เพิ่มการลงทุนใน Bond และ Healthcare รับมือ Hard landing

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1698826492273

ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาธนาคารกลางเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและการลดสภาพคล่อง เป็นผลทำให้ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ มีความผันผวน และนักวิเคราะห์ยังมีมุมมองที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 1 ปีข้างหน้าสูงถึง 60%

ทาง TISCO ESU ก็คาดว่าผลจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 12 เดือนก่อนที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง หรือ Hard recession ได้ เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจและการเงิน (Leading indicator) ปรับตัวลงมาใกล้เคียงช่วง Recession แล้ว ทำให้นักลงทุนควรต้องกลับมาเริ่มกลับมาปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาพความเสี่ยงของเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเน้นในกลุ่มที่มีความทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ หรือได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ใน 2 ธีมการลงทุนได้แก่ ตราสารหนี้ (Bond) และหุ้นอุตสาหกรรมสุขภาพ (Healthcare)

1.ตราสารหนี้ (Bond)

ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ เพราะนอกจากตราสารหนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนแล้วยังได้รับประโยชน์สูงจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงในรอบทศวรรษและเปิดโอกาสได้กำไรส่วนเพิ่ม (Capital gain) จากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวขึ้นสวนทางกับอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวลดลง จากการศึกษาของ TISCO ESU ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1984 พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ จะลดลงราว -50 bps ถึง -150bps ในช่วง 6 เดือนหลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย ทำให้ช่วงที่กำลังจะจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการลงทุนตราสารหนี้ โดยเน้นไปที่การลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกคุณภาพสูงและมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating) ในระดับ “Investment Grade” ที่มีเรตติ้งระดับโลกตั้งแต่ AA- ขึ้นไป

2.หุ้นอุตสาหกรรมสุขภาพ (Healthcare)

ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เพราะธุรกิจ Healthcare เป็นธุรกิจที่มีทั้งความเป็น Defensive และ Growth เนื่องจากทนทานต่อความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและในขณะเดียวกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาดัชนี S&P500 Healthcare ยังสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงถึง 11.36% ต่อปีเป็นอันดับสองเป็นรองแค่เพียงกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่มีปัจจัยสนับสนุนระยะยาวจากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุรวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมการผลิตยารักษาโรค  อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นในกลุ่ม Healthcare มีความ Laggard จากตลาดโดยรวมค่อนข้างมาก ปัจจุบันดัชนี S&P500 Healthcare ซื้อขายกันที่ Forward PE 16.5x ต่ำกว่าดัชนี S&P500 ที่  17.4x ขณะที่ Factset ประเมินการเติบโตในปี 24 คาดว่าอยู่ที่ระดับ 15.4% สูงกว่า S&P500 ที่โต 12.2% ทำให้มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม Healthcare ในระดับที่เหมาะสมมากขึ้น

 

ภาพที่ 1 : กำไรของหุ้นอุตสาหกรรมสุขภาพ (Healthcare)
สามารถขยายตัวได้แม้เศรษฐกิจชะลอตัว

file

ที่มา : Bloomberg, TISCO Wealth Advisory

ภาพที่ 2 : ดอกเบี้ยนโยบายโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2024

file

ที่มา : Bloomberg, TISCO Wealth Advisory

เศรษฐกิจโลกที่ยังดูแข็งแกร่งกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินและมีโอกาสในการเกิดความรุนแรงในระดับ Hard landing ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และราคาสินทรัพย์โดยเฉพาะหุ้น แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังอยากลงทุนต่อเนื่อง (Stay invest) คงต้องหาทางเลือกการลงทุนที่ได้ผลประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่าง ตราสารหนี้และหุ้นกลุ่ม Healthcare ซึ่งผลกระทบที่จำกัดและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวจะช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่นในช่วงที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected]  I

บทความโดย ยศรวี จงแสงทอง AFPT™

Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรก เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า