คว้าโอกาสก่อนใคร…กับการลงทุนตราสารหนี้

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1668396915037 1

ตั้งแต่ต้นปี 2022 ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง จาก 0.00 – 0.25% เป็น 3.00 – 3.25% ในรอบการประชุมล่าสุด เดือนกันยายน หรือคิดเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีรอบการประชุม Fed อีก 2 ครั้งในปีนี้ คือ 1 – 2 พฤศจิกายน และ 13 – 14 ธันวาคม ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกถึงราว +1.25% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง (0.25%) ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอาจขึ้นไปถึงราว 4.6% ซึ่งอาจเป็นระดับสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ ก่อนที่จะเริ่มทรงตัวและปรับลดลงในปี 2024 ตามลำดับ จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเข้าสู่ภาวะ Recession ในช่วง 6 – 9 เดือนข้างหน้า และด้วยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสลดลงในอนาคต ส่งผลให้สินทรัพย์ด้านการลงทุนอย่าง “ตราสารหนี้” กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง ด้วยการที่ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่สูง (Bond Yield) พร้อมโอกาสในการรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากราคาตราสารหนี้ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต (Capital Gain)

นอกจากผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มาในรูปของดอกเบี้ย (Bond Yield) และส่วนต่างราคา (Capital Gain) แล้ว การลงทุนในตราสารหนี้ยังมีประโยชน์ในการช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมให้กับเราด้วย จากสถิติย้อนหลังการลงทุนในตลาดหุ้น S&P 500 และ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ในช่วง 31 ธันวาคม 1999 – 30 กันยายน2022 หรือกว่า 20 ปี พบว่ามีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ในเชิงลบที่ (Correlation Coefficient) -0.133 เท่ากับว่า พอร์ตการลงทุนที่มีการลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้จะช่วยให้ความเสี่ยงโดยรวมปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ผลตอบแทนในอนาคตของการลงทุนในตราหนี้จะน่าสนใจ แต่การคำนึงถึงความแข็งแกร่งของบริษัทผู้ออกตราสารก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะในภาวะ Recession ที่กำลังจะมาถึง เพราะการหดตัวของเศรษฐกิจจะกระทบกับผลประกอบการและงบการเงินของบริษัทอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การเลือกลงทุนในตราหนี้จึงจำเป็นที่จำต้องเลือกบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งดูได้จากอันดับ Credit Rating ที่สูง โดยอาจเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับ A  ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวในอนาคต

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะ Recession ในอนาคต แต่ยังคงมีการลงทุนที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงได้อย่างน่าสนใจนั่นคือ การลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องของผลตอบแทนที่น่าสนใจแล้ว ยังสามารถยังลดความเสี่ยงโดยรวมให้กับพอร์ตการลงทุนของเราได้อีกด้วย

 

======================

 

บทความโดย วิศรุต จารุอนันตพงษ์ AFPT Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ Make Money Make Healthy ของ TNN

บทความล่าสุด

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>

4 ปัจจัยหนุน หุ้นญี่ปุ่นพุ่งทะยานปี 2025

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายกีดกันทางค้าของสหรัฐฯ ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัวขึ้น ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่เริ่มตึงตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกได้

อ่านต่อ >>

ยุคทองของหุ้นสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้น 

นายโดนัลด์ ทรัมป์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า “ยุคทอง” ของสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นขึ้น โดยออกคำสั่งประธานาธิบดี (Executive orders) หลายฉบับ และคำแถลงต่างๆ ที่เป็นแนวทางในการบริหารประเทศในช่วง 100 วันแรก

อ่านต่อ >>

เปิด 3 กลยุทธ์ ที่ต้องมีเมื่อเริ่มยุคทองของทรัมป์ในปี 2025

ผ่านพ้นปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกต่อเนื่องอีกปี ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทน 18% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้แต่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นได้ 18% หลังจากเงียบเหงามากว่า 2 ปี

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า