file

Million Shade of Leaf @ Oslo

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 42 | คอลัมน์ Horizon

เมื่อสายลมหนาวอ่อนๆ เริ่มโบกสะบัดพัดมาเยือนดินแดนสแกนดิเนเวียนใกล้ทั่วโลก ความเยือกเย็นของบรรยากาศก็ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ หน้าตาของภูมิประเทศ ผืนป่า ลําธาร และขุนเขา ให้ดูสดใสสวยงามกว่าช่วงไหนๆ ของปี ใบไม้ทั้งราวป่าได้เวลาผลัดใบเปลี่ยนสีบรรเจิดปลูกชีวิตที่เคยเงียบสงบให้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับผมที่พาตัวและหัวใจเดินทางมาสัมผัสหนึ่งในเมืองหลวงที่สวยที่สุดในแถบสแกนดิเนเวียน นามว่า “ออสโล (Oslo) มหานครที่เป็นส่วนผสมสุดลงตัวของชีวิต ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมยุคคลาสสิกที่ใครๆ ก็กล่าวขวัญถึง

เวลาเกือบ 11 ชั่วโมงสําหรับการเดินทางอาจฟังดูยาวนาน ทว่าเมื่อก้าวพ้นประตูเครื่องบินได้สัมผัสกับอากาศอันแสนเย็นสดชื่นของช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ณ ออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์แล้ว ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็มลายหายไปทันที การเดินทางจากสนามบินสู่ที่พักทําให้ผมได้เห็นอิริยาบถของเมืองหลวงแห่งนี้ ตัวเมืองที่ผสมผสานระหว่างเมืองใหม่ ที่ทันสมัยกับเขตเมืองเก่าที่ยังอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมโบราณไว้อย่างลงตัวและงดงาม นับถึงวันนี้ออสโลมีอายุปาเข้าไป 976 ปีแล้วแม้หลายคนจะบอกว่าออสโลเป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกแต่หากมอง อีกมุมก็เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกเช่นกัน เพราะถือเป็นเมืองที่ สวย สงบ และปลอดภัย เมืองนี้จึงมีหลายด้านหลากมิติให้ค้นหา

file
file

ออสโลเป็นเมืองหลวงน่ารักบรรยากาศ ชิล ๆ โปร่งโล่งสบายไม่แออัดเหมือนเมืองหลวงแห่งอื่น ๆ ในโลก ทําไมน่ะหรือ? ก็เพราะเมืองหลวงแห่งนี้มีประชากรแค่ 6 แสนกว่า คนเอง (กรุงเทพฯ มีประชากร 10-15 ล้านคน) ภูมิประเทศด้านทิศเหนือเป็นภูเขา ทิศใต้ติดท้องทะเลสีคราม มีอ่าวเว้าแหว่งรูปทรงประหลาดทอดยาวออกไปในมหาสมุทร
และ มีเกาะแก่งอีกกว่า 40 เกาะกระจายอยู่  คนที่นี่รักษาธรรมชาติไว้ได้ดีมาก มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแม่น้ําลําธารและป่าเขา ทําให้ออสโลเป็นเมืองหลวงเพียงแห่งเดียวของโลกที่ยังมีฝูงปลาแซลมอนว่ายน้ำอพยพจากมหาสมุทร ผ่านขึ้นไปวางไข่ในลําธารต้นน้ำบนภูเขาอยู่ทุกปี

แค่แรกสัมผัสบรรยากาศของออสโลนมันช่างแปลกหูแปลกตา ตื่นตาตื่นใจ น่าชมไปซะทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ใบไม้เปลี่ยนสี เหลืองส้ม แดง ตามสองฝั่งถนนทอดยาวจรดสวนสาธารณะอันเงียบสงบ มีรถรางทันสมัยแล่นไปมารับส่งผู้คน สาวผมทองตาสีฟ้าท่าทาง Healthy Sport Girl ที่ปั่นจักรยานไปมาตามท้องถนนรวมไปถึงสถาปัตยกรรมคลาสสิกที่ใช้สร้างบ้านเรือนแบบนอร์วีเจียน ซึ่งมักมีหอคอยยอดแหลมตั้งสูงเด่นขึ้นมาก็ชวนให้เดินเที่ยวถ่ายภาพอย่างไม่ต้องเร่งรีบอะไร

file

 

 

file

ผมเดินเล่นไปถึงสวนฟร็อกเนอร์ (Frogner Park) สวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดของนอร์เวย์ ซึ่งมีเนื้อที่กว้างกว่า 0.45 ตารางกิโลเมตร ด้านหนึ่งของสวนเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินอร์เวย์ แน่นอนสิ่งที่ทําให้ผมหลงรักสุดๆ คือต้นไม้ทั้งสวนกําลังผลัดใบรอรับฤดูหนาวราวกับภาพวาดศิลปะแสนงาม แหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้
ก็จะเห็นใบเมเปิ้ลห้าแฉกผลัดใบสีเหลืองสดพลิ้วไหวไปมาตามกระแสลม ตัดกับสีฟ้าเข้มของท้องฟ้าอันแจ่มใส และเมื่อมองลงมายังพื้นดิน ก็จะพบผืนพรมใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นช่างดูสวยแปลกตา ยามนี้แม้แต่ชาวนอร์เวย์เองก็ยังชวนกันออกมาเดินเล่น ชื่นชมใบไม้สวยๆ บ้างมาออกกําลังกาย บ้างก็เกี่ยวก้อยกันมาเป็นคู่ หามุมสงบนั่งปล่อยอารมณ์บนม้านั่งยาว

สิ่งที่ทําให้สวนฟรอกเนอร์โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ รูปสลักหินและรูปหล่อบรอนซ์กว่า 212 ชิ้น ที่ตั้งเรียงรายอวดโฉมให้ผู้คนผ่านไปมาได้ชื่นชม เป็นผลงานของศิลปินนักปั้นระดับโลก กุสตาฟ วิคเกอแลนด์ (Gustav Vigeland) รูปสลักเหล่านี้มีความพิเศษตรงที่เป็นรูปมนุษย์ ขนาดใหญ่กว่าจริงเล็กน้อย แสดงท่าทางอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง เศร้า เสียใจ ร่าเริง ฯลฯ สะท้อนแก่นแท้กันบึงจิตใจมนุษย์ออกมา และที่สําคัญคือทั้งหมดเป็นรูปเปลือยแบบมีศิลป์ จนทําให้สวนนี้ได้นิกเนมเก๋ไก๋ว่า “สวนมนุษย์เปลือยของกุสตาฟ” ผมลองเดินหารูปสลักที่ถูกใจ จนเจอรูปชายหญิงยืนซบไหล่กัน ใบหน้าเศร้าสร้อย คล้ายกําลังจะสั่งลาอาลัย โอ้ว...มันช่างก่อให้เกิดจินตนาการไปได้ ร้อยแปดจริงๆ กับสวนสวยเคล้างานศิลป์ระดับโลกแห่งนี้

file
file

จากสวนสวยผมนั่งรถแท็กซี่ต่อไปเที่ยวที่ตลาดมาตฮอลเลน (Mathallen Market) เป็นตลาดสุดเก๋ที่หรูหราเอาการอยู่ แต่เบื้องหลังกลับเป็นการพลิกโฉมโกดังสินค้าเก่ามา ปรับปรุงใหม่ให้เก๋ไก๋ไฮโซน่าเดิน มีการนําอาหารอร่อยที่คัดสรรจากทั่วสารทิศของนอร์เวย์มารวมไว้ในที่เดียว ทั้งชีพูด เนื้อสัตว์ ต่างๆ พืชผักผลไม้ เบเกอรี่ เค้ก กาแฟ รวมถึงยังมีศูนย์อาหารสไตล์โมเดิร์นให้นั่งชิลกันได้ทั้งวัน จึงกลายเป็นแหล่งพบปะของคนทุกเพศ ทุกวัย หรือแม้แต่เชฟชื่อดังก็มาเดินเลือกซื้อวัตถุดิบชั้นเลิศจากที่นี้ไปปรุงในภัตตาคารกันอีกด้วย แถมบนชั้นสองของตลาดยังเป็นสถาบันสอนทําอาหารแห่งออสโล (Culinary Academy Oslo) สําหรับคนที่อยากเข้าคอร์สเรียนทําอาหารแบบจริงจัง โดยเชฟชื่อดังระดับประเทศเลยล่ะ

แต่สิ่งที่ทําให้ผมประทับใจกลับเป็นลําธารสายเล็กๆ ในสวนข้างๆ ตลาดที่แทรกตัวไหล ผ่านสองฝั่งของต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นเรียงรายร่มรื่น ไม่น่าเชื่อเลยว่าลําธารสายน้อยกลางเมืองหลวงนี้ คือหนึ่งในเส้นทางอพยพของฝูงปลาแซลมอนจากมหาสมุทรขึ้นสู่ภูเขาอันเงียบสงบที่พวกมันถือกําเนิดขึ้น สะท้อนได้ถึงแก่นแท้ของคนนอร์เวย์ได้ชัดเจนว่าเขาปกปักรักษาธรรมชาติไว้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ

จากตลาดมาตฮอลเลน ผมนั่งรถรางต่อไปเที่ยวแถวท่าเรือใหญ่ของออสโล (Oslo Harbour) ที่แรกนึกไปว่าอาจเป็นแบบท่าเรือคลองเตยบ้านเรา ที่มีเรือสินค้ามาเทียบและมีร้านค้าเล็กๆ เรียงราย แต่ที่ไหนได้มันไม่ใช่เลยเพราะ Oslo Harbour เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่สะอาดสะอ้าน ดูโมเดิร์น แถมยังเป็นจุดนั่งชมวิว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดแห่งหนึ่ง ท่าเรือที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามเพื่อให้เป็นจุดชมวิวผืนน้ําสีครามสะอาดตา ทอดออกไปสู่อ่าวออสโล มีเรือมากมายหลายร้อยลําเข้ามาจอดเทียบท่าอยู่ในอ่าวโค้งเว้าขนาดใหญ่ ทั้งเรือสินค้า เรือสําราญ กระทั่งเรือประมงของชาวบ้านที่ออกเรือในระยะใกล้ แล้วนํากุ้งหอยปูปลาสดๆ ขึ้นมาประมูลขายกันในราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ นี่ถ้ามีบ้านอยู่ในออสโล ผมคงมาเหมาชีพูดไปทํากับข้าวกินทุกวันแล้วล่ะ

file


 

file

ความสุดยอดอีกอย่างของ Oslo Harbour คือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็คเกจทัวร์ One Day Trip ล่องเรือออกไปชมความงามของธรรมชาติหมู่เกาะและฟยอร์ดแห่งออสโล (Oslo Fjord) ได้ด้วย อย่าเพิ่งงงคําว่า "ฟยอร์ด" คือภูมิประเทศแบบหนึ่ง เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ําแข็งเมื่อประมาณหมื่นปีก่อน (ยุคน้ําแข็งครั้งสุดท้าย) เมื่อน้ําแข็งละลายไปหมด จึงทิ้งร่องรอยไว้เป็นโตรกผาแคบขันสูงหลายร้อยเมตรน่าตื่นตาตื่นใจมาก แพ็คเกจทัวร์มีแบบล่องเรือชมวิว 2 ชั่วโมง ล่องเรือ 3 ชั่วโมงพร้อมอาหาร ล่องเรือเต็มวัน ล่องเรือใหญ่ออกไปพายเรือคายัคชมฟยอร์ด ฯลฯ ผมขอเลือกแบบชิลๆ ชมวิวไม่ต้องออกแรงและได้ถ่ายรูปด้วย จึงเลือกซื้อทัวร์แบบ 2 ชั่วโมง

เรือเล็กที่ผมล่องออกไปชมฟยอร์ดเป็นเรือประมงดัดแปลงลําน้อย แต่คําว่าเรือประมงของนอร์เวย์มันช่างดูเก๋ไก๋ไฮโซ สะอาดสะอ้าน และทันสมัยมาก ๆ มีที่นั่งชมวิวอย่างดี พร้อมกับมีอุปกรณ์นําร่องเดินเรือสุดไฮเทคในห้องกัปตันทําให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย วันนี้ได้ชมภูมิประเทศสุดอลังการของหน้าผา และเกาะแก่งรูปร่างพิลึก บางเกาะมียอดแหลมเป็นพีระมิด บางเกาะมีชายฝั่งเป็นหน้าผาตัดตรง บางเกาะก็มีริ้วลายเป็นเส้นสายคล้ายถูกมีดยักษ์กรีดลึก นี่คือผลงานของธารน้ําแข็งโบราณที่สลักเสลาหินแกร่งให้มีรูปลักษณ์น่ามองเช่นนี้

file
file

ปิดท้ายทริปใบไม้เปลี่ยนสี ด้วยการให้รางวัลชีวิตในภัตตาคารระดับ Michelin Star ที่ภัตตาคารสตัตโฮลเดอร์กอร์เดน (Statholdergaarden) ตั้งอยู่ภายในอาคารเก่า คลาสสิกสร้างเมื่อ ค.ศ. 1640 แรกเริ่มเดิมที่ตึกนี้ใช้เป็นบ้านของผู้อํานวยการโรงกษาปณ์ ในสมัยที่นอร์เวย์ยังเป็นเมืองขึ้นของเดนมาร์ก การตกแต่งภายในจึงเหมือนเราได้ย้อนไปในยุคโบราณไม่มีผิด เชฟของร้านนี้ชื่อเบนท์ สเตียนเซน (Bent Stiansen) ผู้ได้รับตําแหน่ง World Master ทางด้านอาหารจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เมนูที่เขาถนัดคือ การนําวัตถุดิบสดๆ จากท้องทะเลบ้านเกิดมาปรุงอาหารจําพวกแซลมอนสด ปลาเทราต์ ปลาคอตทอด แซลมอนรมควัน และกุ้งล็อบสเตอร์ ผมนั่งรออยู่ไม่นานก็มีอาหารจานพิเศษยกมาเสิร์ฟ เป็นปลาแซลมอนชิ้นเบ้อเริ่ม หอยเชลล์ตัวใหญ่อวบอ้วนเนื้อหวานเจี๊ยบ กุ้งล็อบสเตอร์แน่นปัง แพงเท่าไหร่ก็ยอมจ่ายล่ะมื้อนี้

ได้เวลาต้องบินกลับบ้านแล้ว ทว่าภาพ สุดประทับใจของใบไม้เปลี่ยนสีที่ออสโล ยังตราตรึงอยู่ในใจผม ความงามของธรรมชาติ และอากาศแสนสดชื่นเย็นสบาย คือพลังที่ช่วยเติมเต็มแบตเตอรี่ชีวิตผมอีกครั้ง แม้ว่าใบไม้เปลี่ยนสีจะมีให้ดูเกือบทั่วโลก แต่ผมรับรองเลยว่าไม่มีที่ใดจะเหมือนออสโลอย่างแน่นอน

file
file
file
file

Oslo Guide

Season: นอร์เวย์ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือจึงมีอากาศหนาวเย็นนานถึง 6 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย. - เม.ย. อุณหภูมิ 0 ถึง -40 องศาเซลเซียส อากาศหนาวที่สุดเดือน
ธ.ค. - ม.ค. (-20 องศาเซลเซียส) และมีหิมะตกตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. - เม.ย. ในเดือน ธ.ค. - ม.ค. จะมีแสงแดดวันละไม่เกิน 6 ชั่วโมงฤดูร้อนในออสโลนาน 3 เดือนตั้งแต่เดือน มิ.ย. - ส.ค. อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส

Journey: บินตรงกรุงเทพฯ - ออสโล สายการบิน Scandinavian Airlines (www.flysas.com) หรือ Thai Airways International (www.thaiairways.co.th) ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง 30 นาที

Overnight: แนะนำ Scandic Victoria (www.scandichotels.com) และ Thon Hotel Rosenkrantz Oslo (www.thonhotels.com) โรงแรมหรูมีระดับพรั่งพร้อมไปทุกสิ่ง

Cuisine: แนะนําร้านอาหารระดับ Michelin Star ภัตตาคาs Statholdergaarden (www.statholdergaarden.no)

Souvenirs: เนื้อปลาแซลมอนสดและรมควัน หาซื้อได้ในสนามบินออสโลมีบริการใส่ถุงเก็บความเย็น โดยเก็บความเย็นได้ 10-12 ชั่วโมง ยังมีน้ำมันตับปลา ช็อกโกแลตยี่ห้อ KVIKK JUNSL ของ Freia ฯลฯ

More Info: www.visitnorway.com

file