file

จีนยุคใหม่ ก้าวหน้าไปไกลด้วยเทคโนโลยี

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 42 | คอลัมน์ Wealth Manager Talk

ในอดีตเศรษฐกิจจีนเน้นพึ่งพาการส่งออกที่สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้มากกว่า 10% แต่เมื่อมีวิกฤติเศรษฐกิจโลกอย่างวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐ ผู้ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สั่งซื้อสินค้าจากจีนเป็นอันดับ1 ก็ทํา ให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงเหลือเติบโตเพียงหลักเดียว แต่ด้วยขนาดประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกถึง 1,374 ล้านคน รัฐบาลจีนได้หันมามุ่งเน้นการเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ หนึ่งในนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่กําลังได้รับความนิยมของคนจีนก็คือ สังคมที่ไร้เงินสด

ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีมีบทบาทที่สำคัญกับชีวิตมนุษย์ โดยสิ่งที่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วก็คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ใช้เรียกรถ TAXI หรือแม้กระทั่งเป็นธนาคารออนไลน์ แต่สิ่งที่กําลังเป็นเทรนด์เปลี่ยนชีวิตในยุดใหม่ คือ การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ชําระเงินค่าสินค้าหรือบริการแทนการใช้เงินสดสําหรับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) จีนที่กําลังเป็นผู้นําของโลกขณะนี้คือประเทศจีนอย่างชัดเจน เพราะในปีที่ผ่านมีการเก็บข้อมูลการชําระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงถึง 38 ล้านล้านหยวน หรือคิดเป็นมูลค่า 5.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เทียบกับฝั่งสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่าเพียง 112 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งวิธีการชําระเงินก็ง่ายเพียงแค่ร้านค้ามี QR Code เสมือนบัญชีรับเงินจากลูกค้า ผู้ซื้อสินค้าก็ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แสกนผ่านระบบของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้นําของเทคโนโลยีนี้ คือ Alibaba ที่ใช้ระบบ Alipay กับ Tencent ที่ใช้ระบบWeChat Pay ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็กําลังถูกนํามาใช้ในประเทศไทยด้วยเหมือนกัน โดยจะเป็นทางฝั่งธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มให้ลูกค้าและร้านค้าใช้ชําระเงินผ่าน Application และรัฐบาลไทยก็สนับสนุนเรื่องนี้ด้วยนอกจากสังคมไร้เงินสดที่กําลังขยายตัวอย่างมากในจีนแล้ว

file
file

สำหรับประเทศไทยเองที่มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง อาจจะเริ่มได้เห็นสัญลักษณ์การชำระเงินผ่านระบบ Alipay ในร้านค้าสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไม่ต้องพกเงินสดมามากนัก หรือบางท่านอาจจะรู้จัก JOOX Music ที่มาเปิดให้บริการฟังเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่งในเมืองไทยมาตั้งแต่ปลายปี 2558 และเป็น Music Apps ที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในหลายประเทศ ทั้งไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฮ่องกง โดย JOOX ก็เป็นบริษัทในเครือของบริษัท Tencent

จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงธุรกิจเทคโนโลยีออนไลน์ของจีนนั้น ไม่ได้แพร่หลายแต่ในประเทศจีน แต่ยังมีความสามารถนำเทคโนโลยีไปแข่งขันในตลาดประเทศอื่นได้ด้วย อย่างไรก็ตามประชากรประเทศจีนเองก็มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพียงประมาณ 50% เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาที่มีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสูงถึง 75% และประเทศที่เข้าถึงมากที่สุดคือเกาหลีใต้สูงถึง 90% ส่วนของไทยเพียงแค่ 40% ทำให้ประชากรจีนที่มีมากที่สุดในโลกยังมีโอกาสเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและมีโอกาสเติบโตได้อีกมากส่วนการเติบโตของผลกำไรของบริษัทกลุ่ม BAT ก็เติบโตสอดคล้องกับตัวเลขการใช้งานที่กำลังเติบโตที่ระดับ 20-30% ต่อปี ในช่วง 3 ปีที่ ผ่านมา สูงกว่าอัตราการเติบโตของทางฝั่ง FANG ขณะที่มูลค่าการตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน FANG มีมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเห็นได้ว่ากลุ่ม BAT ยังมีมูลค่าตลาดเพียง 1 ใน 3 ของกลุ่ม FANG เท่านั้น ซึ่งคาดว่าเทคโนโลยีการชำระเงินผ่าน Application ของจีนจะแพร่หลายไปในต่างประเทศ ได้ไม่ยาก จากการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกของคนจีนที่เป็นลูกค้ากระเป๋าหนักเวลาไปช้อปปิ้งในต่างประเทศ ทำให้บริษัทที่เป็นคู่ค้าเริ่มปรับตัวมาใช้เทคโนโลยีนี้กันมากขึ้นและส่งผลให้บริษัทของจีนเหล่านี้สามารถเติบโตไปได้อีก

file

ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐบาลจีนที่พยายามปรับเปลี่ยนจากที่ผลิตสินค้าคุณภาพต่ําราคาถูกมามุ่งเน้นพัฒนาสินค้าตามยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2015 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยจีนได้เดินหน้าปรับปรุงเทคโนโลยีและคุณภาพของสินค้าที่จีนผลิตขึ้น รวมทั้งออกแบบผลิตภัณฑ์และการตลาดให้มีความทันสมัย โดยเพิ่มมูลค่าให้กับตัว สินค้า อย่างเช่น เทคโนโลยีล่าสุดที่จีนทําสําเร็จ คือ การผลิตเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ C919 บรรจุได้ 160 ที่นั่ง ที่ออกแบบและผลิตในจีนเพื่อตอบสนองการขยายตัวของการโดยสารภายในประเทศของประชากรจีนและจีนมีแผนที่จะขายเครื่องบินนี้ไปยังต่างประเทศด้วยสิ่งที่ต้องติดตามเกี่ยวกับจีนในช่วงไตรมาส 4 นี้ น่าจะเป็นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (National Congress of the Communist Party of China) ครั้งที่ 19 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นการประชุมที่จัดขึ้นทุก 5 ปี เพื่อทําการสับเปลี่ยนตําแหน่งผู้นําในพรรค รวมถึงการกําหนดทิศทางนโยบายในช่วง 5 ปีต่อไปของประเทศจีน โดยครั้งนี้จะมีผู้นําระดับสูง (Politburo Standing Committee) จํานวน 5 คนจากทั้งหมด 7 คน ได้ถึงวัยเกษียณอายุ โดยจะมีเพียงนาย Xi Jinping ประธานาธิบดี และนาย Li Keqiang นายกรัฐมนตรีที่จะได้อยู่ในตําแหน่งต่อไป สิ่งที่ต้องจับตามองคือ นโยบายทาง

เศรษฐกิจที่นาย Xi Jinping จะให้ความสําคัญกับภาคต่างประเทศมากขึ้น เช่น โครงการ One Belt One Road, การเปิดเสรีในตลาดทุน, และการผลักดันเงินหยวนให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาดโลก ซึ่งถ้าดูช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้พยายามเปิดให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าถึงและมีเครื่องมือการลงทุนในตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น จากการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาด Shanghai และ Shenzhen ผ่านทางเชื่อมกับตลาดฮ่องกง (Shanghai-Hong Kong Stock Connect, Shenzhen-Hong Kong Stock Connect) ที่ทางการจีนได้เปิดเชื่อมไปเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทั้งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ทาง MSCI ได้ตัดสินใจนําหุ้น A-shares เข้าคํานวณในดัชนี MSCI Emerging Market ทําให้น้ําหนักหุ้น A-sharesใน MSCI EM จะเพิ่มขึ้นอีก 0.73% และจะเริ่มนับรวมอย่างเป็นทางการในเดือน พ.ค. 2018 ทําให้นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามองหุ้นจีนเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น เทคโนโลยีของจีนที่กําลังเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนมุ่งมั่นให้ขยายตัวตามเป้าหมายประมาณ 6.5% และยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจของ MSCI ที่เพิ่มน้ําหนักหุ้นจีนในดัชนี MSCI Emerging Market ประกอบกับ Valuation ของหุ้นที่ยังไม่สูง ทําให้ตลาดหุ้นจีนยังมีเสน่ห์ดึงดูดให้เข้าไปลงทุนได้ครับ

file