Exotic Island to visit in 2019

Exotic Island to visit in 2019

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 48 | คอลัมน์ Horizon

นักล่าเกาะน่าเที่ยวรู้กันดีว่า เกาะสวยๆ ในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เกาะมัลดีฟส์ เกาะบอราบอรา เกาะซานซิบาร์เท่านั้น แต่ยังมีเกาะสวยๆ แปลกๆ สุดแสนเอ็กซ์ซอติกอีกนับไม่ถ้วน TRUST ฉบับนี้จะพาไปสแกนแผนที่โลกว่ามีเกาะไหนอีกบ้างที่เลอค่าน่าเที่ยวและน่าทำความรู้จัก

Virgin Gorda เกาะระดับเอลิสต์ของนักเดินทาง

หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ (British Virgin Islands) มีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจายตัวอยู่กว่า 60 เกาะ หลายคนรู้จักแค่เกาะทอร์โทลา (Tortola) เพราะเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างโรด ทาวน์ แต่หนึ่งในเกาะสุดเอ็กซ์ซอติกของหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ ที่ถูกยกให้เป็นเอลิสต์ของนักเดินทางคือเกาะเวอร์จิน กอร์ดา (Virgin Gorda)

นั่งเรือมาจากทอร์โทลาราวครึ่งชั่วโมงก็จะพบกับเกาะเวอร์จิน กอร์ดาทอดตัวอยู่ ที่นี่มีมุมสุดสวยเรียกว่า Virgin Gorda Baths เป็นเหมือนอ่างอาบน้ำธรรมชาติที่ทั้งใสและสวยมีหมู่หินแกรนิตขนาดยักษ์กระจายอยู่ทั่ว ทำให้เกิดสระน้ำธรรมชาติในทะเล และเป็นเวิ้งถ้ำ เหมาะสำหรับการผจญภัยเบาๆ ทั้งเทรคกิ้ง ดำน้ำ ดูปะการัง และปีนป่ายไปบนโขดหินอย่างสนุกสนาน ยิ่งถ้าใครมีเวลาเดินเท้าสำรวจเกาะก็อาจจะเจอกล้วยไม้พื้นเมือง และสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดที่หายาก เช่น กบ ต้นไม้ ปูทหาร และจิ้งจกที่เล็กที่สุดในโลก

ที่จริงแค่นอนผึ่งแดดสบายๆ บนชายหาดขาวเนียนของเกาะนี้ก็เพลินแล้ว แต่จะให้ดีต้องเดินสำรวจให้ทั่ว เพราะที่นี่เป็นอุทยานชื่อดัง แม้แต่นิตยสารทราเวลแอนด์เลเชอร์ เล่มล่าสุด ยังบันทึกภาพของเวอร์จิน กอร์ดา ไปขึ้นปก

เมื่อพูดถึงบริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ ก็ต้องบอกว่าอังกฤษได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 17 แล้ว จนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นดินแดนภายใต้การปกครองของอังกฤษ และยังคงเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยนักเดินทาง ที่แวะเวียนมาสัมผัสเกาะสวยๆ ไม่เว้นแต่ละปี

file

Saint Lucia เกาะภูเขาไฟแห่งทะเลแคริบเบียน

2-3 ปีมานี้นักท่องทะเลส่วนใหญ่โหวตให้เซนต์ลูเชียเป็นประเทศน่าเที่ยว อาจเป็นเพราะที่นี่มีลักษณะเป็นเกาะภูเขาไฟภูมิประเทศมีความเป็นภูเขามากกว่าเกาะอื่นๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน แถมบนเกาะมีภูเขาสองลูกที่เรียกว่า The Pitons เป็นเครื่องหมายการค้าที่แข็งแรงมาก

The Pitons เกิดจากการวางตัวของภูเขาสองลูกที่ทอดตัวอยู่ระหว่างเขตซูฟริแยร์ (Soufrière) และเขตชัวเซิล (Choiseul) ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ยอดเขาแฝดสูงตระหง่านคู่กันคือ Gros Piton สูง 798 เมตร และ Petit Piton สูง 750 เมตร เกิดจากภูเขาไฟประมาณ 200,000 ถึง 300,000 ปีก่อน รอบๆ ยอดเขาแฝดมีเส้นทางเดินเขาให้ได้ผจญภัยกัน และถ้าหากคุณเป็นนักดำน้ำก็สามารถสำรวจหน้าผาใต้น้ำได้ หรือใครจะนั่งเรือคาตามารัน (Catamaran)เนิบนาบไปเรื่อย ค่อยขยับตัวเข้าหา The Pitons ก็น่าสนุกไปอีกแบบ ระหว่างทางไปหา The Pitons ยังมีหมู่บ้านชาวประมงที่มีสีสัน และอ่าวมาริกอท (Marigot Bay) ซึ่งเป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดในเซนต์ลูเชีย

ในเวิ้งอ่าวแห่งนี้ ซ่อนชายหาดแสนสงบซึ่งเต็มไปด้วยต้นปาล์ม ที่นี่เคยเป็นฉากสำหรับหนังชื่อดังหลายเรื่อง และยังเป็นสถานที่ซึ่งบรรดาศิลปินและกวีมาใช้ชีวิตอันเรียบง่าย เพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานของพวกเขา

อย่าเพิ่งบอกลาเซนต์ลูเชีย ถ้าไม่ได้แวะไปตลาดพื้นเมืองที่อยู่ในกรุงแคสทรีส์ นอกจากข้าวของที่วางขายอย่างมีสีสันแล้ว ยังมีเครื่องเทศและของที่ระลึกน่าหอบหิ้วกลับบ้านมากมาย หากใครมีเวลามากพอลองแวะไปที่โบสถ์ประจำเมืองหลวงดู ก็จะพบว่าโบสถ์ที่นี่อาจไม่ใหญ่โตแต่งดงามตามสไตล์โบสถ์ในแคริบเบียน พระราชวังสีขาวฝั่งหอสูงขนาดใหญ่สีเลือดหมูอมแดงมี 13 ชั้น เป็นส่วนที่พระลามะใช้ปฏิบัติศาสนกิจและประกอบพิธีกรรมสำคัญ มีทั้งหอสวดมนต์ หอสำหรับนั่งสมาธิ และหอเก็บพระไตรปิฎก นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่บรรจุศพขององค์ทะไลลามะหลายพระองค์ แต่ที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุดคงเป็นแท่นเก็บศพของทะไลลามะองค์ที่ 5

The Pitons สัญลักษณ์โดดเด่นกลางทะเลแคริบเบียน
วิวสวยของเวิ้งอ่าวในเซนต์ลูเซีย

Saint Martin เกาะสวยมากสีสันของการท่องเที่ยว

เกาะเซนต์มาร์ตินเป็นอีกหนึ่งในทะเลแคริบเบียนที่เป็นฮอตสปอตสำหรับนักเดินทางเสมอ ความน่าสนใจของเกาะนี้อยู่ที่ทุกวันนี้บนเกาะถูกแบ่งการปกครองออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่เป็นของฝรั่งเศสก็จะถูกเรียกว่า แซง มาร์แต็ง และส่วนที่ถูกปกครองโดยเนเธอร์แลนด์ก็จะออกเสียงว่าซินต์ มาร์เติน ดินแดนในการปกครองของฝรั่งเศสเยอะกว่าก็จริง แต่ประชากรในฝั่งเนเธอร์แลนด์มีมากกว่านิดหน่อย

แน่นอนว่าเป็นเกาะกลางทะเลแคริบเบียนแบบนี้ต้องมีหาดสวยๆ และน้ำทะเลแจ่มๆ ให้นักท่องเที่ยวไปนอนผึ่งแดดกัน แต่ภาพจำของนักเดินทางส่วนใหญ่ ก็จะจำเซนต์มาร์ตินจากช็อตที่มีเครื่องบินร่อนลงเกือบแนบชายหาดซึ่งมีบรรดานักท่องเที่ยวนอนอาบแดดอยู่ นั่นก็เพราะสนามบินบนเกาะอยู่ใกล้ชายหาดมาก จึงต้องบินผ่านในระดับต่ำมากๆ เลยกลายเป็นโปรแกรมบังคับสำหรับนักเดินทางเมื่อมาถึงเซนต์มาร์ตินทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังหาดมาโฮ ที่อยู่ในฝั่งของเนเธอร์แลนด์ ทั้งที่จริงเซนต์มาร์ตินมีหาดรอบๆ เกาะ 37 หาด แต่ละหาดก็สวยๆ ทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าหาดมาโฮเป็นหาดที่ได้รับความนิยมที่สุด

อันที่จริงแค่เดินเล่นสำรวจเมืองหลวงฝั่งเนเธอร์แลนด์อย่างเมืองฟิลิปสเบิร์ก ก็จะรู้แล้วว่าเมืองนี้น่ารักและมีสีสัน แต่ตอนนี้อาคารบ้านเรือนอาจจะชำรุดไปสักหน่อย เพราะเพิ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนครั้งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา และถ้ามีเวลาเหลือลองนั่งรถข้ามไปสำรวจเมืองมาริโกต์ (Marigot) ซึ่งเป็นเมืองหลวงในฝั่งฝรั่งเศสดูบ้าง ฝั่งนี้นอกจากมีป้อมปราการอยู่บนเขาแล้ว ยังมีตลาดนัดริมทะเลที่เต็มไปด้วยสีสัน แถมอาคาร บ้านเรือน ก็ค่อนข้างเก่าแก่และคลาสสิคมาก  

เครื่องบินร่อนเหนือชายหาดใกล้แค่เอื้อม ภาพไฮไลต์ที่เกาะเซนต์มาร์ติน
เดินดูสีสันบ้านเมือง

Bermuda เกาะลึกลับที่น่าค้นหา

เบอร์มิวดาเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษก็จริง แต่บินจากนิวยอร์กแค่ 2 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว เมื่อมาถึงที่นี่ลองเดินสำรวจเมืองฮามิลตัน (Hamilton) เมืองหลวงของเบอร์มิวดาดูก่อน บ้านเรือนที่นี่สีสันสวยงามทอดตัวอยู่ตามเนินเขา บ้านแต่ละหลังไม่ได้ใหญ่โตมาก คนส่วนใหญ่มีฐานะดี ร่ำรวยแต่อยู่บ้านหลังเล็กๆ

ข้อสำคัญ ผู้คนเป็นมิตรมาก เดินเหินไปทางไหน ต่อให้ไม่รู้จักกันมาก่อนก็ยิ้มแย้มเอ่ยปากทักทายสารทุกข์สุกดิบ ชาวเบอร์มิวดาเป็นแบบนี้จริงๆ พวกเขาพร้อมจะทักทายทุกคนที่เดินผ่าน และหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ทันที ถึงแม้ชาวเกาะเบอร์มิวดาจะอยู่ปนกันทั้งคนขาวและคนดำ แต่พวกเขาก็อยู่กันอย่างสงบสุข เอื้อเฟื้อกัน มีน้ำใจให้กัน ฮามิลตันเป็นเมืองหลวงเล็กๆ ที่มีถนนไม่กี่สาย แต่ละสายก็จะมีบ้านเรือนสีสันสวยงามอยู่สองฝั่งถนนที่นี่มีโบสถ์เยอะเพราะผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์

จริงอยู่ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องราวกึ่งลึกลับกึ่งอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) ทั้งเครื่องบินหาย เรือเดินสมุทรหาย คนหายในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา แต่ถ้าใครได้มาสัมผัสเบอร์มิวดาก็จะพบว่า แท้จริงแล้วเบอร์มิวดาคือสถานที่ที่ผู้คนควรจะกล่าวขานถึงความน่าอยู่มากกว่าความน่ากลัว หากอยากรู้จักคำว่าความสุขอย่างแท้จริงซักครั้งในชีวิตควรไปเยือนเบอร์มิวดา 

ฮามิลตัน เมืองหลวงเล็กๆ บนเกาะเบอร์มิวดา
บรรยากาศบ้านเรือนเต็มไปด้วยสีสดใส

Macleod Island ดั่งย้อนเวลาสัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์

"Mergui Archipelago หรือ หมู่เกาะมากุย" ย้อนไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน เคยเป็นท่าเรือหลักและเป็นจุดสำคัญทางการค้าของเรือสินค้าชาวยุโรปและเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับนักเดินทางเพื่อข้ามคาบสมุทรมลายูมุ่งสู่เมืองสยาม หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน

ท่ามกลาง 800 กว่าเกาะ ในบริเวณหมู่เกาะมากุย เกาะแมคคลอยด์ดูเหมือนจะเป็นเกาะที่เข้าถึงง่ายที่สุด และเป็นที่ตั้งของ "เรนเดียร์ บีช" หาดแห่งนี้เป็น "หาดส่วนตัว" ที่ยังคงความสดใหม่ และไม่มีใครจับต้องมาก่อน มากกว่านับร้อยปี "เรนเดียร์ บีช" ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่หนาแน่น ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีสวยฟ้าเขียวมรกต และหาดทรายยาวขาวละเอียด

ใครได้มาสัมผัสทรายบนหาดนี้ จะได้แต่นึกขอบคุณความห่างไกล ที่ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่น้อยคนนักจะเข้าถึง และแน่นอนว่ามาถึงแล้วจะได้มีโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย จนบางทีอาจชวนให้รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ เป็นการพาคุณย้อนเวลาหมุนนาฬิกากลับไปสู่ธรรมชาติเมื่อ 200 ปีก่อนเป็นแบบนั้นจริงๆ

และทั้งหมดนี้คือ Exotic Island ตามมุมต่างๆ ของโลกที่น่าทำความรู้จักอย่างยิ่ง

Travel’s Guide

  • การเดินทางไปยังเซนต์มาร์ติน บริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ และเซนต์ลูเชีย บินไปตั้งหลักที่ไมอามี่โดยสายการบินฟินแอร์ มีเที่ยวบินไปไมอามี่ทุกวัน คลิกไปดูที่ www.finnair.com จากนั้นมีไฟลท์จากไมอามี่ไปยัง 3 ประเทศนี้วันละหลายไฟลท์ ส่วนจากกรุงเทพฯ ไปเบอร์มิวดา บินไปตั้งหลักที่นิวยอร์กก่อนด้วยสายการบินฟินแอร์ จากนั้นมีไฟลท์ต่อไปเบอร์มิวดาทุกวัน วันละหลายไฟลท์ คลิกไปสำรวจที่ www.skyscanner.com
  • หากจะเดินทางไปยังเซนต์มาร์ติน บริติช เวอร์จิน ไอแลนด์ และเซนต์ลูเชีย คนไทยต้องทำวีซ่า ซึ่งค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าไปทางเรือสำราญ และมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว ไม่ต้องทำวีซ่าประเทศอะไรเลย สอบถามที่บริษัท เจอร์นีย์ เอนเตอร์ไพรซ์ 06 4678 9966
  • การเดินทางไปเกาะแมคคลอยด์ที่พม่า บินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดระนองจะง่ายสุด จากนั้นบริษัท อันดามันดัค จะจัดการเรื่องเรือและทัวร์ไปเกาะแมคคลอยด์ คลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.andamanduck.com
  • ไปเที่ยวเกาะแมคคลอยด์ไม่ต้องทำวีซ่า แค่นำพาสปอร์ตไปด้วย เพราะต้องทำเรื่องข้ามพรมแดนไปพม่า
  • ไม่ว่าจะไปเกาะไหน เตรียมครีมกันแดดและอุปกรณ์กันแดดไปให้พร้อม จะได้สนุกกับซัมเมอร์ให้สุดๆ ไปเลย