“Megatrend Retirement Planning” พลิกโฉมการวางแผนเกษียณ ยกระดับพอร์ตกองทุน - ประกัน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 59 | คอลัมน์ Exclusive

file

 

 

หลายปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมายหลายประเด็น ทั้งการที่ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงด้านการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งไวรัส COVID-19 ที่เร่งเร้าให้โลกและธุรกิจขยับสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งแรงขับเคลื่อนทั้งหมดนี้เอง ได้ส่งผลให้ “การวางแผนเกษียณ” ก้าวมาถึงจุดที่จะต้องพลิกโฉม เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไปจนถึงในอนาคต

การ “พลิกโฉมการวางแผนเกษียณ” ที่กล่าวถึงนี้ จะต่อยอดการวางแผนการเงินจากรูปแบบเดิม ไปสู่รูปแบบใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ผ่านการผสมผสานกันทั้งในเรื่องของการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation) ควบคู่ไปกับการปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) ในระยะยาว อันสอดรับกับเทรนด์ใหม่แห่งอนาคต

ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่ธนาคารทิสโก้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ Financial Advisor เล็งเห็นและมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับการวางแผนเกษียณให้แก่ลูกค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Megatrend Retirement Planning” ซึ่งจะพลิกโฉมไปจากการวางแผนการเงินรูปแบบเดิม พร้อมทั้งออกแบบโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้ามีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตหลังเกษียณได้ตามที่วาดฝัน

จากแผนเกษียณแบบดั้งเดิมสู่ “Megatrend Retirement Planning”

 “ทำไมต้องเป็น Megatrend Retirement Planning?” คุณพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า คอนเซ็ปต์ Megatrend Retirement Planning เป็นการวางแผนการเกษียณไปสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงใหม่ของโลก (Megatrends)  โดยเป็นการวางแผนครอบคลุมทั้งบริการคัดสรรกองทุนคุณภาพ ที่เน้นธุรกิจแห่งอนาคต (Megatrend Investment) และการปกป้องความเสี่ยง (Megatrend Protection) ด้วยประกันบำนาญ ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง ที่สอดรับกับกระแส Megatrends

แตกต่างจากการวางแผนเกษียณรูปแบบเดิม ที่เป็นการสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุนแบบดั้งเดิม (Conventional) ซึ่งแม้โดยภาพรวมจะเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ดี แต่ในระยะยาวก็อาจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ลดลงเมื่อเทียบกับความเสี่ยงและความผันผวนที่มากขึ้น ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก รวมถึงในด้านของการเลือกแผนความคุ้มครองหลังเกษียณ จะพบได้ว่าบางกรมธรรม์ก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องการได้รับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต (Death Benefit) เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตในยุคที่คนมีอายุยืนยาว และไม่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ความต้องการ

“เราตั้งใจให้การวางแผนเกษียณแบบ Megatrends เป็นคอนเซ็ปต์ที่ครอบคลุมทั้งการลงทุน การออม และการปิดความเสี่ยงต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างรอบด้านที่สุด เพราะเราไม่เคยมองว่าการเงินเป็นเรื่องง่าย แต่การเงินเป็นเรื่องที่ต้องมองให้ลึกในหลากหลายมิติ และต้องมองไปให้ไกลถึงคุณภาพชีวิตหลังเกษียณของลูกค้า ดังนั้น เราจึงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ลูกค้าตระหนักถึง Pain Point ในด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ การปิดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผ่านการให้คำแนะนำ และการจัดพอร์ตการลงทุน ตลอดจนการวางแผนด้านประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง และประกันบำนาญ เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละราย และเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด”

ด้วยความมุ่งมั่นนี้เอง ธนาคารทิสโก้ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีแพลตฟอร์ม Open Architecture บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน-ประกันชีวิตและสุขภาพจากหลากหลายค่ายในจุดเดียว จึงทำให้สามารถเดินหน้าให้บริการภายใต้คอนเซ็ปต์ Megatrend Retirement Planning คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ “ดีที่สุด (Top in Class)” ของแต่ละสถาบันการเงินชั้นนำมาให้ลูกค้าได้ ซึ่งจะช่วยให้แผนการเงินเพื่อการเกษียณของลูกค้าประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

และด้วยแพลตฟอร์มธุรกิจที่เปิดกว้างของธนาคารทิสโก้นี้เอง ทำให้ธนาคารสามารถให้คำแนะนำและเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้อย่างเป็นกลาง เพราะธนาคารเชื่อว่าแต่ละบริษัทมีความเชี่ยวชาญในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า และแผนความคุ้มครองที่คุ้มค่ากว่ามาให้กับลูกค้า

file

“Megatrend Investment” เพิ่มโอกาสสร้างเงินก้อนตามเป้าหมายก่อนเกษียณ  

เมื่อโลกเปลี่ยนไป...การลงทุนในธุรกิจเดิมๆ อาจเติบโตไม่เพียงพอ จนทำให้เป้าหมายสร้างเงินก้อนก่อนเกษียณของคุณ “พลาดเป้า” เพราะด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถูกกดดันด้วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 การเมืองระหว่างประเทศ รวมไปถึงนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ อีกทั้งเทคโนโลยียังเข้ามาพลิกโฉมโลก ทำให้ธุรกิจดั้งเดิมได้รับผลกระทบจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จนผลตอบแทนที่ได้อาจไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหา Pain Point นี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้จึงโฟกัสการให้คำแนะนำลงทุนในธีม “Megatrend Investment” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เห็นการเติบโตได้อย่างชัดเจน และเพิ่มโอกาสสร้างเงินก้อนก่อนเกษียณให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

เพราะธุรกิจในกลุ่ม Megatrend Investment นั้น ได้อานิสงส์โดยตรงจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก จึงเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างมหาศาล และคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นในระดับ 50-100% ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่ว่าธุรกิจในกลุ่ม Megatrends จะไม่แกว่งตัวไปตามความเสี่ยงของตลาด แต่ผลตอบแทนที่สูงและการลงทุนระยะยาวในรูปแบบของการลงทุนเพื่อการเกษียณจะทำให้ฝ่าด่านความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด

คุณพิชาได้ยกตัวอย่าง ธีม Megatrends เด่นๆ ในเวลานี้ที่มีโอกาสลงทุนได้คุ้มความเสี่ยง เช่น ธีม Innovative Healthcare ซึ่งเป็นธีมที่เห็นได้ชัดเจนในยุคที่ทั่วโลกเข้าสู่สังคมสูงวัย รวมถึงภัยจากโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ดังเช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยิ่งเป็นตัวเร่งให้เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาวิธีการรักษาและยาชนิดใหม่ๆ อย่างก้าวกระโดด รวมถึงการแพทย์ทางเลือก ล้วนส่งผลให้ ธีม Innovative Healthcare มีโอกาสเติบโตได้สูงใน 5 - 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังมีธีม The Future Trend of Technology ที่จะมีการเติบโตได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะกลุ่มของ Cloud Computing ที่จะเติบโตขึ้นตามปริมาณการใช้ Data ตามมาด้วยกลุ่ม Cyber Security ที่จะเห็นการใช้เม็ดเงินลงทุนเพื่อปกป้องข้อมูลเหล่านั้น อย่างไรก็ดี ในอนาคตก็อาจจะมีธีมที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารจะวิเคราะห์ในเชิงลึก เพื่อคัดเลือกธีมและผลิตภัณฑ์ ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีหรือมีลักษณะเติบโตแบบ
ก้าวกระโดด (Exponential Growth) ให้กับลูกค้า

“ความเสี่ยงในตลาดมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผลตอบแทนจากหุ้นกลุ่มเดิมนั้น อาจเริ่มเติบโตได้ยากจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป และอาจทำให้มีกำไรไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับความเสี่ยงในตลาดที่มีการแกว่งตัวสูง เช่น หากมีความผันผวน 20% แต่ธุรกิจกลุ่มเดิมเติบโตเพียง 10 - 15% ก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง เราจึงต้องหาหุ้นที่เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดแบบ Exponential Curve คือ ต้องเติบโตเป็นเท่าตัว ถึงจะคุ้มกับความเสี่ยงได้ ดังนั้น การจัดพอร์ตเพื่อวางแผนหลังเกษียณ จะต้องฝ่าด่านความแกว่งตัวของตลาดที่มีมากขึ้นไปให้ได้ เพื่อให้มีเงินเพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ซึ่ง Megatrend Investment เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะตอบโจทย์การวางแผนการเกษียณฉบับ Megatrends ที่สมบูรณ์”

ประกันแบบเดิมอาจไม่เพียงพอถ้าไม่ใช่ “Megatrend Protection”    

file

ความผิดพลาดที่นับได้ว่าเป็นแผลใหญ่ของการวางแผนด้านประกันเพื่อการเกษียณแบบดั้งเดิม ก็คือ “ความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ” แต่ Megatrend Protection สามารถเข้ามาสมานแผลที่ว่านี้ได้

ที่ผ่านมาหลายคนอาจมีประกันฯ หลากหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพ หรือแม้กระทั่งเพื่อการออมสำหรับเป็นเงินทุนใช้จ่ายในอนาคต แต่เนื่องจากนวัตกรรมการแพทย์ที่พัฒนาและการเข้าสู่สังคมสูงวัย รวมทั้งทัศนคติในการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เปลี่ยนไป ได้ส่งผลให้ประกันในรูปแบบเดิม อาจไม่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคตได้อีกต่อไป

 ยกตัวอย่างเช่น “ประกันบำนาญ” แบบดั้งเดิม จะเน้นให้ผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต (Death Benefit) โดยผู้ที่ได้ผลประโยชน์ดังกล่าวก็คือทายาทของผู้ทำประกัน ซึ่งหากกลับมาพิจารณาถึงความเป็นจริง จะเห็นได้ว่าความต้องการมีบุตรของคนในยุคนี้มีสัดส่วนที่ลดลง เห็นได้จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่พบว่า เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมามีเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 6 แสนคนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ดังนั้น จึงหมายความว่า การทำประกันบำนาญในรูปแบบเดิม อาจไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในอนาคตของกลุ่มคนที่มีความตั้งใจจะใช้ชีวิตโดยไม่มีบุตร รวมถึง Death Benefit เองก็ยังไม่ตอบโจทย์การออมเพื่อสร้างกระแสเงินสด สำหรับดูแลตัวเองในวัยเกษียณด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ “คุณพิชา” ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงอีกหนึ่ง Pain Point ในเรื่องการทำประกันแบบดั้งเดิม ในรูปแบบ “ประกันสุขภาพ” และ “ประกันโรคร้ายแรง” ซึ่งนับจากนี้หากยังไม่ปรับเปลี่ยน ก็อาจส่งผลให้ผู้ทำประกันได้รับความคุ้มครองไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรืออาจไม่สามารถเข้าถึงนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่ได้ ซ้ำร้ายกว่านั้น หากมีปัญหาสุขภาพ หรือ โรคร้ายเกิดขึ้นในช่วงหลังเกษียณ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวัสดิการด้านสุขภาพของบริษัทสิ้นสุดลงแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ชีวิตต้องอยู่ในภาวะ “ไม่เพียงพอ” จากการอดทนอยู่กับประกันแบบดั้งเดิมอย่างน่าเสียดาย

“การไม่มีประกันก่อนเกษียณน่าจะเป็นเรื่องที่ว่ารุนแรงแล้ว แต่การไม่มีประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงหลังเกษียณนั้นรุนแรงยิ่งกว่า โดยคนส่วนใหญ่ที่ทำงานประจำมักจะคิดว่า หากเจ็บป่วยขึ้นมาก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทหรือประกันสังคมได้ แต่อาจลืมนึกไปว่า หลายๆ ครั้งค่าใช้จ่ายก็มักจะสูงเกินกว่าวงเงินคุ้มครอง จนอาจต้องใช้เงินเก็บส่วนตัวเพิ่มเติมเข้าไป และหากสิ้นสุดการเป็นพนักงานหรือเกษียณอายุก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เหล่านี้ พอจะเริ่มมาซื้อประกันค่าเบี้ยก็สูงขึ้นมากแล้ว หรืออาจถูกปฏิเสธการทำประกันสุขภาพเลยเมื่ออายุเกิน 60 ปี ไปแล้ว”

ด้วยประเด็นต่างๆ ที่ชี้ชัดว่า การทำประกันแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพอสำหรับการเกษียณนี้เอง ธนาคารทิสโก้จึงพลิกโฉมบริการให้คำแนะนำวางแผนเกษียณ ด้วยประกันแบบ Megatrend Protection เพื่อเข้ามาช่วยปิดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้านที่สุด  

โดยในมิติของ “ประกันบำนาญ” ก็จะตอบโจทย์ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลประโยชน์ในขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) สูง เพื่อสร้างกระแสเงินสดรับที่แน่นอนและช่วยลดปัญหาเกษียณแล้วมีเงินไม่พอใช้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งรูปแบบดังกล่าว นับเป็นประกันบำนาญตามคอนเซ็ปต์ Megatrend Protection ที่มีจุดเด่นคือ เน้นสร้างกระแสเงินสดรับที่ชัดเจนสม่ำเสมอตลอดอายุขัยหรือจนครบสัญญาฯ ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขตามไลฟ์สไตล์ที่ตั้งใจ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าเงินฝาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมี Death Benefit คือ ผลประโยชน์กรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตก่อนอายุที่ระบุในสัญญาฯ ซึ่งจะถูกส่งมอบให้ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุในสัญญาฯ   

ส่วน Megatrend Protection ในมิติของ “ประกันสุขภาพ” และ “ประกันโรคร้ายแรง” จะเน้นการวางแผนโดยเลือกกรมธรรม์เป็นรูปแบบเหมาจ่าย หรือที่มีทุนประกันสูงมากเพียงพอ เพื่อให้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพตามเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

อย่างไรก็ตาม การวางแผนในการซื้อประกันที่เหมาะกับแต่ละคนนั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ความคุ้มครองนั้นเพียงพอต่อไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล และป้องกันไม่ให้เกิด Over Protection หรือซื้อมากไปจนเกินพอดี อีกทั้งยังควรคำนึงถึงการชำระเบี้ยที่จะเกิดขึ้นหลังเกษียณอายุอีกด้วย ซึ่งลูกค้าของธนาคารทิสโก้สามารถมาขอรับปรึกษาการวางแผนด้าน Megatrend Protection ที่เหมาะสมกับความต้องการได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือหากมีประกันที่เคยซื้อไว้ก็สามารถนำมาปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของธนาคารทิสโก้ เพื่อปรับเปลี่ยนความคุ้มครองให้ครอบคลุมและเพียงพอต่อความต้องการได้เช่นกัน

พัฒนาบริการด้วยการสร้าง “คน” ควบคู่เทคโนโลยี

 

ในด้านแพลตฟอร์มการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินของทิสโก้ในระยะ 5 - 10 ปีข้างหน้าคุณพิชา อธิบายว่า จะมุ่งเน้นไปในรูปแบบของ Hybrid Advisory ซึ่งเป็นบริการที่ผสมผสานกันระหว่าง “บุคลากรที่มีคุณภาพ” ควบคู่ไปกับการใช้ “เทคโนโลยี” มาพัฒนาช่องทางออนไลน์เพราะเชื่อว่าการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่ตอบโจทย์เพียงพอ โดยเฉพาะบางผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการคำแนะนำหรือการอธิบายเชิงลึก

ดังนั้น ธนาคารทิสโก้จึงยังคงเดินหน้าสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ RM (Relationship Manager) สอบใบประกอบวิชาชีพนักวางแผนการเงิน (AFPT/CFP) เพื่อให้คำปรึกษาการลงทุนแบบองค์รวมเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำการลงทุนกองทุนรวม เงินฝาก ประกันชีวิตและประกันวินาศภัยได้อย่างครบเครื่อง 

file

“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะมีความสำคัญต่อธุรกิจมากขึ้นขนาดไหนก็ตาม แต่ทิสโก้ยังเชื่อว่า ทรัพยากรบุคคล ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้น แนวโน้มในอนาคตจึงต้องทำควบคู่กันไปทั้งในเรื่องของ “คน” และ “เทคโนโลยี” เพราะในเรื่องบางเรื่องคนก็ยังมีความเชี่ยวชาญมากกว่าเทคโนโลยี ดังนั้น โจทย์ของธนาคารทิสโก้ในส่วนของธุรกิจธนบดีธนกิจ ณ เวลานี้ ก็คือการให้ความสำคัญกับเรื่องของการสร้างคนให้มีศักยภาพในการให้คำแนะนำกับลูกค้า ซึ่งนอกจาก RM ของธนาคารทิสโก้ทุกคนจะต้องมี Single License แล้ว ธนาคารทิสโก้ยังสนับสนุนให้ RM พัฒนาตัวเองยิ่งขึ้น ด้วยการสอบเป็นนักวางแผนการเงิน (CFP) ซึ่งปัจจุบันมี RM ที่ได้รับ CFP License แล้วมากถึง 30%”

นอกจากเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลแล้ว ธนาคารทิสโก้ยังเดินหน้าพัฒนาการให้บริการด้านเทคโนโลยี โดยล่าสุดได้อัปเดตแอปพลิเคชัน “TISCO My Wealth” เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการซื้อขายผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและประกันของพันธมิตรที่ธนาคารได้คัดสรรไว้ให้ ซึ่งแอปฯ นี้จะตอบโจทย์ได้ทั้งลูกค้าทั่วไป รวมถึงลูกค้าธนบดีธนกิจ ที่จะได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น เพราะธนาคารทิสโก้มองว่าการบริการด้านการเงินที่ดีนั้นไม่ควรจบที่หน้าจุดขาย แต่ควรดูแลไปตลอดเส้นทางการลงทุน

และด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณให้ลูกค้าและในอนาคต ธนาคารทิสโก้ยังนำเสนอคำแนะนำทางการเงิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทั้งเท่าทันสถานการณ์และนำเทรนด์ พร้อมคำแนะนำการเงินและผลิตภัณฑ์ที่สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าในระยะยาว เพราะเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ทุกฝ่ายควรต้องได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งสังคม ลูกค้า และธนาคาร

“การวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ” เป็นเรื่องสำคัญของการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ซึ่งหากทุกคนร่วมกันวางแผนการเงินที่ดีแล้วจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐ และลดปัญหาอื่นๆ ในสังคม ซึ่งที่ผ่านมาประเด็นนี้ยังขาดการสื่อสารแบบรอบด้าน แต่หลังจากนี้ธนาคารทิสโก้ขออาสาเดินหน้าให้คำแนะนำลูกค้า ไปพร้อมๆ กับให้ความรู้กับสังคมด้วย Megatrend Retirement Planning เพื่อให้ทุกคนตระหนัก และเริ่มวางแผนการเงินสำหรับอนาคตด้วยแนวทางที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการใช้ชีวิตยามเกษียณในแบบที่ทุกคนหวังไว้”