Feel the Magnificent Dolomite

ไม่ว่าจะสแกนไปมุมไหนบนแผนที่ของอิตาลี ก็มีแต่เมืองสวยๆ กระจัดกระจายไปทั่วรองเท้าบูท ในโหมดของศิลปะและสถาปัตยกรรมดูเหมือนอิตาลีมีให้เลือกบริโภคเยอะ แต่ถ้าอยากไปสัมผัสมุมที่เป็นสุดยอดของธรรมชาติ คงต้องมุ่งหน้าไปโดโลไมท์ (Dolomite) หรือที่คนอิตาเลียนออกเสียงว่า “โดโลมิตี” สวยเลอค่าระดับมีสายสะพายมรดกโลกแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแต่ละปีถึงมีนักเดินทางจากทั่วมุมโลกแวะเวียนไปสำรวจโดโลไมท์ในทุกฤดูกาล

ก่อนอื่น ค่อยๆ ทำความรู้จักโดโลไมท์กันดีกว่า เพราะบางคนอาจยังไม่รู้ว่าโดโลไมท์อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลีในเขตเซาธ์ ทิโรล มีพรมแดนเชื่อมต่อกับออสเตรีย นี่คือแนวกำแพงของเทือกเขาแอลป์ที่พาดผ่านอิตาลี ด้วยรูปทรงของเทือกเขาแอลป์ในแถบนี้ที่แปลกตา จึงทำให้เกิดทัศนียภาพสวยงาม

โดโลไมท์ในช่วงซัมเมอร์จะเต็มไปด้วยเทรคเกอร์ที่พากันเดินเท้าไปตามเทรลต่างๆ ที่มีให้เลือกชนิดอยู่เป็นเดือนก็เดินไม่ครบ เมื่อออทัมเดินทางมาถึงเมื่อไหร่ ทั่วทั้งโดโลไมท์ก็จะกลายเป็นสีเหลืองทอง เป็นฤดูกาลอวดสีสันฉูดฉาดให้นักเดินทางได้เห็นเสน่ห์อีกด้านหนึ่ง และเมื่อฤดูหนาวมาเยือน ผู้นิยมการเล่นสกีก็จะเดินทางมาที่นี่ เพราะโดโลไมท์คือหนึ่งในจุดหมายของคนรักสกี

และไม่ว่าจะเป็นเทรคเกอร์ ไบค์เกอร์ หรือนักปั่นจักรยาน ก็เลือกโดโลไมท์เป็นจุดหมายปลายทางทั้งนั้น มาดูกันว่าเมื่อมาถึงที่นี่มีมุมไหนของโดโลไมท์บ้างที่อยู่ในหมวดจำเป็นต้องไป

Cortina d’Ampezzo

หนึ่งในหัวเมืองใหญ่ของโดโลไมท์ที่เป็นต้นทางในการทำความรู้จักกับโดโลไมท์ คือ คอร์ตินา ดิ อัมเพซโซ สำหรับนักเดินทางประเภทโรดทริปที่ใช้เมืองเวนิสเป็นจุดออกตัวก็จะใช้เวลาในการขับรถราว 2-3 ชั่วโมง ระหว่างทางมีจุดชมวิวสวยๆ ให้แวะเป็นระยะ แต่หากมุ่งหน้ามาที่คอร์ตินา ดิ อัมเพซโซเลย ก็จะได้พบกับเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ใจกลางเมืองมีโบสถ์ตั้งตระหง่านอยู่ หากใครยังไม่มีข้อมูลการท่องเที่ยว ใกล้ๆ กับโบสถ์มีทัวริสต์ อินฟอร์เมชั่น เซ็นเตอร์ให้แวะไปสอบถามข้อมูลได้

มุมที่น่าสนใจจะเป็นสุสานประจำเมืองที่อยู่ในตัวเมืองเลย ที่นี่เป็นสุสานแสนสวยก็ว่าได้ เพราะรอบด้านคือภูเขาที่โอบเมืองคอร์ตินา ดิ อัมเพซโซเอาไว้ สำหรับใครสนใจทำกิจกรรมผจญภัยในรูปแบบต่างๆ ก็มีบริษัททัวร์ที่พร้อมจะให้บริการทั้งเทรคกิ้ง ปีนผา ปั่นจักรยานไปจนถึงร้านรวงขายเสื้อผ้าละอุปกรณ์กันหนาวซึ่งมีให้เลือกไม่ใช่น้อยเลย

Lake Braies

คนมาโดโลไมท์ทุกคนไม่มีใครไม่ไปทะเลสาบบรายส์อย่างแน่นอน ที่นี่คือทะเลสาบสีเขียวมรกตตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ทะเลสาบบรายส์ได้ชื่อว่าติดอันดับเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก น้ำใสราวกับกระจก ตัวทะเลสาบถูกโอบไว้ด้วยภูเขาหินปูนอันสูงตระหง่านหากใครมีเวลาให้กับที่นี่มากพอ ควรเดินเท้าไปตามเส้นทางรอบทะเลสาบราว 5-6 กิโลเมตร ก็จะพบว่าบางมุมมีชายหาดให้นั่งปิกนิก บางมุมเป็นป่าสนและเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวชอุ่ม ทำให้รู้สึกแนบชิดกับธรรมชาติ ยิ่งวันไหนที่มีแสงแดด ก็จะยิ่งขับให้สีน้ำในทะเลสาบเปล่งประกายระยิบระยับ ใครอยากมีซีนโรแมนติกแนะนำให้เช่าเรือออกไปพายกับคนรักกลางทะเลสาบ รับรองว่าจะหลงรักโดโลไมท์มากขึ้นอีก

Lake Misurina

นอกจากทะเลสาบบรายส์ที่จะทำให้ทุกคนหลงรักโดโลไมท์แล้ว ยังมีทะเลสาบอีกแห่งหนึ่งที่นักเดินทางพากันปักหมุดเอาไว้ นั่นคือทะเลสาบมิซูริน่า ตั้งอยู่บนระดับความสูงเหนือ 1,700 เมตร จากระดับน้ำทะเล ที่นี่ก็เป็นทะเลสาบมีชื่อเสียงเช่นกัน โดยจุดเด่นของทะเลสาบมิซูริน่า คือน้ำในทะเลสาบที่ใสแจ๋วจนเห็นเงาของภูเขาทาบลงในผืนน้ำ บ่อยครั้งที่การท่องเที่ยวอิตาลีใช้ภาพนี้เพื่อโปรโมทดึงนักเดินทางให้มาที่นี่ นอกจากนี้รอบๆ ทะเลสาบยังมีเส้นทางเดินเท้า ร้านอาหาร ร้านเช่าสกี และอุปกรณ์สำหรับสกี ทั้งยังมีอาคารตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ซึ่งหลายคนมักคิดว่าเป็นโรงแรมทำเลดี แต่ที่จริงแล้วคือโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยโรคหอบหืด

Tre Cime

บริเวณทะเลสาบมิซูริน่านอกจากจะมีเทรลให้บรรดาเทรคเกอร์ได้เดินกันอย่างสนุกสนานแล้ว ยังมีทางแยกไปอุทยานเตร ซิเม ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปเยอะมาก แถวนี้จึงมีจุดตั้งแคมป์ ซึ่งมีทั้งร้านบ้าน และเต้นท์ไปกางกันอย่างครึกครื้น หากขับรถเลยจุดตั้งแคมป์ขึ้นไปอีกนิด คราวนี้จะเป็นจุดแวะพักชมวิวและผ่านด่านค่าเข้าอุทยาน โดยจะเก็บค่ารถคันละ 20 ยูโร เพื่อขับรถไต่เขาขึ้นไปบนจุดชมวิว จากนี้ไปหากใครแค่จอดรถแล้วถ่ายรูปหรือเดินเท้าลัดเลาะไปตามหุบเขา ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเทรลที่นักเดินเขาทุกคนชื่นชอบ

เตร ซิเม ถือเป็นอีกหนึ่งฮอตสปอตของโดโลไมท์ จะเห็นภูเขาเป็นยอดแหลม 3 ยอด ตั้งเด่นตระหง่าน ที่จริงมีชื่อเต็มๆ ว่า Tre Cime di Lavaredo ภูเขาสามยอดนี้ คือ Cima Grande ลูกกลาง สูง 2,999 เมตร ส่วนลูกซ้ายขวา คือ Cima Piccola สูง 2,857 เมตร และ Cima Ovest สูง 2,973 เมตร

ถ้าแยกเป็นโซนก็ต้องบอกว่า ในโซนโดโลไมท์ฝั่งตะวันตก เตร ซิเม ถือเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนอกสนใจกันมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็อลังการเหลือเกินสำหรับบางคนที่ไม่อยากเดินเท้ามาก รถก็สามารถเคลื่อนขึ้นไปได้ใกล้ยอดเขามาก แต่ก็ต้องเดินเท้าอีกนิดหน่อย รับรองว่าหากใครได้ขยับตัวเข้าใกล้เตร ซิเม จะสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของยอดเขาทั้ง 3 ลูกนี้

Ortisei

หากขับรถมาเที่ยวทางฝั่งตะวันออกของโดโลไมท์ ก็จะรู้เลยว่ามีอีกหลายเมืองระหว่างทางที่น่าแวะมาก ยังมีทะเลสาบน้อยใหญ่ ซึ่งสามารถจอดรถแวะพักผ่อนหย่อนอารมณ์หรือใครหอบหิ้วจักรยานติดรถมาด้วย ก็อาจจะจอดรถตามจุดจอด แล้วปั่นจักรยานท่องไปตามหุบเขาอันเขียวขจี ถ้าไปเยือนโดโลไมท์ในช่วงซัมเมอร์ จะเห็นเลยว่าระหว่างทางบนท้องถนนมีแต่ผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ กันอย่างสนุกสนานทั้งปั่นจักรยาน เดินป่า

และนอกจากคอร์ตินา ดิ อัมเพซโซที่เป็นหัวเมืองใหญ่ทางฝั่งตะวันตกแล้ว ทางฝั่งตะวันออกยังมีเมืองออร์ติเซ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนปักหลักกันที่เมืองนี้ ยิ่งใครขับรถมาจากฝั่งมิลานก็มักจะเลือกเมืองโบลซาโน และออร์ติเซ่เป็นจุดออกสตาร์ททำความรู้จักกับโดโลไมท์กัน

พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครมาจากทางฝั่งมิลาน ออร์ติเซ่ คือเมืองหน้าด่านก่อนเดินทางเข้าสู่เขตโดโลไมท์ แน่นอนว่าฝั่งนี้ก็งดงามไม่แพ้ฝั่งตะวันตก รายล้อมไว้ด้วยหุบเขารอบด้าน เรียกว่ามีมู้ดของความเป็นเมืองตากอากาศที่ได้คะแนนเต็มสิบไปเลย

หากใครมีเวลาเหลือเฟือลองออกไปเดินทอดน่องในตัวเมืองออร์ติเซ่ ก็จะพบว่าเมืองนี้มีความน่ารักน่าชัง อาคารบ้านเรือนเป็นสีพาสเทล อาคารเก่าแก่หลายหลังถูกจับโมดิฟายเป็นโรงแรม ธนาคาร และคาเฟ่ ถนนแคบๆ ใจกลางเมืองมีคาเฟ่เก๋ๆ อยู่สองฟากฝั่งให้นั่งแฮงก์เอาท์กัน ใจกลางเมืองมีโบสถ์ตั้งอยู่อย่างสวยงาม ใกล้กับโบสถ์มีทัวริสต์ อินฟอร์เมชั่น เซ็นเตอร์ที่กว้างขวางมาก เพราะรอบๆ เมืองออร์ติเซ่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกมากมายโดยเฉพาะเส้นทางเดินเท้าในละแวกนี้สวยหยาดเยิ้มเลยที่จริงแล้วออร์ติเซ่มีชื่อเสียงมากในด้านกีฬาฤดูหนาว เป็นสกีรีสอร์ทอันดับต้นๆ ของยุโรป แต่ทุกวันนี้ที่นี่คือเมืองต้นทางในการขึ้นไปเดินเท้ารอบๆ ยอดเขาแอลป์ เดอ ซูซี ที่ถือว่าเป็นนางเอกของโดโลไมท์

Alpe di Siusi

ย้ำอีกครั้งว่าแอลป์ เดอ ซูซี คือ นางเอกของโดโลไมท์ ถ้าไม่เชื่อต้องลองนั่งกระเช้าที่อยู่ตรงตีนเขาไต่ขึ้นไปพิสูจน์ด้วยสองตาของคุณเอง ก็จะรู้เลยว่าแอลป์ เดอ ซูซีสวยงามจับใจจริงๆ ถ้าเป็นฤดูหนาวนักเล่นสกีจะพากันมาที่นี่เพื่อไปเล่นสกีกันบริเวณนี้ แต่ถ้าเป็นซัมเมอร์แอลป์ เดอ ซูซีจะเต็มไปด้วยเทรคเกอร์จากทั่วมุมโลก ที่มุ่งหน้ามาเพื่อเดินเท้าลัดเลาะไปตามเส้นทางธรรมชาติ พูดเลยว่าใครได้มาเดินบนภูเขาที่นี่จะมีความสุขไม่แพ้เดินบนหิมาลัย หรือปาตาโกเนีย เพราะวิวทิวทัศน์ของแอลป์ เดอซูซีนั้นสวยติดท็อปทรีของโลกเชียวล่ะ

ระหว่างเดินเท้ารอบบริเวณนี้จะได้เห็นภูเขาสวยๆ หลายลูก ไม่ว่าจะเป็น ซาสโซลุงโก และซาสโซปิอาโต ยอดเขาปุนตา ซานเตอร์ และปุนตา ยูริงเงอร์ ระหว่างทางเดินจะได้เจอทั้งทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้า ป่าสน มีบ้านชาวบ้านตั้งอยู่บ้างและมีร้านอาหารวิวเลอค่าน่าแฮงก์เอาท์ตั้งอยู่ระหว่างทางเดินด้วย

แต่ถ้าใครจะมาเดินเท้าอาจต้องวางแผนเรื่องการเดินทาง เพราะกระเช้าไม่ได้เปิดให้ขึ้นตลอด บางปีปิดตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม บางปีก็ปิดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนยาวไปถึงเดือนมีนาคม ใครมาช่วงนี้อาจไม่ได้ขึ้นกระเช้าเพื่อชมวิวสวยของแอลป์ เดอ ซูซี

Pass di Falzarego

ก็บอกแล้วว่าใครไปโดโลไมท์แล้วชอบเดินเท้าเป็นทุนเดิมจะมีความสุขมากกว่าใคร เพราะมีเทรลให้เลือกเยอะมาก อีกมุมหนึ่งของโดโลไมท์ที่นักเดินเขาชอบกันก็คือ พาส ดิ ฟาสซาเรโก ต่อให้ไม่ชอบเดินก็ขึ้นไปบนพาสนี้ได้สบายๆ เพราะมีกระเช้าขึ้นไปส่งถึงที่ พอขึ้นกระเช้าจะมีเทรลให้เลือกทั้งเดินขึ้นเขา เดินลงไปหุบเขาหลายเส้นทาง เลือกได้ตามกำลัง หรือจะแค่นั่งแฮงก์เอาท์บริเวณรอบกระเช้า ก็มีมุมสบายให้ดื่มด่ำกับวิวได้อย่างจุใจ แต่มุมที่นักเดินทางชอบกัน คือ เดินเท้าขึ้นไปที่ริฟูจิโอ ลากาซุย สูงราวๆ 2,700 เมตร จากระดับน้ำทะเล เอาเป็นว่าเลือกได้ในแบบที่คุณชอบ

ทั้งหมดนี้ คือ โดโลไมท์ในหลากหลายมุมที่ไม่ว่าจะเคลื่อนตัวเองไปอยู่มุมไหนของที่นี่ก็สวยเลอค่าสมราคามรดกโลกจริงๆ

TRAVEL’S Guide

• ไม่ว่าจะออกตัวที่มิลานหรือเวนิสสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ก็มีเที่ยวบินไปทั้ง 2 เมืองนี้ จากกรุงเทพฯ บินแวะเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบูล จากนั้นบินต่อไปลงที่เวนิสหรือมิลานก็ได้คลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.turkishairlines.com
• เรื่องที่พักในเขตโดโลไมท์ คลิกเข้าไปเลือกได้เลยที่เว็บไซต์จองที่พักของแอร์บีเอ็นบี www.airbnb.com มีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบ ถ้าขับรถเที่ยวแบบครอบครัว ก็เหมาะจะพักแอร์บีเอ็นบีเพราะมีครัวและอุปกรณ์ให้ทำอาหารด้วย
• โดโลไมท์เหมาะจะขับรถเที่ยวมากที่สุด สอบถามเรื่องรถเช่าได้ที่บัดเจ็ท www.budget.co.th หรือ โทร 0 2203 9222