file

ป่าสนบ้านวัดจันทร์ …ในวันที่ลมหนาวพัดผ่าน

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 39 | คอลัมน์ Going Away

ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นได้มีพระราชาองค์หนึ่งเดินทางไป ในพื้นที่อันทุรกันดารห่างไกลความเจริญแห่งนี้ และได้พบเห็นว่าคงจะเป็นความลำบากของคนในหมู่บ้านต่อไปเรื่อยๆ หากจะปล่อยให้พื้นที่ เล็กๆ แห่งนี้ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะดวกทั้งในเรื่องของการ เดินทางคมนาคม การศึกษา หรือสุขอนามัย ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่จะ ทำให้คนในพื้นที่นี้ได้อยู่ดีกินดี จึงได้ทรงมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลงพัฒนา ดินแดนแห่งนี้ให้กลับมามีคุณค่า มีความหมาย และมีประโยชน์ขึ้น

นับจากวันนั้น สิ่งที่พระราชาได้สร้างไว้ผ่านวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยม จนได้กลายมาเป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทุกวันนี้ เป็นสถานที่ที่เปี่ยมด้วยธรรมชาติอันงดงาม และได้กลายมาเป็นผืนป่า อันอุดมสมบูรณ์อีกแห่งของประเทศไทย ที่มีความงดงามไม่แพ้ที่ไหนๆ ด้วยเพียงจุดเริ่มต้นจากพระราชาพระองค์นี้ที่มีนามว่า "พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" พ่อหลวงของพวกเราชาวไทยทุกคน กับเรื่องราวของ "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ องค์การ อุตสาหกรรมป่าไม้ อำเภอกัลยาณิวัฒนา"
 



"โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์" หรือที่เรียกกันติดปากให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ "ป่าสนบ้านวัดจันทร์" ผืนป่าสนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภท ทั้งสนสองใบและสนสามใบขึ้นอยู่ทั่วเต็มพื้นที่ บริเวณแน่นขนัดไปหมด บวกกับพื้นที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลราว เกือบ 1,000 เมตร ทำให้ที่นี่มีสภาพอากาศเย็นสบายแทบตลอดทั้งปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่ทั้งดอกไม้และพันธุ์ไม้ต่างๆ พร้อมใจกันเบ่งบานความสวยงาม ต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวที่ให้ความ สนใจเดินทางกันมาอยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือไปจากความอุดมสมบูรณ์ของ ทิวสนนับหมื่นนับแสนต้นแล้ว ภายในโครงการยังมีต้นเมเปิ้ลที่พร้อม เปลี่ยนสีของใบให้เป็นสีส้มสีแดงในตอนช่วงต้นฤดูหนาวอีกด้วย เท่านั้น ยังไม่พอยังถูกเติมเต็มด้วยต้นพญาเสือโคร่ง พร้อมชูช่อใบสีชมพู สวยหวานรอเพียงแค่เมื่ออุณหภูมิความหนาวนั้นลงตัว เราก็จะได้พบเห็น ภาพดังกล่าวในช่วงที่ลมหนาวพัดมา โดยเริ่มตั้งแต่ราวเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์
 

รูป 1 เส้นทางก่อนถึงป่าสน บ้านวัดจันทร์ ได้เห็นวิถีชีวิต พอเพียงของชาวบ้าน
รูป 2 บ้านหลังน้อยท่ามกลาง ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
รูป 3 แนวของต้นพญาเสือโคร่ง สลับกันออกดอกผลิบาน ในช่วงต้นปี


เดิมทีแต่ก่อนนั้นป่าสนบ้านวัดจันทร์อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอแม่แจ่ม แต่ในปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้ถูกแบ่งเขตให้เป็นอำเภอใหม่ขึ้นมาคือ อำเภอ กัลยาณิวัฒนา ย้อนกลับไปเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2522 ช่วงราวเดือนกุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมราษฎรที่บ้านวัดจันทร์ และหมู่บ้านใกล้เคียง จึงทำให้ท่านทรงพบว่า ราษฎรในหมู่บ้านตำบลแห่งนี้มีความแร้นแค้น ไม่มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก หากจะเดินทางไปอำเภอแม่แจ่ม ก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน บวกกับปัญหาเรื่องการด้อยโอกาสทางการศึกษา และสุขภาพอนามัย อันเป็นผลพวงมาจากสภาพพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกลตัวอำเภอ

และก็เป็นเพราะพระอัจฉริยภาพ และวิสัยทัศน์ของพระองค์ที่เห็นว่าแม้หมู่บ้านนี้ จะห่างไกล แต่กลับมีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร ธรรมชาติอย่างป่าไม้ จึงทรงมีพระกระแสรับสั่งให้ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ผู้อำนวยการโครงการหลวง ให้หาทางช่วยเหลือราษฎร ตำบล บ้านจันทร์ ซึ่งในขณะนั้นมีอยู่เพียง 15 หมู่บ้าน และคนในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง จากนั้นจึงให้ความรู้ถึงการอนุรักษ์ สภาพแวดล้อม พร้อมหารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง และให้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการบริหารโครงการหลวงวัดจันทร์ โดยมีองค์การอุตสาหกรรม ป่าไม้ (อ.อ.ป.) เป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดตั้งโครงการหลวง พร้อมลงความเห็นชอบให้แยกพื้นที่ส่วนนี้มาจัดตั้งเป็นอำเภอใหม่ ซึ่งต่อมา ในปี พ.ศ. 2552 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออำเภอใหม่นี้ว่า "อำเภอกัลยาณิวัฒนา" เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

ภายในโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์นั้นเงียบสงบ และร่มรื่นไปด้วย ธรรมชาติทั้งบริเวณแนวป่าสนที่เราสามารถเดินพาตัวเองไปยืนอยู่ภายใต้ ดงของป่าสนขนาดใหญ่ มองออกไปด้านหน้ายังอ่างเก็บน้ำที่นอกจาก จะช่วยให้พื้นที่นั้นชุ่มชื่นแล้ว ยังช่วยทำให้ทัศนียภาพของที่นี่งดงามยิ่งขึ้น หลายเท่าตัว เดิมทีที่นี่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันป่าสน บ้านวัดจันทร์ก็เริ่มได้รับความสนใจจากนักเดินทาง นักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
 



เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว การเริ่มต้นวันด้วยการตื่นแต่เช้าตรู่มายืนดู ไอหมอกจับตัวหนา จนเราสามารถเห็นเป็นภาพควันบางๆ สีขาวๆ ล่องลอยไปมาเหนือผืนน้ำ พัดไปทางซ้ายที ทางขวาที สลับไปมาตาม กระแสลม ก่อนจะถึงเวลาปรากฏตัวของดวงอาทิตย์ซึ่งโผล่พ้นขึ้นเหนือแนว ต้นสนด้านหน้า อันเป็นสัญญาณของวันใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง คลอด้วย เสียงนกร้องที่โผบินไปมา ซึ่งในช่วงฤดูหนาวจะมีนกอพยพแวะเวียนมา ทักทายป่าสนบ้านวัดจันทร์แห่งนี้อยู่เสมอ แต่สีสันและเสน่ห์ของป่าสน บ้านวัดจันทร์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หากยังถูกแต่งแต้มสีสันด้วยสีส้มและสีแดง ของใบเมเปิ้ล อีกทั้งสีชมพูของดอกพญาเสือโคร่ง ให้นักท่องเที่ยว นักเดินทางได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

แม้ต้นพญาเสือโคร่งที่นี่ไม่ได้อยู่เป็นดงขนาดใหญ่เหมือนกับแหล่งอื่นๆ แต่เชื่อว่าหากใครได้มาก็จะต้องประทับใจไม่แพ้กัน ก่อนจะปล่อยให้เข็มนาฬิกาของวันค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ภาพของท้องฟ้าและแนวป่าสนที่สะท้อนตัวเองลงสู่ผืนน้ำ ด้านหน้า เป็นภาพเห็นได้ชินตาเมื่อเราอยู่ที่นี่ ยิ่งเมื่อผืนน้ำไม่เคลื่อนไหว ด้วยปราศจากแรงลมพัดมา ก็ทำให้แลดูเหมือนมีใครเอากระจกเงาขนาดใหญ่ มาวางไว้อยู่ตรงหน้า จนเห็นเป็นภาพสะท้อนกลับอย่างไรอย่างนั้น

หากถามว่าความสุขของการเดินทางเริ่มต้นที่ไหน บางคนอาจเริ่มตั้งแต่ เริ่มแพลนการเดินทาง บ้างเป็นตอนจัดกระเป๋า บางคนก็ต้องรอเดินทาง ก่อนถึงจะรู้สึกมีความสุขกันจริงๆ แต่สำหรับใครบางคนความสุขนั้น อาจเป็นการได้ส่งต่อ ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ที่ได้เจอมาให้แก่ผู้อื่นซึ่งยังไม่รู้ ให้ได้รับรู้ เพื่อไปช่วยพัฒนารักษาและประคับประคองสิ่งเหล่านั้นให้คงอยู่ อย่างสวยงามและมีประโยชน์ต่อไป เช่นเดียวกับที่ "พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ของผองเราชาวไทยที่ครั้งหนึ่งเคยได้ เสด็จมายังบ้านวัดจันทร์เมื่อในอดีต และทรงเห็นถึงคุณค่าความหมายของ พื้นที่แห่งนี้จึงได้มีการพัฒนาต่อมา จนปัจจุบันนี้กลายเป็นดินแดนอันงดงาม ซึ่งทั้งหมดนี้และอีกหลายแห่งที่พ่อหลวงของเราได้เดินทางไป จากผืนดิน ร้อนแล้งกลับกลายเป็นฉ่ำเย็น จากไม่สะดวกสบายกลับมีถนนหนทาง เข้าถึง ทุกที่ที่เราได้ไปล้วนเป็นที่ที่พ่อหลวงได้สร้างไว้ให้พวกเราหมดแล้ว

และตอนนี้ก็ถึงเวลาของพวกเราทุกคนจะต้องปกปักรักษาเอาใจใส่ดูแล ให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังคงไว้ซึ่งความงดงาม เพื่อสืบสานสิ่งที่องค์พระราชา ได้ทรงเหน็ดเหนื่อยมาเพื่อเราทุกคน ผ่านความรัก ความหวงแหน และ รักษาทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนดินไทยให้คงอยู่ต่อไปในบ้านของพ่อหลังนี้

 

รูป 1 เสื้อสกินลายให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับ ไปใส่ไว้ให้หายคิดถึง
รูป 2 ร้านของที่ระลึก พร้อมให้คนชอบช้อป ได้เลือกซื้อหาของฝาก
รูป 3 บรรยากาศริมอ่าง เก็บน้ำเล็กๆ ที่อบอวล ไปด้วยไอหมอก

 

การเดินทางมาโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ วิธีที่สะดวกที่สุดคือ การขับรถมาเอง เริ่มต้นจากตัวเมืองเชียงใหม่มายังอำเภอแม่ริม มุ่งหน้าสู่สามแยก (แม่มาลัย-ปาย) ก่อนถึงอำเภอแม่แตง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 เส้นทางมุ่งหน้าสู่อำเภอปาย จังหวัด แม่ฮ่องสอน ให้ขับตามเส้นทางผ่านอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังที่อยู่ ด้านขวามือ จากนั้นให้ขับตรงไปอีกสักระยะ สังเกตทางซ้ายมือจะมีป้าย บอกให้เลี้ยวเข้าสู่บ้านวัดจันทร์ จากปากทางขับเข้าไปประมาณ 45 กิโลเมตร เส้นทางที่เข้ามานี้ถนนเป็นทางลาดยางอย่างดี แต่จะมีบ้างที่ เป็นทางขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ บวกกับทางลาดชันเป็นบางช่วง ผู้ขับขี่ ควรมีความชำนาญในการขับรถขึ้นลงเขาอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เป็นเส้นทาง ที่ยากจนเกินไป ขับมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปเล่นระหว่างทางไม่นานนักก็ถึง โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ที่ตั้งอยู่ด้านขวามือ

ติดต่อสอบถาม ข้อมูลโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ โทร. 053249349, 05326 0072