
การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด ด้วยการประยุกต์ใช้ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 72 | คอลัมน์ Health Protection Advisory

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells) คืออะไร
เซลล์ต้นกำเนิดเป็นเซลล์พิเศษที่มีความสามารถในการพัฒนาไปเป็นเซลล์เฉพาะทางต่าง ๆ ในร่างกาย เซลล์เหล่านี้จะมีลักษณะเด่นอยู่สองประการ คือ การสร้างตัวเองใหม่ (Self-renewal) ได้โดยไม่สูญเสียความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ และ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์อื่น (Differentiation) โดยมีอยู่ 3 ประเภทหลัก คือ
1. เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อน (Embryonic Stem Cells – ESCs): ได้มาจากตัวอ่อนในระยะแรก เซลล์เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดใดก็ได้ในร่างกาย
2. เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ใหญ่ (Adult or Somatic Stem Cells): พบในเนื้อเยื่อต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ได้หลายชนิดแต่จำกัดอยู่ในกลุ่มเนื้อเยื่อที่มาจากแหล่งเดียวกัน
3. เซลล์ต้นกำเนิดพลูริโพเทนต์ชนิดเหนี่ยวนำ (Induced Pluripotent Stem Cells – iPSCs): เป็นเซลล์ผู้ใหญ่ที่ถูกโปรแกรมใหม่ให้กลับไปอยู่ในสภาวะคล้ายเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อน
ในทางการแพทย์ปัจจุบันจะใช้เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ใหญ่ (Adult or Somatic Stem Cells) ในการรักษาผู้ป่วย ขณะที่เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนและเซลล์ต้นกำเนิดพลูริโพเทนต์ชนิดเหนี่ยวนำยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
การประยุกต์ใช้ทางคลินิกที่ได้รับการอนุมัติของการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด
การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่ได้รับการยอมรับและใช้อย่างแพร่หลายที่สุดคือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Hematopoietic Stem Cell Transplantation : HSCT) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการแทนที่ไขกระดูกที่เสียหายหรือเป็นโรคด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่แข็งแรง และใช้เป็นหลักในการรักษาหลายโรคได้แก่ มะเร็งเลือด เช่น ลิวคีเมียและลิมโฟมา รวมถึงโรคโลหิตจางอะพลาสติก ซึ่งไขกระดูกไม่สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดได้เพียงพอ

แนวโน้มในอนาคตและการบำบัดที่กำลังเกิดขึ้น
นอกเหนือจาก HSCT นักวิจัยกำลังศึกษาศักยภาพของการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับอีกหลายโรค เช่น โรคความเสื่อมของระบบประสาทมีการศึกษาการใช้เซลล์ต้นกำเนิดเพื่อทดแทนเซลล์ประสาทที่เสียหายในภาวะต่าง ๆ เช่น โรคพาร์กินสันและโรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจและหลอดเลือดมีการวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิภาพของเซลล์ต้นกำเนิดในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหัวใจที่เสียหายจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 1 โรคจอประสาทตา การบาดเจ็บของไขสันหลังและเส้นประสาท ภาวะทางออร์โธปิดิกส์ เช่น การใช้เซลล์ต้นกำเนิดสำหรับการซ่อมแซมกระดูกอ่อนในโรคข้อเสื่อมและการบาดเจ็บของเอ็น รวมถึงโอกาสในการใช้รักษาโรคมะเร็ง หรือแม้แต่กลุ่มโรคทางพันธุกรรม เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ การประยุกต์ใช้เหล่านี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากล อนาคตของการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดอยู่ในการบูรณาการเข้ากับการแพทย์แม่นยำ การปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ถูกต้อง ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการแก้ไขยีน และการผสมผสานกับวิศวกรรมชีวภาพ ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องและการบำบัดเชิงฟื้นฟูที่เฉพาะบุคคล ซึ่งหากมีข้อมูลการศึกษาที่ชัดเจนแล้ว อาจเป็นอีกทางเลือกในการรักษาโรคต่าง ๆ ในอนาคตได้
ข้อพิจารณาเกี่ยวกับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพ
ความคุ้มครองจากประกันสุขภาพสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดแตกต่างกันไป9k, เงื่อนไขของสัญญาประกันสุขภาพแต่ฉบับ โดยจำเป็นต้องพิจารณาความจำเป็นทางการแพทย์และการเลือกวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐานทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในประเทศไทยโดยพิจารณาได้ดังนี้
1. การบำบัดที่ได้รับการอนุมัติโดยแพทยสภาแล้ว: การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเพื่อรักษาโรคทางโลหิตวิทยา
2. การบำบัดเชิงทดลองซึ่งปัจจุบันยังไม่เป็นมาตรฐานการรักษา: การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดโรคอื่นที่นอกเหนือจากกลุ่มโรค HSCT ข้างต้น

บทสรุป
การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ความหวังในการรักษาภาวะที่ท้าทายต่าง ๆ ในขณะที่การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับและอนุมัติสำหรับโรคเฉพาะ การวิจัยอย่างต่อเนื่องยังคงเปิดเผยศักยภาพใหม่ ๆ สำหรับการประยุกต์ใช้เซลล์ต้นกำเนิด โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามเข้าใจกลไกพื้นฐานของการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดและวิธีที่พวกมันสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีการแก้ไขยีนได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการปรับแต่งเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษาโรคทางพันธุกรรม
ในบริบทของประเทศไทย การวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิดกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยสถาบันวิจัยต่าง ๆ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการรักษาโรคที่พบบ่อยในประชากรไทย การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดสำหรับโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคเลือดทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในขอบเขตการวิจัยที่สำคัญ
การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและสาธารณชนเกี่ยวกับความเป็นจริงของการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากยังคงมีความเข้าใจผิดและการอ้างสรรพคุณที่เกินจริงเกี่ยวกับการรักษาที่ไม่ได้รับการอนุมัติ องค์กรกำกับดูแลและสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกที่ได้รับการอนุมัติเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการรักษาที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบหรือไม่ได้รับการควบคุม ซึ่งสัญญาประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองเฉพาะการรักษาที่เป็นมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์ตามเงื่อนไข
ในอนาคต คาดว่าเราจะเห็นการผสมผสานของแนวทางรักษาที่หลากหลาย รวมถึงการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด การแก้ไขยีน และวิศวกรรมเนื้อเยื่อ เพื่อพัฒนาแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับโรคที่รักษายาก ด้วยการวิจัยอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือระหว่างประเทศ การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดมีศักยภาพที่จะปฏิวัติวิธีการรักษาโรคร้ายแรงหลายชนิดในอีกหลายทศวรรษข้างหน้าต่อไป