‘Art Healing’ ให้ศิลปะ ‘ปั้นดินวิถีเซรามิก’ เยียวยาหัวใจอ่อนล้า

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 71 | คอลัมน์ Moment of Happiness

10.2 scaled

ว่ากันว่าคนเราในช่วงเวลาที่สร้างสรรค์งานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ ระบายสี ปั้นดิน ฯลฯ สมองจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า ‘การไหล’ อันเป็นสภาวะที่จิตใจจดจ่ออยู่กับกิจกรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งกระบวนการของศิลปะสามารถส่งพลังที่ช่วยให้คนเราได้แสดงความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ช่วยลดระดับความเครียด ความกังวล รวมถึงความเศร้าใจ ทำให้ศิลปะกลายเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยบำบัดและฟื้นฟูจิตใจในวันที่หัวใจอ่อนล้าได้อย่างเห็นผล

        เช่นเดียวกับ การปั้นเซรามิกงานปั้นที่กำลังเป็นคลาสยอดนิยมในกลุ่มคนรักงานคราฟต์ ซึ่งมีทั้งคลาสเรียนเพื่อแก้เครียด ผ่อนคลายยามว่าง เรียนเพื่อทำเป็นของขวัญที่ระลึก เรียนเพื่อฝึกทักษะงานปั้น หรือต่อยอดสร้างอาชีพ รวมไปถึงคลาสศิลปะบำบัด โดยการปั้นเซรามิกช่วยเป็นยาใจและสามารถบำบัดอาการโรคซึมเศร้า ดังเช่นสตูดิโอสอนงานปั้น The Kiln Studio ของคุณโจ้พีระ เจริญวิริยะภาพ ที่มีจัดเวิร์อปสอนปั้นเซรามิกจริงจัง ทั้งเรียนเพื่อประกอบอาชีพ เพื่อผ่อนคลาย และมีคลาส Art Healing บำบัดโรควิตกกังวลและซึมเศร้าด้วย 

10.3

ปั้นดินเย็น ๆ ส่งพลังความสุขและฮีลใจ

        “คนที่สภาวะในใจกำลังดิ่งลงในช่วงเวลานั้น การปั้นเซรามิกเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถช่วยบำบัดได้ เพราะการได้สัมผัสเนื้อดินเย็น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้อารมณ์สงบผ่อนคลาย เกิดความสุข เกิดความปิติ ซึ่งส่งผลต่อการมีสมาธิ เมื่อมีความสุขก็เกิดความอยากทำไปเรื่อย ๆ การได้อยู่กับตัวเองแล้วมีความสุขโดยไม่มีกรอบ ไม่มีแรงกดดันจากภายนอก สำหรับผู้ที่อาการโรคซึมเศร้า การเริ่มต้นก็ต้องพยายามให้เขาผ่อนคลาย การพูดคุยก่อนเริ่มลงมือปฏิบัติงานจริง จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขารีแลกซ์และปลดปล่อยความรู้สึกเศร้าหรือดาวน์ดิ่งอยู่ข้างใน เสริมสร้างพลังบวกให้เขา จากนั้นก็ปล่อยอิสระให้เขาลงมือสร้างสรรค์ชิ้นงานของตัวเองโดยไม่มีโจทย์ ไม่มีอะไรมาตีกรอบ ให้เขาได้ปลดปล่อยพลังงานด้านลบ แล้วพลังบวกจากศิลปะไปขับเคลื่อนและดำรงชีวิตต่อได้”  

          ผศ.โอภาส นุชนิยม (อาจารย์เปี๊ยก) อาจารย์ประจำสาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผา คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และที่ปรึกษาร่วมออกแบบคลาสเวิร์กช็อป ศิลปะบำบัด ให้แก่ The Kiln Studio เล่าถึงการเยียวยาสุขภาพใจและขั้นตอน ศิลปะบำบัด ของเวิร์กช็อปปั้นเซรามิก สำหรับทางคุณโจ้เล่าเสริมเกี่ยวกับคลาสเวิร์กช็อปของ The Kiln Studio ที่ผู้คนทั่วไปกลุ่มต่าง ๆ แวะเวียนมาฮีลใจตัวเองกับที่นี่ว่า เป็นคนไทย 50% และที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึง 50%  

          “นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักเราผ่านเฟซบุ๊กเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นวัยทำงานที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วอยากทำกิจกรรมที่เขาสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นเราทำคลาสแนวนี้มานานแล้ว สำหรับคนไทยที่จองคลาสกับเรานั้น เป็น Private Class ที่มากันเป็นคู่ ทั้งคู่เพื่อน คู่รัก ซึ่งเป็นวัยทำงานด้วยเช่นกัน และยังมีคู่ลูกกับแม่หรือพ่อวัยเกษียณ และช่วงอายุที่จองคลาสเข้ามาเยอะที่สุดคือวัย 45 อัพจนถึงวัยเกษียณ สำหรับคนที่ป่วยเป็นซึมเศร้าจองคลาสมาก็จะรู้ตัวเองอยู่แล้วระดับหนึ่งว่าเขามีอาการของโรค ดังนั้น การให้เราเปิดคลาสสอนโดยเฉพาะ Private Class ก็เพราะตั้งใจมาปั้นเซรามิกเพื่อรักษาตัวเอง โดยเริ่มจากการคุยส่วนตัวเพื่อให้รู้พื้นความคิดและความต้องการ จากนั้นให้เลือกว่าอยากปั้นอะไร แล้วก็ไปต่อจนจบคลาส ที่นี่นอกจากคลาสของเราแล้ว บรรยากาศของ The Kiln Studio ทั้งสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียว ยิ่งทำให้ใจเขายิ่งเย็นสงบ ทุกอย่างเลยสอดคล้องไปด้วยกันทั้งหมด”  

10.4

‘ประติมากรรมเซรามิก’ เสน่ห์จากกระบวนการสร้างสรรค์

        ‘ปั้นเซรามิกได้กลายเป็นทางเลือกหนึ่งของศิลปะบำบัดที่ทำให้คนมีความสุข ถ่ายทอดจินตนาการจากสองมิติให้กลายเป็นสามมิติ หมายความว่ารูปบางรูปเราอาจสัมผัสได้จากแค่ในภาพเท่านั้น แต่ศิลปะการปั้นทำให้เราได้สัมผัสด้วยมือ สร้างออกมาเป็นโครงสร้างรูปทรง และนี่คือเหตุผลที่ทำให้การปั้นเซรามิกดีต่อใจอย่างแท้จริง 

         “เนื่องจากเสน่ห์งานปั้นเซรามิกมาจากกระบวนการสร้างชิ้นงานที่มีแบบฉบับเฉพาะที่ท้าทายจนน่าหลงใหล มันมีทั้งงาน Chemical งานเผา งานเคลือบ งานสี เป็นงานสายช่างที่เข้ามาให้ฝึกและให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับมัน ต้องมีความละเมียดและใส่ใจกับรายละเอียดกว่าจะได้แต่ละชิ้น และนี่คือเสน่ห์อีกอย่างของงานช่างเหล่านี้ สำหรับผม คีย์เวิร์ดของเซรามิกคืองานเผา เพราะมันสร้างความสุข สร้างความตื่นเต้นอย่างมีความหวังที่เป็นสุขจากการได้ลุ้นว่า ผลงานเราจะออกมาเป็นหน้าตาอย่างไร เพราะเซรามิกแต่ละชิ้นมีหนึ่งเดียวเฉพาะตัว ไม่สามารถทำแต่ละชิ้นให้เหมือนกันได้ 100%” คุณโจ้ได้เล่าถึง Art Healing อีกมิติของงานเซรามิกที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบศิลปะแขนงนี้ 

10 2

‘ศิลปะบำบัด’ พลังบวกเยียวยาให้ชีวิตยังไปต่อ

ในวันนี้ สังคมเต็มไปด้วยความรีบเร่งและแข่งขัน เทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วสู่สังคมของโลกดิจิทัลที่สามารถย่อโลกทั้งใบเอาไว้ได้หมด กลายเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้คนเกิดความกดดันตัวเอง ความใคร่อยาก เกิดสภาวะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจนไม่พอใจในสิ่งที่เป็นและด้อยค่าตัวเอง รวมไปถึงข่าวสารและข้อมูลด้านลบต่าง ๆ ก็นำไปสู่อาการจิตตก จิตใจห่อเหี่ยว เกิดความทุกข์ใจ เกิดเป็นความป่วยสุขภาพใจตามมา และนี่คืออีกสาเหตุสำคัญที่อาจารย์กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ทำไมผู้คนจึงโหยหาธรรมชาติบำบัดเยียวยาจิตใจ และโหยหาศิลปะบำบัดเพื่อถ่ายเทพลังลบหรือด้านมืดออกไป แล้วสร้างพลังบวกในการดำรงชีวิต  

อาจเป็นช่วงเวลาหนึ่งสั้น ๆ ของอาการจิตตก สุขภาพใจอ่อนล้า ผมเปรียบเทียบเหมือนน้ำเสียที่เต็มแก้ว ถ้าเราเติมน้ำดีเข้าไปเรื่อย ๆ น้ำเสียมันก็ค่อย ๆ หายจางออกไป ซึ่งศิลปะบำบัดคือน้ำดีที่เต็มไปด้วยพลังงานบวก เป็นอีกทางเลือกของการสร้างความสุขให้กลับมาอีกครั้ง”   

Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า