมอ และมีความเชื่อมั่นว่า “ถ้าอยาก ประสบความสำเร็จเร็ว ก็ต้องทุ่มเวลาเยอะ ขึ้น” ธีรพัฒน์จึงขอกดดันตัวเองให้ทำงาน มากกว่าคนอื่นเท่าตัว เนื่องจากความเป็นน้อง ใหม่ในวงการร้านอาหารเริ่มต้นมาได้เพียง 2 ปีกว่า และมีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากจะเป็น อะไรในอนาคต

“ผมเป็นคนกระหายความสำเร็จมากกว่า ไม่ได้มองเรื่องผลกำไรหรือตัวเงินมาเป็น อันดับแรก แต่ผมอยากพิสูจน์ตัวเองว่า เราไป ได้มากกว่านั้น ผมตื่นเต้นทุกครั้งกับการได้ทำ อะไรใหม่ๆ หรือการมีไอเดียใหม่ๆ มาเสริม แม้ผมจะต้องดูภาพรวมงานทุกอย่าง แต่ผมสนใจ การตลาด และการเป็นมาร์เก็ตเตอร์เป็นพิเศษ สนุกกับการได้จับเทรนด์ใหม่ๆ มาใส่ในร้าน และลงลึกเมนูอาหาร ผมว่าธุรกิจอาหารมันคือ แฟชั่น เราต้องสนุกกับการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ”

หนึ่งในเอกลักษณ์ประจำตัวของธีรพัฒน์ คือ ภาพลักษณ์ของ Food Guru ที่มีความลึกซึ้ง ถึงตัววัตถุดิบ รสชาติ และบรรยากาศ เลือก ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโมเมนต์นั้นๆ นั่นทำให้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตระเวนชิมร้าน อาหารแปลกใหม่ ควบคู่กับการออกกำลังกาย ด้วยการเล่นแบดมินตัน และด้วยลักษณะงาน ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เขาจึงเลือกเชื่อมโยงการ ทำงานเข้ากับไลฟ์สไตล์ มักใช้เวลาไปกับการ เสิร์ชหาข้อมูล อัปเดตเทรนด์จากสื่ออินเทอร์เน็ต ได้เปิดโลกและได้ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งอาหารที่เขา ได้ลิ้มรสตามสถานที่ต่างๆ ทั้งไทยและต่าง ประเทศนั้น ธีรพัฒน์เผยว่าสามารถนำมา ประยุกต์กับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ได้ทั้งนั้น

“ทุกอย่างเป็นไอเดียได้ทั้งหมด ผมเป็นคน ช่างสังเกต ชอบตั้งคำถามว่า ทำไม อะไร อย่างไร จากนั้นผมก็จะไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง หรือถ้า ต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมในเรื่องอาหาร และครีเอทีฟ ก็มักจะปรึกษาเพื่อน ส่วนมุมมอง การใช้บริการก็เลือกที่จะปรึกษาผู้ใหญ่หรือ รุ่นพี่ เลยได้มีโอกาสสอบถามเหตุผลในการใช้ บริการ ทั้งเรื่องคุณภาพอาหาร การบริการ โลเคชั่น ความเป็นกันเองของเจ้าของร้าน ผมเลือกที่จะฟังเสียงตัวเองและคนรอบข้างไป พร้อมกัน จะคอยเตือนตัวเองว่าเรายังไม่ค่อยเก่ง ไม่ประมาทเลินเล่อ จะวางตัวเองให้เหมือน ตอนเริ่มต้น และต้องหนีขีดจำกัดด้วยการ พัฒนาตัวเองไปพร้อมกันด้วย โดยไม่ทำให้ มาตรฐานตกต่ำลง เป้าหมายของผมไม่ได้มอง ไปที่ Net Profit แต่เป็นการสร้างความไว้เนื้อ เชื่อใจ เพราะถ้าทำให้ลูกค้าผิดหวัง เราไม่อาจ จะเรียกคืนกลับมาได้”

ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา

“ผมเป็นคนกระหายความสำเร็จมากกว่า ไม่ได้มองเรื่อง ผลกำไรหรือตัวเงินมาเป็นอันดับแรก แต่ผมอยากพิสูจน์ ว่า เราไปได้มากกว่านั้น อยากให้โลกรู้ว่า ผมจะเป็นคนทำร้านอาหารที่ยิ่งใหญ่ต่อไป”

นอกจากธีรพัฒน์จะชอบฟังหลักคิดและ แนวทางสู่ความสำเร็จของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี หรือนักธุรกิจผู้เป็นแรง ขับเคลื่อนโลกอย่าง แจ็ค หม่า ตลอดจนคนที่ มี Success Case เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแล้ว เขายังมีคุณพ่อเป็นต้นแบบความคิด ซึ่งจาก การช่วยงานธุรกิจของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีเจรจาต่อรอง การเข้าหา ลูกค้า ซึ่งเป็นการปลูกฝังโดยไม่รู้ตัว และถึง แม้จะเป็นทายาทธุรกิจ แต่ธีรพัฒน์ก็ขอปลีก ตัวออกมาโฟกัสที่ธุรกิจอาหาร เพราะมองว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Food & Beverage มี ความหวือหวาทางการตลาดมากกว่า

“ความสุขของผมอยู่ที่แก้ปัญหา เรา ผิดพลาดได้แต่ก็ต้องเรียนรู้จากมัน ผมจึงทำ ไปก่อน กล้าที่จะริเริ่ม และตื่นเต้นที่ได้มีอะไร ใหม่ๆ ให้ทำทุกวัน และมักจะบอกตัวเองว่า “ทำได้นะ” ผมชอบคำว่า “頑張ってね Ganbettene” แปลว่า “พยายามเข้านะ”” หรือ “สู้ๆ” ผมชอบอ่านหนังสือคำคม มันทำให้ผม ฉุกคิดได้และเห็นทางออกของปัญหานั้น”

สำหรับการปรับหลักคิดและประสบการณ์ สู่การทำงานจริง ธีรพัฒน์ เล่าว่า เขายึด ทีมงานเป็นส่วนประกอบสำคัญในการก้าวสู่ ความสำเร็จ ซึ่งต้องดูแลบุคลากรถึง 170 คน โดยดูแลกันเหมือนพี่น้องที่มีทั้งการเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่ายข้ามขั้น ขณะเดียวกันก็สามารถเป็นที่ปรึกษา คอยชี้แนะ เพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งหน้าที่ของผู้บริหาร ที่ดีจะต้องทำให้คนทำงานเข้าใจในสิ่งที่ทำด้วย การสอน Mindset ทำให้พวกเขามองเห็น ศักยภาพของตัวเอง และรู้แนวทางว่าจะ พัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไร ขณะเดียวกันก็ต้อง ให้ความมั่นคงกับเขาได้ ด้วยเม็ดเงินที่สมเหตุ สมผล คนที่เหนื่อยจะต้องได้ผลลัพธ์ที่น่า พึงพอใจ และธีรพัฒน์มักจะคิดถึงลูกน้องก่อน ตัวเองเสมอ

ความรู้สึกที่มีต่อทิสโก้

บอนด์-ธีรพัฒน์ เลิศสิริประภา Food Guru ที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมกว่า 16,000 คน พ่วง ตำแหน่งผู้บริหารร้านอาหารถึง 3 แบรนด์ในขณะนี้ ด้วยความเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการเลือกเฟ้น ‘ของดี’ ทำให้เขาสนใจเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับทิสโก้ ทั้งการเข้าร่วม “TISCO Wealth Enhancement Program หรือ “WEP รุ่นที่ 4” หลักสูตรบริหารความมั่งคั่งสำหรับผู้นำายุคใหม่ ของกลุ่มทิสโก้ โดยได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานรุ่น ทั้งยังเปิดบัญชีส่วนตัวกับทิสโก้ รวม ทั้งเป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อธุรกิจร้านอาหารในวงเงิน 10 ล้านบาทเพื่อทำโปรเจกต์ตามความฝัน

“ผมเป็นคนที่ชอบเจรจากับ Banker เพื่อศึกษากันและกัน และจะพิจารณาว่าที่ใดตอบโจทย์ ได้มากกว่ากัน ซึ่งจากการเข้ามาเรียนกับทิสโก้ นอกจากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่เลี้ยง หลักสูตรแล้ว ยังประทับใจในการดำเนินเรื่องธุรกรรมต่างๆ ได้รวดเร็วเกินคาดของทิสโก้ อีกทั้งยังมีทางเลือกทางการเงินให้มากกว่าที่อื่น ผมเป็นคนที่ตัดสินใจแล้ว ใครจะมาเปลี่ยน ผมได้ยาก ซึ่งทิสโก้เป็นหนึ่งในนั้นที่ผมเลือกแล้ว”