4 ตลาดหุ้นเด่น ที่ต้องมีติดพอร์ตในไตรมาส 4/2025

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

4ตลาดหุ้นเด่นที่ต้องมีติดพอร์ตในไตรมาส4 800X420

 

ปี 2025 กำลังจะเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แรงหนุนสำคัญมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐแต่ละประเทศ ที่เข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษี (Tariffs) ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ Valuation ของหลายตลาดเริ่มสูง นักลงทุนจึงจำเป็นต้องเลือกตลาดหุ้นที่ยังมี Catalyst เฉพาะตัว ที่พร้อมจะผลักดันให้ผลตอบแทนเดินหน้าต่อได้ โดยในไตรมาส 4/2025 ตลาดหุ้น 4 แห่งที่นักลงทุนควรมีติดพอร์ต ได้แก่

1. ตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี ตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ตลาดที่ยังทำผลตอบแทนติดลบ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3/25 ตลาดหุ้นไทยกลับพลิกฟื้นขึ้นมามากกว่า 20% จากจุดต่ำสุดและเริ่มเข้าสู่ภาวะ “Bull Market” อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนตัวผู้ว่า ธปท. และการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลชุดใหม่ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีความคาดหวังต่อการดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ในช่วงปลายปีนี้ ตลาดหุ้นไทยจะยังมีโมเมนตัมเชิงบวกอย่างต่อเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่เน้นไปที่การบริโภคภายในประเทศ ยกตัวอย่างเช่น มาตรการ “คนละครึ่ง” นอกจากนี้ ธปท. มีแนวโน้มที่จะทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบัน 1.5% สู่ระดับ 0.75% ภายในครึ่งแรกของปี 2026 ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสเกิดภาวะ Search for yield โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในภาวะดอกเบี้ยต่ำ คือหุ้นกลุ่มปันผลสูง (High Dividend) ที่ปัจจุบันยังมี Dividend Yield ที่สูงถึง 6.5% นับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 10 ปี

2. ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง หลังจากที่นายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ทำให้พรรค LDP ต้องสรรหาผู้นำคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งแคนดิเดตส่วนใหญ่ต่างมีจุดยืนที่จะดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเชิงรุกมากกว่านายกคนเก่า ทั้งการปรับเพิ่มค่าจ้างและการลดภาษีการบริโภค เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ส่วนในด้านของนโยบายการเงิน แม้ว่าญี่ปุ่นกำลังอยู่ในวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ตลาดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ จะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากปัจจุบัน 0.5% เป็น 1% ภายในปี 2026 เพื่อรักษาเสถียรภาพทั้งด้านเงินเฟ้อและการเติบโตของ GDP ให้เหมาะสม หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกและธนาคาร ที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

3. ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นจีนยังคงได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เนื่องจากจีนกับสหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจหลายด้าน ทั้งการที่สหรัฐฯเลื่อนกำหนดการเก็บภาษีนำเข้า 30% กับจีนออกไปจนถึงเดือน พ.ย. นี้ อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนการส่งออก Semiconductors กับแร่ Rare Earth ซึ่งเป็นสินค้าที่สำคัญในเชิงยุทธศาสตร์

ระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงไปถึงการเลื่อนแผนปิดแพลตฟอร์ม TIKTOK ที่ทั้งสหรัฐฯกับจีนสามารถตกลงกันได้อย่างลงตัว ทำให้ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศผ่อนคลายลง

ด้านปัจจัยภายในประเทศ แม้เศรษฐกิจจีนยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางและกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด แต่รัฐบาลจีนเริ่มประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้นโยบาย “Anti-involution” เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่เกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ทำให้ผลกำไรของหุ้นกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจากสงครามราคามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ่ม E-commerce ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

4. ตลาดหุ้นอินเดีย นับตั้งแต่ต้นปี ตลาดหุ้นอินเดีย ทำผลตอบแทน Underperform ตลาดหุ้นโลก ทั้งที่ในช่วงแรกนักลงทุนคาดการณ์ว่าอินเดียจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับกลายเป็นว่าอินเดียถูกเพิ่มการเก็บ Tariffs จากสหรัฐฯจาก 26% เป็น 50% จากประเด็นเรื่องการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อินเดียได้รับผลกระทบที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯเพียง 2% ของ GDP และคาดว่าอินเดียจะหาช่องทางเจรจาลดภาษีกับสหรัฐฯลงได้ในท้ายที่สุด

ด้วยความได้เปรียบทางด้านประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก ทำให้อินเดียแก้เกมส์ด้วยการหันกลับมาพึ่งพิง Domestic Consumption ซึ่งคิดเป็น 60% ของ GDP ผ่านการใช้ “มาตรการปฏิรูปภาษี” โดยจะมีการลดภาษีสินค้าและบริการ (GST) จากกรอบเดิมที่ 12-18% สู่กรอบใหม่ที่ระดับ 0-5% สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหาร ยา สบู่ ยาสีฟัน ตลอดจนสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เพื่อคืนกำลังซื้อให้กับประชาชน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดภาษีมีแนวโน้มการเติบโตที่เร่งตัวขึ้น เช่น กลุ่มอุปโภคบริโภค เป็นต้น

บทความโดย ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPT™

Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>

ถอดรหัส Buffett และ Soros ลงทุนต้นรอบหุ้นกลุ่ม AI ?

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่สุดของวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (Google) ของบริษัท Berkshire Hathaway ของ Warren Bufett และ Soros Fund Management ของ Goerge Soros สองนักลงทุนระดับโลกในช่วงไตรมาส 3/2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดกำลังมีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นว่า อุตสาหกรรม AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่หรือไม่

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า