โรคหัวใจ รักษาได้ แต่ค่าใช้จ่ายสูงลิบ

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1668391043935 1

วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันหัวใจโลก (World Heart Day) ที่จัดขึ้นทุกปี ซึ่งโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของคนทั่วโลก และเป็นสาเหตุต้น ๆ ของการเสียชีวิตของคนไทยเช่นกัน

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปี 2563 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 17.9 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยจากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉลี่ยถึงชั่วโมงละ 2 คน

โรคหัวใจ ครอบคลุมโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจ ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ ซึ่งผู้ป่วยโรคหัวใจมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีของกดทับ นอนราบไม่ได้  ปวดหน้าอกข้างซ้ายร้าวไปถึงแขนซ้าย หายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดปกติ ขา ข้อ และเท้าบวม

การรักษาโรคหัวใจจะได้ผลดีขึ้น หากตรวจพบเร็วและได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ ซึ่งการรักษาโรคหัวใจแต่ละชนิดมีวิธีการรักษาแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการรักษาโรคหัวใจแต่ละชนิด ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านและแตกต่างกันตามแต่โรงพยาบาล เช่น ค่าขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Transradial or Transfemoral PCI) อยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท  ค่าผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจหรือการทำบายพาส (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนอยู่ที่ประมาณ 590,000 – 800,000 บาท การผ่าตัดซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจประมาณ 750,000 – 950,000 บาท ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการักษาอย่างทันท่วงที เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงโป่งพอง อาการโรคหลอดเลือดส่วนปลาย ภาวะหัวใจล้มเหลว  รวมถึงโรคหลอดเลือดส่วนปลายที่อาจทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อส่วนปลาย เช่น เท้า

โรคหัวใจสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจบางชนิดไม่สามารถระบุได้ชัดเจนและยากที่จะควบคุม ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจมีตั้งแต่ อายุ-ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น เพศ-เพศชายมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่า แต่เพศหญิงจะมีความเสี่ยงมากขึ้นหลังหมดประจำเดือน ปัจจัยทางพันธุกรรม การสูบบุหรี่ การกินอาหารที่มีไขมัน เกลือ น้ำตาล และคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน การขาดการออกกำลังกาย ความเครียด รวมถึงปัญหาสุขภาพฟันที่พบว่า มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจมากขึ้น

โรคหัวใจเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ การดูแลสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย และงดสูบบุหรี่ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ แต่ปัจจัยอื่น ๆ ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น อายุ และปัจจัยทางพันธุกรรม ก็ยังทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจเช่นกัน ซึ่งหากเป็นโรคหัวใจแล้วต้องเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคหัวใจถือว่าสูงมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

การทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงจึงมีความจำเป็นมาก เพื่อให้อุ่นใจว่าเมื่อถึงยามเจ็บป่วยเราจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่มีอุปสรรคในด้านการชำระค่ารักษาพยาบาล และช่วยให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยบริการทางการแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัยแม้ค่ารักษาพยาบาลจะแพงลิ่วก็ตาม และที่สำคัญต้องเลือกประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรงที่คุ้มครองครอบคลุมเพียงพอทั้งประเภทของโรคร้ายและระยะเวลาคุ้มครอง 

===============================

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Health is Wealth ใน กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า