ณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

ณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา สร้าง Bambini Villa พื้นที่ความสุขของครอบครัว

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 51 | คอลัมน์ New Generation

ด้วยความเป็นคุณแม่ลูกสองบวกกับการเป็นนักธุรกิจหญิงเก่งแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ คุณน้ำาหวาน-ณพวงศ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วงศ์กุลศรา เอสเตท จำากัด เจ้าของโครงการ Bambini Villa จึงตระหนักดีถึงความต้องการ “พื้นที่คุณภาพ” ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อย พร้อมกับเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ทำกิจกรรมร่วมกับคุณลูกอย่างมีความสุขด้วยกันแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่ให้คุณพ่อคุณแม่สามารถแยกตัวไป “Enjoy Moment” ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ในบางจังหวะเวลา เพื่อทำให้ช่วงเวลาในพื้นที่แห่งนั้นเป็นช่วงเวลาคุณภาพสำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

จากความเข้าใจหัวอกคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างลึกซึ้ง (Insight) นี้เองที่กลายเป็นที่มาของ Bambini Villa คอมมูนิตี้มอลล์ที่คุณพ่อคุณแม่และคุณลูกสามารถจูงมือกันมาใช้เวลาคุณภาพร่วมกันแบบครบจบในพื้นที่เดียว


Loving Space Inspired by Motherhood

คุณน้ำหวานมีลูกชายวัยกำลังซนอายุ 8 ขวบ และ 5 ขวบ ด้วยความที่เธอและสามีชอบเลี้ยงลูกเอง และชอบใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ วันหยุดสุดสัปดาห์จึงถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากสำาหรับครอบครัวเธอ แต่การจะหาสถานที่ที่จะพาเด็กๆ ไปใช้ชีวิตในวันหยุดอย่างมีคุณภาพ และได้พัฒนาทักษะด้านต่างๆ โดยที่พ่อแม่เองก็ยังได้ทำกิจกรรมโปรดไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

“หวานมองว่าปัจจุบัน ยังไม่มีห้างไหนที่ดีไซน์พื้นที่สำหรับครอบครัวโดยยึดเด็กเป็นหลักตั้งแต่เริ่มแรก ส่วนมากมักจะทำโซนของเด็กเพิ่มขึ้นมาเป็นส่วนเสริมมากกว่า”

เมื่อยังไม่มีศูนย์การค้าไหนที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณน้ำหวาน ในฐานะทายาทรุ่น 4 ของตระกูล “อรรถกระวีสุนทร” และกรรมการบริหาร บริษัท อรรถกระวี และบริษัท อรรถเคหพัฒน์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงยาวนานมากว่า 50 ปี บวกกับการสั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจนี้มานานกว่า 7 ปี จากการพัฒนาโครงการย่านสุขุมวิท -พระรามสี่ มาหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เอ สแควร์, แวร์เฮาส์ 26, ตลาดอาจณรงค์ และสวนเพลินมาร์เก็ต เธอจึงตัดสินใจสร้างโครงการของตัวเองขึ้นมาเพื่อตอบสนองหัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก

file

Lifestyle Mall for Modern City Families

โครงการ Bambini Villa ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2.5 ไร่ โดยมีพื้นที่ส่วนกลาง 2,300 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าทั้งหมด 2,700 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถรองรับผู้ใช้บริการได้มากกว่า 125 คัน โครงสร้างอาคารเป็นโถงสูงได้รับการออกแบบเป็นตัว O เพื่อความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี และมีแสงธรรมชาติเข้าถึง โดยมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ตรงกลาง และร้านต่างๆ ที่อยู่รายล้อมกั้นห้องด้วยกระจกใส จึงทำให้ผู้ปกครองที่กำลังทำกิจกรรมโปรดของตนในร้านต่างๆ สามารถเห็นลูกหลานที่กำลังวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรมในพื้นที่ Playgroundและพื้นที่อเนกประสงค์ได้อย่างชัดเจน ขณะที่ทางเชื่อมระหว่างร้านบนชั้น 2 ก็ถูกออกแบบให้ปลอดภัยและเป็นเหมือนสะพานไม้แขวนเพื่อให้เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนานเวลาที่เดินผ่าน

ในส่วนของสนามเด็กเล่นถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เล่นสนุก ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยและเปิดโอกาสให้เด็กได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสวนแปลงผักเพื่อให้เด็กเรียนรู้กระบวนการเพาะปลูก ไปจนถึงการลงมือปฏิบัติ และรับผิดชอบดูแลผักของตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นเก็บผลผลิต ซึ่งทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจและความตระหนักในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ (Co-learning Space) ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะเด็ก แต่ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ปกครองเพื่อพัฒนาทักษะการเลี้ยงดูเด็ก หรือเพื่อดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้นและสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำาการบ้านหรือสอนพิเศษในสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมจินตนาการและทักษะทางสังคมให้กับเด็กขณะที่ช่วงสุดสัปดาห์ก็ใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมสำหรับครอบครัว

“โจทย์สำคัญในการพัฒนาพื้นที่คือ จะทำยังไงเพื่อเติมเต็มการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในวันพักผ่อนสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวและเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถทำกิจกรรมของตัวเองได้อย่างมีความสุขไปพร้อมกันในพื้นที่เดียวกัน หรือสามารถทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกันได้ โดยที่ไม่ต้องรอวันหยุดเทศกาลหรือไปไกลถึงต่างจังหวัด”

file
file

Newly Conceptual & High-lighted Magnets

เพื่อตอบโจทย์ในการเป็นพื้นที่ที่ครอบครัวจะได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันอย่างแท้จริง Bambini Villa ยังได้รวบรวมร้านค้าสำหรับครอบครัวที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่มากมายเพื่อเติมเต็มความต้องการของทุกคนในครอบครัวในทุกมิติและทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่

“หลักการเลือกร้าน หวานพยายามหาร้านให้หลากหลายพอที่จะตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว แต่หัวใจสำคัญคือ หวานจะเลือกเจ้าของร้านที่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของโครงการและเห็นความสำคัญของครอบครัว พยายามหาร้านที่เจ้าของมีเวลามาดูแลร้าน ซึ่งหลายร้านที่มาเปิดในโครงการนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีในประเทศไทย”

โครงการแบ่งเป็น 4 โซน ประกอบด้วย

  1. Café & Dining โซนร้านอาหารและคาเฟ่สำหรับเด็กและครอบครัว ประกอบไปด้วยร้าน Lilliput Kids Café คาเฟ่พรีเมียมและ Indoor Playground ที่มีเครื่องเล่นหลากหลายสำหรับเด็กจากประเทศเกาหลี ซึ่งเปิดให้บริการที่นี่เป็นสาขาแรกในประเทศไทย และยังมีร้านอาหารน่ารักๆ สำหรับเด็กและครอบครัว อย่าง Baby Bib Café ที่เสิร์ฟเมนูอาหารเพื่อสุขภาพและได้โภชนาการที่ดีสำหรับเด็กๆ แถมยังมีบ่อบอลและสไลเดอร์ให้ได้เพลิดเพลิน นอกจากนี้ทั้ง 2 ร้านยังมีบริการรับจัดปาร์ตี้สำหรับเด็กอีกด้วย, Monster’s Crepe ร้านเครปแสนอร่อยสไตล์ฝรั่งเศส มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย, IZAKAYA TEPPEN ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับแท้ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีในราคาสุดคุ้ม และ KURASU ร้านกาแฟชื่อดังส่งตรงจากเกียวโตเพื่อคอกาแฟที่แท้จริง เป็นต้น

  2. Shopping Zone ร้านขายของเล่นและผลิตภัณฑ์สำาหรับแม่และเด็กแบรนด์ดังจากต่างประเทศ เช่น Baby n’ Me และ Motherland สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาของเล่นของใช้สำาหรับเด็กตั้งแต่วัยทารก และ Read Me Book ร้านจำหน่ายหนังสือภาษาอังกฤษมือหนึ่งและมือสองสำหรับเด็ก เป็นต้น

  3. Health & Beauty โซนร้านเสริมความงาม อาทิ J’LOLITA Nail Spa and More ร้านทำาเล็บ สปามือ-เท้า และบริการเพื่อความสวยงามของคุณผู้หญิง ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพจากต่างประเทศ, MILK ร้านตัดผมสำหรับทุกคนในครอบครัว ทั้งพ่อแม่ลูกจบในร้านเดียวและ KRITTHADA CLINIC ศูนย์เลเซอร์ ที่ช่วยดูแลปัญหาผิว พร้อมยกกระชับ ปรับรูปหน้าด้วยมาตรฐานระดับสากล

  4. School & Edutainment เป็นโซนพื้นที่การเรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการเด็กโดยได้รวบรวมสถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้คอนเซ็ปต์ใหม่ตามมาตรฐานสากลที่ล้วนแต่ยังไม่เคยมีสาขาในไทย อาทิ Julia Gabriel Centre โรงเรียนชั้นนำด้านการสอนการพัฒนาเด็กเล็กผ่านการพูดและการแสดงอันดับหนึ่งจากสิงคโปร์ ปัจจุบันมีสาขา 12 แห่งในเอเชียมีโปรแกรมการสอนที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะอย่าง EduDrama สอนให้เด็กมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน - 6 ปี, Arkki โรงเรียนหลักสูตรการศึกษาเชิงสร้างสรรค์ชั้นนำระดับโลกจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศฟินแลนด์ เน้นการสอนทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 พร้อมฝึกความคิดสร้างสรรค์และความเป็นผู้ประกอบการให้แก่เด็กและเยาวชนตั้งแต่ 4-19 ปี และ Pollock : Art & Performance สตูดิโอสอนศิลปะสำาหรับเด็กส่งตรงจากเกาหลี ที่มุ่งเน้นศิลปะในเชิงกระบวนการและการใช้ประสาทสัมผัส ศิลปะการแสดง, ศิลปะ ธรรมชาติ, Edible Painting, Messy Art เป็นต้น
file
file

Bambini Villa สร้าง Blue Ocean ในธุรกิจบริหารศูนย์การค้า

ท่ามกลางกระแสที่ว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ กำลัง “ล้นตลาด” โดยเฉพาะคอมมูนิตี้ มอลล์ ในสุขุมวิท พระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ แต่คุณน้ำหวานกลับมั่นใจในการลงทุนครั้งนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักแบ่งเป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% และประเมินว่าน่าจะมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 20,000 - 30,000 คน

“ปัจจุบันคอมมูนิตี้มอลล์มีการแข่งขันสูงมาก จึงต้องรับมือด้วยกลยุทธ์ Segmentation มุ่งจับลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชัดเจน สำาหรับ Bambini Villa เราเน้นจับกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ซึ่งยังไม่มีผู้เล่นจริงจังแต่เป็นตลาดที่มีศักยภาพและดีมานด์สูงเพราะสำหรับพ่อแม่แล้ว เมื่อเป็นเรื่องลูกก็พร้อมจะทุ่มเทเต็มที่ โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท 26 และพื้นที่รอบข้างรัศมี 2 กม. มีคอนโดฯ โครงการที่อยู่อาศัย โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนไทย และมีออฟฟิศหลายแห่งแล้วถ้ามองส่วนประกอบศูนย์การค้ารอบข้าง เราจึงเป็นเหมือนจิ๊กซอว์สำคัญที่มาเติมเต็มกลุ่มครอบครัวในย่านนี้ให้ได้ครบทุกมิติและทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัวคนเมืองทั้งชาวไทยและต่างชาติของย่านสุขุมวิท-พระราม 4”

แม้วันนี้ เธอจะบอกไม่ได้ว่า Bambini  Villa แห่งที่สองจะมีขึ้นเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่เธอบอกคือกำลังจะมีโครงการใหม่ของครอบครัวที่เตรียมพัฒนาบนที่ดินแปลงใหญ่แถวพระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่น่าจับตา

ความในใจต่อทิสโก้

“ปัจจุบัน ทิสโก้ดูแลพอร์ตเกือบทั้งครอบครัว ทั้งคุณตา คุณแม่ คุณพ่อซึ่งดูแลกันมานานมาก จนหวานรู้สึกว่าเป็นเหมือนญาติหรือเพื่อน มากกว่าความสัมพันธ์แบบลูกค้ากับผู้ให้บริการเพราะนอกจากจะให้ความใส่ใจในการดูแลพอร์ตแล้ว ยังคิดถึงความต้องการและเป้าหมายของลูกค้า มีน้ำใจ และคอยช่วยเหลือเราในหลายๆ เรื่องจนกลายเป็นว่าพอมีอะไร เราก็มักจะนึกถึงทิสโก้เป็นที่แรกค่ะ ” คุณน้ำหวานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

file