เจาะดีลสูงสุดในรอบ 6 ปี ของ Pfizer กับนวัตกรรมรักษาไมเกรน

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1653448263514 1

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา บริษัท Pfizer ประกาศควบรวมกิจการ Biohaven Pharmaceuticals คิดเป็นมูลค่าราว 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมูลค่าควบรวมสูงที่สุดในรอบ 6 ปีของ Pfizer และเทียบเท่าสถิติมูลค่าการควบรวมสูงสุดในปี 2021 อีกด้วย โดย Biohaven เป็นบริษัทผู้ผลิตยาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคทางระบบประสาท โดยบริษัทมีความชำนาญในการพัฒนายาที่ช่วยยับยั้งสาร CGRP อันเป็นสาเหตุของอาการไมเกรนที่มีผู้ป่วยกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก หรือราว 15% ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งการควบรวมนี้ Pfizer จะมีสิทธิ์ทำการตลาดยากลุ่ม CGRP เท่านั้น โดยคาดว่าจะสร้างยอดขายเพิ่มจากการควบรวมได้สูงสุดถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มยอดขายอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นรายได้ทั้งไตรมาส 1 ของปี 2022

หากเรากล่าวถึงโรคไมเกรนนั้น อาจจะรู้สึกว่าเป็นโรคทั่วไปธรรมดาที่คงจะซื้อยารักษาที่ไหนก็ได้ เพราะด้วยความที่เราอาจคุ้นเคยชื่อนี้มานาน แต่ถ้าบอกว่ามนุษย์เพิ่งค้นพบยาสำหรับรักษาไมเกรนโดยเฉพาะ หรือ Specific Drugs เช่น ยาตระกูล Triptans นั้นเพิ่งถูกค้นพบเมื่อช่วงปี 90 นี้เอง แม้ว่าโรคไมเกรนจะถูกกล่าวมากว่า 1,500 ปี ก่อนคริสตกาลก็ตาม แต่ยาตระกูล Triptans มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ เพราะตัวยามีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว ยิ่งไปกว่านั้นหากกินยา Triptan นานๆ อาจเกิดการดื้อยาและประสิทธิภาพการรักษาลดลง

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยไมเกรนกับสาร  Calcitonin Gene – Related Peptide หรือ CGRP ที่เป็นสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่ออกฤทธิ์ให้หลอดเลือดขยายตัว โดยผู้ป่วยที่เกิดอาการไมเกรนมักมีสาร CGRP มากกว่าคนปกติ ดังนั้น จึงเป็นที่มาของบริษัทยาที่เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทริเริ่มพัฒนายาที่สามารถลดสาร CGRP ได้ โดยช่วงแรกมีการคิดค้นยาในรูปแบบ Monoclonal antibody (mAb) โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แต่ด้วยกลุ่มยา mAb ที่เป็นประเภทชีววัตถุที่มีโมเลกุลใหญ่ แม้จะมีประโยชน์มากในการยับยั้ง CGRP ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดโรค แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดฉับพลันอันเป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยไมเกรนอย่างมาก ดังนั้น ยาสูตรเคมีแบบโมเลกุลเล็กจะช่วยรักษาอาการที่เกิดฉับพลันได้ดีกว่า เพราะร่างกายดูดซึมง่าย แต่ยาเคมีที่ผ่านมา ก็ไม่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคในระยะยาวได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2020 และ 2021 ยา Rimegepant ของบริษัท Biohaven ได้รับอนุมัติโดย FDA สหรัฐอเมริกา ให้ใช้รักษาอาการปวดไมเกรนเฉียบพลัน และกินเพื่อป้องกันอาการไมเกรนที่เกิดเป็นครั้งคราว (Episodic) ได้ในตัวยาเดียวกัน นับว่าเป็นยาเคมีชนิดรับประทานตัวแรกของโลกที่สามารถรักษาและป้องกันได้ควบคู่กันและมีประสิทธิภาพดีเมื่อเทียบกับยาหลอก (Placebo) โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Lancet เมื่อปี 2021 พบว่า ภายหลังรับประทานยา Rimegepant 2 ชั่วโมงแรกสามารถระงับอาการปวดได้ 21.2% สูงกว่ายาหลอกที่ระงับอาการได้เพียง 10.9% และ Rimegepant ช่วยแก้อาการอื่นๆ ที่เกิดจากไมเกรน (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือ แพ้แสง) ได้ถึง 35.1% ขณะที่ยาหลอกทำได้เพียง 26.8% เท่านั้น และในด้านการป้องกันพบว่า หากกิน Remigepant ต่อเนื่อง 3 เดือน ช่วยลดจำนวนวันที่เกิดอาการลงได้ 4.3 วัน มากกว่ายาหลอกที่ 0.8 วัน ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพดีทั้ง 2 ด้าน และลดความยุ่งยากในการป้องกันด้วยยาฉีด และระงับอาการปวดฉับพลันได้ด้วย

สำหรับผลประโยชน์ของดีลควบรวมกิจการนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่าง Biohaven ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตยาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ซึ่ง Pfizer ยังไม่มียาด้านนี้เลย นับตั้งแต่ยกเลิกการวิจัยยารักษาโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันไปเมื่อปี 2018 แต่ Pfizer มีจุดแข็งที่มีเครือข่ายและช่องทางการจำหน่ายยาอยู่ทั่วโลก โดย Pfizer ตั้งเป้าจะสร้างส่วนแบ่งการตลาดของ Remigepant จาก 5% ในปี 2021 เป็น 40% ให้ได้

ทั้งนี้ แม้ว่าสำหรับดีลควบรวมกิจการระหว่าง Pfizer และ Biohaven จะเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปีของ Pfizer แต่จากการประมาณการของบริษัท SVB Securities ที่ดำเนินธุรกิจวาณิชธนกิจเฉพาะอุตสาหกรรม Healthcare และ Technology เป็นหลักระบุว่า จำนวน 18 บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ สามารถใช้เงินสด รวมถึงศักยภาพในการก่อหนี้เพื่อเข้าซื้อกิจการภายในปี 2022 ได้ถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกว่า 12 บริษัทมีเงินสดในมือมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น Moderna, Johnson & Johnson, Novartis and BioNTech รวมถึง Pfizer ด้วย ดังนั้น หลังจากที่กิจกรรมควบรวมกิจการที่เป็นแรงหนุนให้กลุ่มหุ้น Healthcare หรือ Biotechnology มาตลอดต้องซบเซาลงไปในช่วงปี 2021 ที่ระดับราคาหุ้นกลุ่ม Healthcare ขนาดกลาง – เล็กสูงเกินไป การเดินดีลของพี่ใหญ่ Pfizer อาจเป็นจุดเริ่มต้นของพี่ใหญ่อื่นๆ ที่กำลังพิจารณาควบรวมกิจการเพื่อหวังการเติบโตในอนาคต และทำให้กลุ่ม Healthcare และ Biotechnology กลับมาเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับเหล่าผู้ลงทุนต่อจากนี้ไป

 

======================================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่ Health is Wealth กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า