file

วิเคราะห์ตลาดหุ้นปี 2018 กับเทคโนโลยีช่วยนักลงทุน จาก บล.ทิสโก้

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 43 | คอลัมน์ Exclusive

การลงทุนในตลาดทุนต้องเผชิญความท้าทายตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเตรียมตัวก่อนการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งหากได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดในตลาดทุนตั้งแต่เนิ่นๆ การจะสร้างโอกาสเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีกว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก

โดยเฉพาะในปี 2017 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง หลายแห่งสร้างประวัติศาสตร์ทำจุดสูงสุดใหม่ จนเกิดคำถามว่าแล้วในปี 2018 ภาพของตลาดหุ้นจะเป็นแบบนั้นต่อหรือไม่ ?

มุมมองของ “คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้สรุปสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ปี 2018 ตลาดหุ้นจะผันผวนแต่ยังคงเป็นขาขึ้นแบบซิกแซก”

พร้อมย้ำว่า ตลาดทุนไม่มีกฎตายตัวเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละสถานการณ์ โดยในปี 2018 สถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มดึงสภาพคล่องออกไป แต่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรปยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เงินทุนไหลเร็วกว่าในอดีตมาก และถ้ามองในระดับโลกเงินในระบบยังเยอะอยู่ เม็ดเงินจำนวนมากขนาดนั้นก็ต้องไหลเข้ามาในตลาดทุน ทำให้หุ้นทั่วโลกได้อานิสงส์ไปด้วย ประกอบกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลกดีขึ้น และการลดภาษีนิติบุคคลของสหรัฐฯ จะเป็น Momentum ให้ตลาดหุ้นไปได้ต่อ

แต่ยังมีสิ่งที่ต้องติดตามคือ เงินเฟ้อที่เริ่มกลับมาตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องจับตาว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะสามารถต้านทานความร้อนแรงของการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้หรือไม่ ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเราEnjoy กับอัตราดอกเบี้ยขาลงมาตลอด ซึ่งในปีนี้ไม่มีใครรู้ว่าธนาคารต่างๆ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงแค่ไหน จึงกล่าวได้ว่าเราอยู่ในจุด “พลิกผัน” สำคัญ

ฟากประเทศไทยมีปัจจัยที่ต้องตามดู คือ การประกาศวันเลือกตั้งและรัฐบาลจะทุ่มงบลงทุนทิ้งทวนก่อนหมดวาระมาก มายขนาดไหน หากประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยทำ New High ทะลุ 1,789 จุด หลังจากเคยทำได้เมื่อ 24 ปีก่อน และน่าจะไปได้สูงกว่านั้นพอสมควร แต่อะไรก็ไม่แน่นอน...

ความผันผวนและคาดเดายากนี้เอง ทำให้นักลงทุนต้องการคำปรึกษาการลงทุนจากนักวิเคราะห์มืออาชีพคุณไ พบูลย์เล่าต่อว่า คุณภาพของ “บทวิเคราะห์” เป็นสิ่งที่ บล.ทิสโก้ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าคำปรึกษาที่ชัดเจนตรงประเด็น จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีกว่า

“เราลงทุนไปกับการทำบทวิเคราะห์เพราะนักลงทุนต้องการคำแนะนำที่แม่นยำ ลูกค้าจะอยู่กับโบรกเกอร์ที่แนะนำให้เขาได้กำไรมากที่สุด ไม่ได้จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่โดดเด่นมากมายขนาดนั้น ทั้งหมดเป็นไปตามเป้าหมายของเราคือทำอย่างไรให้มีบทวิเคราะห์ที่ดี เพราะเราคือ Top Advisory ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นด้านบริการมากกว่าแข่งขันด้านราคา”

นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นสอดรับกับความต้องการของนักลงทุน ทิสโก้ยังมุ่งพัฒนาบริการให้มีความแข็งแกร่งอยู่เสมอในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดแข็งในเรื่องของบทวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำ ทุกวันนี้บล.ทิสโก้ แบ่งทีมวิเคราะห์ออกเป็น 2 ทีม ทีมแรกเป็นทีมสำหรับลูกค้าในประเทศ และทีมที่สองสำหรับลูกค้าสถาบันที่ทิสโก้ร่วมกับดอยซ์แบงก์จัดทำบทวิเคราะห์ใน นามบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนดอยซ์ ทิสโก้ จำกัด ซึ่งมีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ จนได้รับการยอมรับให้สามารถเผยแพร่ในระดับโลกได้ซึ่งในปี 2561 เรามั่นใจว่าจะเป็น 1 ใน 5 โบรกเกอร์ที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศเลือกใช้
 

file

“หลายปัจจัยทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และสถานการณ์โลก จะสร้างเรื่องราวให้ ตลาดหุ้นไทยไปได้ต่อ”
 

ปัจจุบัน บล.ทิสโก้ มีบทวิเคราะห์ที่ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่ไปจนถึงหุ้นขนาดเล็กรวมกันกว่า 160 บริษัท นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลาผ่านเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นStock Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยนักลงทุนยุคใหม่ที่ทิสโก้เปิดให้บริการ พร้อมพัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี เพื่อให้นักลงทุนสามารถค้นหาหุ้นตัวเด่นได้ด้วยตัวเองและช่วยให้ ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ บล.ทิสโก้ ตั้งธงจะพัฒนาต่อจากนี้คือ จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าง่ายขึ้น เพราะทุกวันนี้ทิสโก้มีของดีแต่ยอมรับว่าอาจจะยังเข้าถึงยากอยู่บ้าง จึงต้องแก้ไขให้เข้าถึงบริการของลูกค้าทำได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น โดยการเพิ่มความง่ายในการใช้งาน เสมือนการค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ลที่สามารถ “เดาใจ” ผู้ใช้งานได้ในทันที

“เราเปิดให้ใช้แอพ Stock Scan มาได้สองปี แอพพลิเคชั่นนี้สามารถช่วยนักลงทุนคัดเลือกหุ้นและช่วยในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยการแนะนำในแต่ละครั้งจะใช้วิธีสแกนหุ้นที่มาจากการวิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์ของเรา ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลในอดีตและประเมินอนาคต จึงทำให้แอพพลิเคชั่นของ บล.ทิสโก้ ได้เปรียบที่อื่น และแตกต่างจากผู้เล่นในตลาด ที่แม้จะมีแอพพลิเคชั่นเหมือนกัน เขียนโปรแกรมการใช้งานเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับต่างกัน เพราะบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่ถูกสั่งสมเป็นฐานข้อมูล (ดาต้า) มีขนาดที่แตกต่างกัน ผู้เล่นรายอื่นอาจจะใช้ดาต้าที่หาได้ง่ายจับต้องได้ง่ายและมีการประเมินอนาคตแล้ ว แต่ทิสโก้จะเน้นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์โดยทีมวิเคราะห์ของบริษัทเพื่อรองรับการตัดสินใจ”

และหากเปรียบเทียบกับฟินเทคหรือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยแนะนำการลงทุนที่อยู่ในตลาดเกือบทั้งหมด ก็มักจะใช้ข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ข้อมูลแล้วบอกนักลงทุนว่าหุ้นตัวไหนดี แต่การลงทุนในตลาดทุนคือ “การลงทุนในอนาคต” ดังนั้น แอพพลิเคชั่นของเราจึงตอบโจทย์

ส่วนเทคโนโลยีที่จะเข้าช่วยเรื่องการซื้อขายหุ้นหรือการเทรดนั้น เราเองถือเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม ซึ่ง บล.ทิสโก้ ต้องการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เป็น Algorithm ที่มีความหลากหลาย ช่วยตรวจสุขภาพพอร์ตลงทุน

“ผมอยากจะพัฒนาให้แอพพลิเคชั่นของทิสโก้ช่วยวิเคราะห์หุ้นในพอร์ตของลูกค้า เหมือนเป็นหมอที่ช่วยตรวจสุขภาพร่างกาย เช่น มีหุ้นในพอร์ต 10 ตัว อาจจะมี 5 ตัวแย่แอพพลิเคชั่นจะต้องตอบได้ว่าแย่เพราะอะไรควรขายทิ้ง เก็บไว้ หรือควรเปลี่ยนไปลงทุนตัวไหนแทน ซึ่งมีมีข้อดีคือเป็นการแนะนำโดยไม่มี Bias หรือกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับหุ้นในพอร์ต เช่น นักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายก็จะช่วยแจ้งเตือนลูกค้า”

เมื่อถามว่า AI และ Robot จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ อย่างนักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนหรือมาร์เก็ตติ้งได้หรือไม่นั้น คุณไพบูลย์ให้แนวคิดที่น่าสนใจว่า การใช้ Robot ในการซื้อขายหลักทรัพย์แบบ 100% ยังถือว่าน้อยและอาจยังไม่เป็นที่ต้องการของนักลงทุนชาวไทยเท่าไหร่นัก แม้ในต่างประเทศจะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน ส่วนการให้คำแนะนำการลงทุนด้วย AI นั้น ในอนาคตอาจทำได้หากมีการพัฒนาโปรแกรมต่อไป แต่ช่วงที่ยังอยู่ในระหว่างพัฒนานี้ เบื้องต้นไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด เราใช้เพื่อเป็นผู้ช่วยนักวิเคราะห์มากกว่าเพราะมีความจำไม่จำกัด เก็บข้อมูลได้มาก

โดยสรุปคือ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังต้องการนักวิเคราะห์และมาร์เก็ตติ้งเป็นผู้ช่วยเหลืออยู่ เทคโนโลยีในขณะนี้จะใช้เพียงเพื่อประกอบการตัดสินใจ

แต่ไม่ว่าอย่างไร บล.ทิสโก้ จะพัฒนาตัวช่วยใหม่ๆ ให้ลูกค้าต่อไป เพราะอยากให้ลูกค้ามีเครื่องมือแนะนำการลงทุนและผู้ช่วยในการซื้อขายติดตัวตลอดเวลา พร้อมให้เลือกสรรหุ้น ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที