Qatar, a True Gem of the Arabian Gulf
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 63 | คอลัมน์ Horizon
กาตาร์ (Qatar) ประเทศที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งเปอร์เซีย” ฉายานี้ไม่เกินจริง เพราะแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ในดินแดนตะวันออกกลางที่มีพื้นที่น้อยกว่า 12,000 ตารางกิโลเมตร ทว่ากลับเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจ เพราะเป็นหนึ่งในห้าประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังรุ่มรวยด้วยอารยธรรมโบราณ และสถาปัตยกรรมสุดอลังการที่ผสานวัฒนธรรมอาหรับอันทรงเสน่ห์ไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมเปี่ยมไปด้วยความล้ำสมัยของสาธารณูปโภคแห่งเมืองอันศิวิไลซ์
หลายคนอาจจะเคยรู้จักประเทศนี้แค่ในฐานะสถานที่สำหรับเปลี่ยนเครื่องบินระหว่างทาง หรืออาจจะเคยได้ยินชื่อสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (Qatar Airways) ซึ่งเป็นสายการบินที่มีฐานประจำการอยู่ที่เมืองโดฮา (Doha) อันเป็นเมืองหลวงของกาตาร์เพียงเท่านั้น วันนี้จึงจะพาไปเที่ยวกาตาร์ พร้อมทำความรู้จักกับประเทศแห่งนี้ให้มากขึ้น ผ่านสองเมืองอันโดดเด่นของกาตาร์ นั่นก็คือ โดฮา (Doha) และ ลูเซล (Lusail) แล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมนักเดินทางถึงต้องไปเยือนกาตาร์สักครั้งในชีวิต
Irresistible Charms of Doha
เริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวกาตาร์กันที่ กรุงโดฮา เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกาตาร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของประเทศและอยู่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย ที่นี่เป็นศูนย์รวมความเจริญในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ตลอดจนการท่องเที่ยว หากจะท่องเที่ยวโดฮาอย่างเต็มอิ่ม แนะนำว่าอย่างน้อยควรมีเวลาสัก 3 - 4 วัน เพื่อจะได้ใช้เวลาในแต่ละจุดแบบไม่เร่งรีบจนเกินไป
สำหรับหมุดหมายแรกที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม เพื่อเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักและเข้าใจเมืองแห่งนี้อย่างลึกซึ้ง นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม (Museum of Islamic Art: MIA) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่คือแหล่งรวมร่องรอยอารยธรรมอิสลามจากอดีตที่เชื่อมโยงเข้าสู่ปัจจุบัน โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคารได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอิสลาม (Islamic Art) ผสานการตีความแบบสมัยใหม่ ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดย I.M.Pei สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายจีนผู้ล่วงลับซึ่งเป็นเจ้าของผลงานสถาปัตยกรรมระดับโลกมากมาย รวมถึงพีระมิดพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) ในปารีส และบอกได้เลยว่าแค่เพียงได้เห็นตึกรูปทรงเรขาคณิตที่ผสานดีไซน์สุดทันสมัยของ MIA ตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะเทียมหน้าอ่าวโดฮา (Doha Bay) ก็ถือเป็นการเปิดทริปอันยอดเยี่ยมแล้ว
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีพื้นที่ราว 45,000 ตารางเมตร และมีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือการจัดแสดงชิ้นงานของอิสลามจาก 3 ทวีป ที่ได้รวบรวมเอาไว้มากกว่า 1,100 ชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นงานโลหะ เซรามิก เครื่องประดับ งานไม้ และสิ่งทอต่าง ๆ เป็นต้น โดยสามารถสืบสาวเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ย้อนไปได้มากกว่า 1,400 ปี ซึ่งมีอายุตั้งแต่ศตวรรษ ที่ 7 - 20 ทั้งยังมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์มากกว่า 10,000 กิโลเมตร เริ่มต้นตั้งแต่เขตแดนของประเทศสเปนไปจนจรดที่คาบสมุทรอินเดีย
นอกจากนี้ MIA รูปโฉมใหม่หลังจากปิดปรับปรุงไปเมื่อช่วงกลางปี 2021 และเปิดให้บริการอีกครั้งปลายปีที่ผ่านมา ยังได้เพิ่มโซนอารยธรรมและวัฒนธรรมอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แตกต่างผ่านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อโลกอิสลามด้วย แต่หากใครที่มีเวลาไม่มากนัก ก็สามารถไปเยี่ยมชมกันต่อได้ผ่านบริการ Virtual Tour รอบพิพิธภัณฑ์ทางเว็บไซต์ของ MIA และสำหรับชาวกาตารีที่นี่คือสถานที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์อิสลามเพื่อก้าวสู่โลกอนาคต แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่นี่ คือแหล่งเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกอิสลาม ณ ยุคปัจจุบัน เพื่อย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นในอดีต
ถัดจาก MIA ไม่ไกลนัก มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยอาหรับใหม่ (Mathaf: Arab Museum of Modern Art) หรือที่ชาวกาตารีเรียกว่า มัทธาฟ เป็นภาษาอารบิกที่มีความหมายว่า พิพิธภัณฑ์ ที่นี่เคยเป็นโรงเรียนเก่าแก่ของโดฮา ก่อนได้รับการบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์อันล้ำสมัย โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Jean-François Bodin และเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในตะวันออกกลางที่นำเสนองานศิลปะอิสลามแบบโมเดิร์น รวมถึงศิลปะวัตถุต่าง ๆ ในช่วงต้นของยุค 1840 ที่รวบรวมมาจัดแสดงมากกว่า 9,000 ชิ้นงาน โดยรูปภาพและรูปปั้นส่วนใหญ่ที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นสมบัติส่วนตัวของ Sheikh Hassan bin Mohamed bin Ali Al Than สมาชิกคนสำคัญของราชวงศ์กาตาร์ ผู้เป็นทั้งศิลปิน นักสะสม นักวิจัย และนักวิชาการสาขาศิลปะสมัยใหม่ของโลกอาหรับ อินเดีย และเอเชีย
จากนั้นไปเดินเล่นกันต่อที่ โดฮา คอร์นิช (Doha Corniche) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตที่มีทางเดินริมทะเลสวยใสหาดทรายขาวยาวถึง 7 กิโลเมตร ทอดตัวเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวรอบอ่าวโดฮา พร้อมรายล้อมด้วยสวนสาธารณะ โรงแรม และร้านรวงต่าง ๆ ให้ได้ชอปปิงกันอย่างเพลิดเพลินโดยโดฮา คอร์นิชแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ เดอะ คอร์นิช พาร์ค แอนด์ พรอม เมเนด (The Corniche and Promenade) ที่ชาวกาตารีนิยมมาเดิน วิ่ง เล่นสเก็ต หรือทำกิจกรรมเบา ๆ พูดคุย พบปะกัน อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีสวนสาธารณะเก่าแก่ของโดฮา ที่มีชื่อว่า Al Rumaila ด้วย ส่วนที่สองคือ คอร์นิช สตรีท (Corniche Street) จุดเชื่อมต่อย่านธุรกิจใหม่ของโดฮาอย่างเวสต์ เบย์ (West Bay) และสนามบินนานาชาติโดฮา (Doha International Airport) และส่วนสุดท้ายเดอะ โกเวอร์นเมนท์ โซน (Government Zone) เป็นเขตราชการที่มีวิวอ่าวตัดกับภาพอาคารบริหารอย่างอาเมียร์รี ดิวาน (Amiri Diwan)สถานที่ทำงานของผู้ครองรัฐกาตาร์ และเมื่อตะวันคล้อยต่ำจนถึงช่วงย่ำค่ำ โดฮา คอร์นิชจะเป็นจุดนัดพบยอดนิยมสำหรับครอบครัว เพื่อนฝูงรวมทั้งผู้คนที่มาเดินทอดน่องชมความงามของเมือง
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่อยู่บริเวณโดฮา คอร์นิช ก็คือท่าเรือ โดยทุกเช้าบริเวณท่าเรือแห่งนี้จะมีชาวประมงจับปลาสด ๆ มาขายในราคาที่ถูกกว่าตลาดทั่วไป จนทำให้ที่นี่กลายเป็นตลาดปลาขนาดย่อม ๆ พอตกบ่ายจนถึงราวเที่ยงคืนก็จะมีบริการล่องเรืออาหรับโบราณหรือเรือ Dhow พาชมบรรยากาศยามบ่ายอันงดงาม ไปจนถึงแสงสียามค่ำคืนของนครโดฮา พร้อมดนตรีเคล้าคลอตลอดการเดินทางซึ่งมีอัตราค่าบริการล่องเรือรอบอ่าวโดฮาอยู่ที่ 25 ริยัลกาตาร์ ต่อเวลา 30 นาที
และด้วยความที่กาตาร์นั้นเป็นเมืองที่มีความพยายามในการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมประจำชาติเป็นอย่างมาก จึงทำให้หมู่บ้านวัฒนธรรมคาทาร่า (Katara Cultural Village) ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของโดฮา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าไปเยือน เพราะเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของกาตาร์ไปจนถึงโลกอาหรับเอาไว้ในที่เดียว
โดยหมู่บ้านแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยงานสถาปัตยกรรมตะวันออกที่ผสานกับความโรแมนติกแบบย้อนยุค ซึ่งแตกต่างจากอาคารทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ในโดฮา และเป็นสถานที่ที่นิยมจัดกิจกรรมทางศิลปและวัฒนธรรม อาทิ งานคาร์นิวัล กิจกรรมทางสังคมตลอดจนงานนิทรรศการศิลปะต่าง ๆ ได้รับการคัดเลือกให้หมุนเวียนมาจัดแสดงรอบ ๆ หมู่บ้าน ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการเดินเข้าออกตามตรอกซอกซอยของหมู่บ้านแห่งนี้ รู้ตัวอีกทีก็อาจจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของมัสยิดทองคำ (Golden Mosque) อันเหลืองอร่ามที่ถูกสร้างในสไตล์ออตโตมันและตกแต่งโดยรอบด้วยแผ่นทองขนาดจิ๋ว ถัดไปไม่ไกลนักมีมัสยิดคาทาร่า (Katara Mosque) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมแบบตุรกี ทั้งยังมีอัฒจันทร์รูปครึ่งวงกลม (Katara Amphi theatre) อันโดดเด่น ที่ผสานแนวคิดของอิสลามและโรงละครสไตล์กรีกโบราณได้อย่างลงตัว โดยสามารถจุผู้คนได้ถึง 5,000 คน ซึ่งแน่นอนว่าสามารถรองรับการจัดอิเวนต์ขนาดใหญ่ ๆ ได้แบบสบาย ๆ
จากหมู่บ้านวัฒนธรรม ขับรถไปทางตะวันออกราว 10 นาที ก็จะเจอกับเดอะ เพิร์ล กาตาร์ (The Pearl Qatar) เกาะเทียมสุดหรูหรา ที่มีลักษณะผังเมืองคล้ายกับไข่มุก ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งเวสต์ เบย์ ลากูน (West Bay Lagoon) ประมาณ 350 เมตร โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,000,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งชื่อ เดอะ เพิร์ล กาตาร์ นั้นมีที่มาจากที่กาตาร์เคยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ค้ามุกของเอเชีย และยังเป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำหามุกของกาตาร์ ก่อนที่ธุรกิจปิโตรเลียมจะเข้ามาแทนที่ นอกจากเดอะ เพิร์ล กาตาร์ จะเป็นย่านที่พักสุดหรูที่สามารถให้ชาวต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินได้แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับห้าดาว ร้านอาหารหลากหลายที่ครอบคลุมตั้งแต่อาหารอเมริกาใต้ ฝรั่งเศส เลบานอน ไปจนถึงบาร์กาแฟ และชอปปิงบูติกระดับไฮเอนด์ รวมไปถึงที่จอดเรือยอช์ตซึ่งถือได้ว่าเป็นย่านที่ยืนหนึ่งในเรื่องความสง่างามและบรรยากาศสุดชิลล์
จุดเช็กอินต่อมา คือ ตลาดโบราณซุก วากิฟ (Souq Waqif) ที่ตั้งอยู่ในเขตแอล ซุก (Al Souq) ใจกลางกรุงโดฮา มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าพื้นเมืองและรวมถึงสัตว์ต่าง ๆ ระหว่างชาวเบดูอินกับชาวพื้นเมือง ที่ผ่านช่วงเวลาคึกคักและซบเซา จนในที่สุดก็ได้รับการรีโนเวตให้แข็งแรง ใหม่เอี่ยม และเป็นตลาดที่ขายสินค้าสารพัน ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ สัตว์เลี้ยง ทองคำ ของใช้ ของที่ระลึก ของพื้นเมืองต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ ตะกร้าสาน เสื้อผ้าปักดิ้นทอมือ อาวุธโบราณ ซึ่งแต่ละร้านจะมีช่างนั่งทำผลงานกันสด ๆ ด้านใน ถ้าไม่รู้จะซื้ออะไรดี ขอแนะนำอินทผลัมและถั่วนานาชนิดที่เป็นของฝากยอดนิยม โดยตลาดเปิดทุกวันตั้งแต่สิบโมงถึงบ่ายสอง และตั้งแต่สามโมงไปจนถึงห้าทุ่ม ซึ่งจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะทั้งชาวกาตารี ชาวต่างชาติในโดฮา รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างพร้อมใจมาชิลล์ ณ ที่แห่งนี้กันอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะบริเวณถนนสายหลักกลางตลาด ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย
เที่ยวในเมืองหลวงกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ต้องไปสนุกกันต่อกับการผจญภัยในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่ ทะเลใน (Inland Sea หรือ Khor Al Adaid) สวรรค์สำหรับนักเดินทางที่ตั้งอยู่ ณ ปากอ่าวอาระเบียน และอยู่ห่างจากโดฮาไปทางตอนใต้ 78 กิโลเมตร แม้จะมีประเทศ ณ ปากอ่าวอาระเบียนหลายประเทศ แต่กาตาร์เป็นประเทศเดียวที่มีทะเลเว้าเข้ามาในแผ่นดิน จึงมีชายฝั่งเป็นทะเลทรายทอดยาวจากเหนือจรดใต้เป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร และเมื่อวัดจากฝั่งตะวันออกไปทางตะวันตกจะมีความยาว 12 กิโลเมตร นี่คือหนึ่งในไม่กี่แห่งของโลกที่มีน้ำทะเลสีฟ้าเจิดจ้าซัดคลื่นเข้าหาชายฝั่งที่เป็นทะเลทราย จนก่อเกิดเป็นทัศนียภาพอันสวยงามจับใจ
พื้นที่ชายหาดที่ติดกับทะเลทรายแห่งนี้ มีภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และได้สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนมาอย่างยาวนาน โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถชื่นชมทัศนียภาพที่แตกต่างกันในช่วงเช้าและเย็นจากอิทธิพลของน้ำขึ้น-น้ำลง ส่วนระหว่างวันมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ (4×4) ตะลุยเนินทรายอันกว้างใหญ่ การเล่นแซนต์บอร์ดดิง (Sandboarding) โต้ทราย การเล่นไคท์ เซิร์ฟฟิง (Kitesurfing) โต้คลื่นกลางทะเล การเล่นร่มร่อนพาราไกลดิ้ง (Paragliding) และกิจกรรมไฮไลต์อย่างการทดลองขี่อูฐเพื่อสัมผัสไอแดดและสายลมข้ามสันทราย รวมทั้งยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตั้งแคมป์กลางทะเลทรายท่ามกลางภูมิทัศน์สวยงามแปลกตาที่ได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุดตามวิถีธรรมชาติ
Lusail, Qatar’s Future City
จากโดฮามุ่งหน้าสู่ลูเซล เมืองแห่งอนาคตของกาตาร์ ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของโดฮาประมาณ 23 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบายทั้งทางรถยนต์และรถไฟเมโทร ที่นี่คือส่วนต่อขยายของความเจริญที่ได้รับการออกแบบเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในทุก ๆ แง่มุม โดยมีทั้งสิ่งปลูกสร้างดีไซน์สุดล้ำ ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ สวนสนุก รวมไปถึงแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและย่านแสงสีสุดตระการตา
เริ่มต้นสัมผัสความอลังการของเมืองลูเซลกันที่ ห้างสรรพสินค้าปลาส วองโดม (Place Vendôme Mall) สุดหรูหราและขนาดใหญ่ในกาตาร์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมคลาสสิกของฝรั่งเศส ที่จำลองบรรยากาศของถนนรู เดอ ลา เปซ์ (Rue de la Paix) ถนนชอปปิงสุดหรูแห่งมหานครปารีสมาไว้ได้อย่างงดงาม และเมื่อเข้าสู่โมงยามแดดร่มลมตก แนะนำให้ออกไปชมเมืองย่านมาริน่า พรอมเมเนด (Marina Promenade) ที่มีระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยด้านหนึ่งของถนนมีต้นปาล์มเรียงรายไปตามทางเท้า ส่วนอีกด้านมีเรือยอช์ตจอดเรียงรายในทะเลอันกว้างใหญ่ ขณะเดินเล่นไปตามทางยังสามารถเพลิดเพลินไปกับแสงสีและน้ำพุเต้นระบำที่ช่วยเพิ่มความคึกคักในยามค่ำคืนอีกด้วย
หากเดินจากมาริน่า พรอมเมเนดไปเรื่อย ๆ ราว 10 นาที ก็จะถึงอาคารคาทาร่า (Katara Towers) อาคารรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีดีไซน์โดดเด่นเห็นได้แต่ไกล ภายในมีทั้งโรงแรมระดับห้าดาว ภัตตาคาร โรงภาพยนตร์ และร้านรวงต่าง ๆ รวมถึงศูนย์ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ และอีกหนึ่งสิ่งปลูกสร้างที่มีดีไซน์สวยแปลกตา ซึ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ก็คืออาคารมาริน่า ทวิน ทาวเวอร์ (Marina Twin Towers) ตึกแฝดสุดชิค ที่เป็นศูนย์รวมของธุรกิจระหว่างประเทศหลากหลายแขนง โดยสถาปัตยกรรมที่ดูสนุกขี้เล่นของอาคารแห่งนี้ ช่วยเสริมลูกเล่นให้ย่านธุรกิจนี้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อีกทั้งยังชวนให้นึกถึงบล็อกหลากสีของเลโก้ของเล่นที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่วนอีกหนึ่งความล้ำสมัยต้องยกให้สะพานแขวนทรงกลม ที่นอกจากจะอำนวยความสะดวกในเรื่องการคมนาคมของประเทศแล้ว เมื่อเปิดไฟประดับหลังตะวันตกดินสะพานแห่งนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สวยงามในยามค่ำคืนด้วย
ชอปปิงกันจนหนำใจ และชมเมืองกันจนเต็มอิ่มแล้ว อย่าลืมไปผ่อนคลายกันต่อที่สวนสาธารณะเครสเซนต์ พาร์ก (Crescent Park) สวนสาธารณะที่มีพื้นที่สีเขียวขนาด 275,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์จากสภาพแวดล้อมของทะเลทรายพร้อมมุ่งเน้นวิถีชีวิตอันยั่งยืน ด้วยการใช้น้ำที่ผ่านการบำบัดในการดูแลบำรุงต้นไม้น้อยใหญ่ภายในสวนนี้ให้เติบโตอย่างงดงาม และหากมีเวลาเหลือต้องข้ามไปสัมผัสไลฟ์สไตล์สุดชิลล์ที่เกาะอัล มาฮา (Al Maha) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นใจกลางย่านสถานบันเทิงของกาตาร์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสายปาร์ตี้หรือสายกินก็ต้องหลงรักเกาะแห่งนี้แน่นอน สำหรับสายปาร์ตี้แนะนำให้ไปนั่งชิลล์ จิบไวน์ชั้นยอดหรือเครื่องดื่มรสเลิศ ในบรรยากาศริมหาดทรายที่แนมโมส โดฮา (Nammos Doha) บาร์ยอดนิยมบนเกาะแห่งนี้ ส่วนสายกินก็จะได้เพลิดเพลินไปกับร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ร้านอร่อยราคาสบาย ๆ ไปจนถึงร้านหรูหราระดับไฮเอนด์ และสำหรับนักเดินทางที่กำลังมองหากิจกรรมที่จะทำให้อะดรีนาลีน (Adrenaline) พลุ่งพล่านและหัวใจเต้นรัวต้องไม่พลาดการไปเยือน ลูเซล วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ (Lusail Winter Wonderland) สวนสนุกใหม่ล่าสุดของกาตาร์ที่ตั้งอยู่บนเกาะอัล มาฮา ซึ่งอัดแน่นไปด้วยความสนุกและเครื่องเล่นมากกว่า 50 รายการ อาทิ Ooredoo 5 รถไฟเหาะสุดตื่นเต้นเร้าใจ Skycoaster รถไฟเหาะตีลังกา Free Falling เครื่องเล่นดรอปทาวเวอร์ และ Ain QNB ชิงช้าสวรรค์สูง 150 ฟุต ที่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของลูเซลได้อย่างเต็มตา อีกทั้งยังมีเกมและกิจกรรมหลากหลาย ตลอดจนการแสดงสุดอลังการที่พร้อมจะมอบความสุขและความประทับใจไม่รู้ลืม
Travel’s Guide
● ชาวไทยสามารถเดินทางเข้ากาตาร์ โดยไม่ต้องใช้วีซ่าล่วงหน้า (Visa-on-Arrival)
● ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว คือ ช่วงพฤศจิกายน - มีนาคม เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว ที่มีอากาศเย็นสบาย โดยมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15 - 30 องศาเซลเซียส
● นักท่องเที่ยวทั้งหญิงและชายต้องแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดหัวไหล่และยาวคลุมเข่า
● กาตาร์ใช้สกุลเงินริยัลกาตาร์ และการจองห้องพักในกาตาร์ นักท่องเที่ยวชาวไทยต้องจองผ่านเว็บไซต์ Discover Qatar เท่านั้น
● ที่พักแนะนำ อาทิ แมนดาริน โอเรียนทัล โดฮา (Mandarin Oriental Doha) โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านมูเชเรบ (Msheireb) สะดวกต่อการเดินทาง และพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือแฟร์มอนต์ โดฮา (Fairmont Doha) ที่สุดของความหรูหรา บนอาคารคาทาร่า ย่านใจกลางเมืองลูเซล และซูลาล เวลเนส รีสอร์ต (Zulal Wellness Resort by Chiva-Som) รีสอร์ตสุดหรูที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ณ เมืองอัลรูไวส์ (Al Ruwais) หากขับรถไปจากลูเซลจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยเป็นรีสอร์ตที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น โอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย เพราะนี่คือรีสอร์ต แห่งแรกในกาตาร์และอ่าวอาระเบียน ที่เน้นการบริการเพื่อฟื้นฟูสุขภาพกายใจตามแนวทางปฏิบัติของอาหรับดั้งเดิม เป็นต้น