โรคมะเร็งรักษาได้ ถ้าเตรียมพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิบ

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1673255642434 1

มะเร็งแห่งชาติ ยังคงเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แม้วิธีการรักษาโรคมะเร็งมีความก้าวหน้ามากขึ้นจากในอดีต แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมากเช่นเดียวกัน

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2561 ชี้ว่า คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ถึง 139,206 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 382 คน และยังมีแนวโน้มที่จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ การสัมผัสสารเคมีต่าง ๆ ควันจากท่อไอเสีย รวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ล้วนกระตุ้นและก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้มากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ โรคมะเร็งปอด โดยข้อมูลจาก Thaihealth Watch และ สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ พบว่า ในช่วงปี 2553 – 2562 อัตราการตายจากโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยภาคเหนือมีอัตราการตายสูงที่สุดด้วยอัตราการตายที่เพิ่มขึ้นถึง 1.5 เท่า จาก 20.3 คนต่อแสนประชากรในปี 2553 เป็น 30.7 คนต่อแสนประชากรในปี 2562 และรองลงมาคือกรุงเทพมหานคร โดยคาดว่าปัจจัยหลักที่เป็นตัวกระตุ้นคือปัญหามลภาวะทางอากาศที่พบมากทั้งในภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้การรักษาโรคมะเร็งมีทางเลือกมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็งด้วย “ภูมิคุ้มกันบำบัด” (Immunotherapy) ซึ่งเป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งด้วยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและเพิ่มความสามารถให้เม็ดเลือดขาวสามารถดักจับและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ แม้เซลล์มะเร็งจะซ่อนตัวหลบหลีกอยู่ การรักษาด้วยวิธีภูมิคุ้มกันบำบัดนี้มีผลข้างเคียงน้อย และยังช่วยป้องกันการกลับมาของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น โดยปัจจุบันมีการใช้วิธีภูมิคุ้มกันบำบัดรักษาโรคมะเร็งหลากหลายชนิด เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งไต มะเร็งศรีษะและลำคอ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

แต่เนื่องจากการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดยังถือว่าเป็นวิธีรักษาที่ค่อนข้างใหม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง โดยหากเป็นการรักษาด้วยแอนติบอดี ไทยยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 220,000 บาทต่อสัปดาห์ คิดเป็นประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อปี โดยในการรักษาจะกินเวลาอย่างน้อย 2 ปี นั่นแปลว่าผู้ป่วยที่ต้องการรักษาด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยสูงถึง 7 ล้านบาท (ข้อมูลจาก ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการรักษาตัวอีก ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงนี้เป็นข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเต็มที่

ปัจจุบัน ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการทำการวิจัยการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยในไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพนี้ได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง โดยทำการวิจัยการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) กลุ่มวิจัยพัฒนาแอนติบอดีเพื่อการรักษา (Anti-PD-1) 2) กลุ่มวิจัยภูมิคุ้มกันด้านเซลล์บำบัดมะเร็ง (CAR T Cell) และ 3) กลุ่มวิจัยนีโอแอนติเจนและวัคซีนต่อมะเร็ง   โดยการวิจัย 2 แบบแรกอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือการเพาะเลี้ยงเซลล์ จากทั้งหมด 5 ขั้นตอน และคาดว่าจะนำมาใช้งานได้ในปี 2569 – 2570  ส่วนการวิจัยนีโอแอนติเจนและวัคซีนต่อมะเร็งอยู่ในขึ้นตอนที่ 1 คือวิจัยจากหนูทดลอง โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถใช้งานได้จริงในปี 2566 – 2573

วงการแพทย์มีความพยายามที่จะคิดค้นวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด ในขณะเดียวกันเราเองก็ควรมีการเตรียมความพร้อมด้วยการทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง เพื่อให้กรณีที่เจ็บป่วย เราจะได้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างทันท่วงที เพราะโรคมะเร็งยิ่งได้รับการรักษาเร็วเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

แผนภาพที่ 1: อัตราการตายจำแนกตามสาเหตุที่สำคัญต่อประชากร 100,000 คน ประเทศไทย พ.ศ. 2559 และ 2563

1673255917040 1

ที่มา: สถิติสาธารณสุขกองยุทธศาสตร์และแผนงานสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2563

================================

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Health is Wealth ใน กรุงเทพธุรกิจ

โดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPTTM 

Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

ลงทุน Global Bond ให้ดี ปีนี้ต้องเลือก Bond ระยะกลาง-สั้น

เปิดปี 2568 ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ รวมถึงประเทศหลักส่วนใหญ่ยังเป็นทิศทางขาลง ช่วงนี้จึงนับเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนตราสารหนี้โลก แต่ต้องเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-สั้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปีนี้

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

ลงทุน Global Bond ให้ดี ปีนี้ต้องเลือก Bond ระยะกลาง-สั้น

เปิดปี 2568 ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ รวมถึงประเทศหลักส่วนใหญ่ยังเป็นทิศทางขาลง ช่วงนี้จึงนับเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนตราสารหนี้โลก แต่ต้องเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-สั้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปีนี้

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า