“Cyber Security” หุ้นเทคดาวเด่น สู่ยุค Metaverse

file

จากกระแสเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ตลาดมีความตื่นตัวและให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก โดยคาดหวังว่า การมาของ Metaverse จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโลก ที่จะนำไปสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น เป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งให้เกิด Digital Transformation ขององค์กร จากการที่หลายหน่วยงานต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นแบบ Work from Home ทำให้จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจึงมีมากขึ้น แต่การทำงานอยู่ที่บ้าน อาจไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเต็มที่ เนื่องจากมักใช้อุปกรณ์ส่วนตัวในการทำงาน และเข้าสู่เว็บไซต์ต่างๆ ผ่าน Networks ภายในบ้าน ทำให้แฮกเกอร์มองหาช่องโหว่ และเข้ามาขโมยข้อมูลของผู้ใช้งานได้

หากดูรายงานของ Verizon บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา พบว่า ค่าใช้จ่ายของการโจรกรรมทางไซเบอร์หรือการละเมิดข้อมูลในช่วง COVID-19 ระบาด เพิ่มขึ้น 21,659 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหตุการณ์ ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่างราว 800 - 650,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ การโจมตีทางไซเบอร์ที่ประสบความสำเร็จเพียง 5% นั้น ส่งผลให้ธุรกิจต้องสูญเสียเงินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปี 2021 มีการโจมตีทางไซเบอร์ที่สำเร็จกว่า 36% มาจากการโจมตีแบบ Phishing หรือการหลอกให้กดเข้าไปในเว็บไซต์ปลอม เพื่อล้วงข้อมูลความลับที่สำคัญ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 11% จากปี 2020

อีกทั้งข้อมูลจาก Center for Strategic and International Studies (CSIS) และ McAfee บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชื่อดัง ระบุว่า การโจรกรรมทางไซเบอร์ ซึ่งรวมถึงความเสียหาย การทำลายข้อมูล เงินที่ถูกขโมย ทรัพย์สินที่สูญหาย การโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ทำให้ในปัจจุบันโลกต้องสูญเสียเงินไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 0.8% ของ GDP โลกเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับธุรกิจในหลายภาคส่วน การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีและมีประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ได้ ทำให้ธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมีการทุ่มงบลงทุนด้าน Cyber Security เป็นอันดับต้นๆ ของค่าใช้จ่ายด้าน IT ทั้งนี้ Daniel Ives กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์วิจัยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาวุโสที่ Wedbush Securities คาดว่า ในปี 2022 งบประมาณด้าน Cyber Security ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นราว 21% YoY ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Cyber Security ถือเป็นอีกหนึ่ง The Future Trend of Technology ที่น่าจับตามองในตอนนี้

ตัวอย่างบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้แก่ บริษัท Zscaler เป็นบริษัทด้าน Cloud Security-as-a-Service ให้บริการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ช่วยให้ธุรกิจยุคใหม่สามารถทำ Digital Transformation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทคาดว่า ทั้งปี 2022 รายได้จะเติบโตมากกว่า 40% YoY อยู่ที่ราว 940 - 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถัดมาคือ บริษัท Crowdstrike Holdings เป็นบริษัทชั้นนำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในแพลตฟอร์มการป้องกันปลายทาง (Endpoint Protection Platforms: EPP) ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทาง เช่น อุปกรณ์พกพา PC และ Server ซึ่งบริษัทคาดว่า ทั้งปี 2022 รายได้จะเติบโตถึง 63% YoY อยู่ที่ประมาณ 1,427.1 - 1,433.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตัวอย่างสุดท้าย บริษัท Palo Alto ผู้นำด้าน Network Security ด้านการปกป้องการคุกคามทาง Cyber เน้น Cloud เป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็น Next-Generation Firewall (NGFW) เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อน โดยบริษัทคาดว่า ทั้งปี 2022 รายได้จะเติบโตประมาณ 25% YoY อยู่ที่ราว 5,350 - 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ทางการเงิน Trefis ระบุว่า อัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีของบริษัทในกลุ่ม Cyber Security ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (as of December 15, 2021) เติบโตมากกว่าบริษัทใน S&P 500 เกือบ 7 เท่า หรืออยู่ที่ประมาณ 34% ขณะที่บริษัทใน S&P 500 มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 5% ในช่วงเวลาเดียวกัน รวมถึงบริษัทวิจัยทางการตลาด Mordor Intelligence ได้ให้ข้อมูลว่า ตลาด Cyber Security ในปี 2020 มีมูลค่า 156,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะสูงถึง 352,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2026 โดยมีอัตราการเติบโตในช่วงปี 2021 - 2026 เฉลี่ยอยู่ที่ 14.5% ต่อปี

นอกจากรายได้ของหุ้นกลุ่ม Cyber Security ที่เติบโตดีแล้ว หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วไปด้วย ดูได้จากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของหุ้นกลุ่ม Cyber Security ที่สูงถึง 77% เมื่อเปรียบเทียบกับ Nasdaq 100 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วไปที่อยู่เพียงราว 47% เท่านั้น (as of September 30, 2021)  จึงไม่น่าแปลกที่หุ้นกลุ่ม Cyber Security จะเป็นดาวเด่นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในอนาคต ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น สำหรับพอร์ตการลงทุนในยุคดิจิทัลใหม่นี้

โดย วิภาดา ศุภกุลวณิชย์ AFPT™  

Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้  

----------------------------------------------------------------------------------- 

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 23 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 23 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 23 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>