3 ประโยชน์ดี ๆ ที่เราควรมี “ประกันโรคร้ายแรง”

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1702433175746 1

หลายคนอาจคิดว่าสิทธิสวัสดิการของบริษัทนายจ้าง หรือประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายน่าจะเพียงพอ จึงไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพแบบอื่นเพิ่มเติม แต่หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น อาจมีโอกาสที่วงเงินความคุ้มครองจะไม่เพียงพอต่อการรักษา อีกทั้งหลังการรักษาโรคร้ายแรง เมื่อสิ้นสุดการเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นช่วงหลังพักฟื้นด้วย ซึ่ง “ประกันโรคร้ายแรง” สามารถให้ผลประโยชน์เพิ่มเติมจากจุดอ่อนที่กล่าวมาได้ โดยมี 3 ผลประโยชน์หลักดังนี้

ผลประโยชน์ที่ 1 สำหรับประกันสุขภาพโรคร้ายแรง คือ ช่วยเสริมความคุ้มครองโรคร้ายแรงจากประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่มีวงเงินจำกัดได้ จากข้อมูลสถิติการเจ็บป่วยปีพ.ศ. 2564 โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในทุกโรคโดยเฉลี่ยต่อครั้งสำหรับโรงพยาบาลรัฐฯ อยู่ที่ 15,500-64,000 บาท และจะสูงขึ้นไปถึงครั้งละ 80,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเอกชน หากสมมติเจ็บป่วยประมาณ 3-5 ครั้งต่อปี ก็ดูเหมือนจะเพียงพอที่จะทำประกันสุขภาพบนวงเงิน 5 แสนบาทต่อปี แต่ค่ารักษาที่มักจะบานปลายส่วนใหญ่เกิดจากโรคร้ายแรงเป็นหลักซึ่งประกันสุขภาพที่วงเงินเพียง 5 แสนบาทอาจไม่เพียงพอ โดยบริษัท Roche หนึ่งในบริษัทยาชั้นนำของโลกประมาณค่ารักษาโรคมะเร็งเริ่มต้นที่การผ่าตัด 2 แสนบาท ไปจนถึงการใช้ยารักษาแบบพุ่งเป้า (Targeted therapy) ที่มีค่าใช้จ่ายสูงราว 2 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายโรคทั่วไปเฉลี่ยหลายเท่า ซึ่งประกันโรคร้ายแรงนั้นสามารถให้ความคุ้มครองสูงเพียงพอที่จะนำเงินไปรักษากลุ่มโรคร้ายแรงนี้ได้ เมื่อเทียบค่าเบี้ยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่เท่า ๆ กัน

ผลประโยชน์ที่ 2 คือ การให้ความคุ้มครองเป็นเงินก้อนแก่ผู้เอาประกันโดยตรง เพราะโดยทั่วไปหลังจากการรักษาโรคร้ายแรงเสร็จสิ้นก็อาจมีผลข้างเคียงจากการรักษาจนส่งผลการดำรงชีวิตซึ่งอาจสูญเสียความสามารถในการหารายได้ หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตหลังพักฟื้น เช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือนภายในครอบครัว, บริการพยาบาลส่วนตัว, การปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งโอกาสในการรักษาโดยแพทย์ทางเลือกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพจากการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งการเบิกเคลมประสุขภาพแบบเหมาจ่ายหรือการใช้สวัสดิการจะเป็นการจ่ายค่ารักษาต่าง ๆ ให้โรงพยาบาลโดยตรงตามจริง แต่ประกันโรคร้ายแรงจะให้ผู้เอาประกันเป็นเงินก้อนโดยตรงทำให้เราสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากในโรงพยาบาลที่กำลังรักษาได้อีกด้วย

ทั้งนี้สำหรับการเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติม เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่ 3 คือ เลือกประกันโรคร้ายแรงที่สามารถรับเงินก้อนเพิ่มเติม หากตรวจพบโรคร้ายแรงต่างกลุ่มโรคพร้อมกันโดยไม่มีระยะเวลารอคอยได้ เพราะโรคร้ายแรงแต่ละกลุ่มโรคมีโอกาสตรวจเจอซ้ำซ้อนกันได้ เช่น ผู้สูงอายุเป็นมะเร็งและอยู่ในช่วงรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัดอาจมีร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ขาดการออกกำลังกาย จนเกิดปัญหาไขมันสูงเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีก ซึ่งประโยชน์ของการแยกความคุ้มครองแต่ละกลุ่มโรค คือ เมื่อได้รับเงินก้อนจากการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งไปแล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้รับเงินก้อนหากมีการตรวจพบกลุ่มโรคร้ายแรงอื่นได้เพิ่มเติมด้วย ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่โดดเด่นที่สุดเพราะไม่มีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ไหนให้แบบนี้ได้

เห็นได้ว่าประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคร้ายแรงเพิ่มเติม จะช่วยสร้างผลประโยชน์ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และคุ้มค่ากว่าการซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายเพิ่มเติม เพราะโรคร้ายแรงมีค่ารักษาพยาบาลสูง และโรคประเภทนี้ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ทั้งโรคเดิมหรือต่างกลุ่มโรค อีกทั้งยังต้องใช้เงินทุนเพื่อปรับคุณภาพชีวิตหลังการรักษา ซึ่งการได้รับเงินก้อนมาบริหารค่าใช้จ่ายได้ด้วยตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่จะกำหนดคุณภาพชีวิตที่ดี และเหมาะสมกับทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวด้วย

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ prtisco@tisco.co.th  I

บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ CFP®

Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า