OK... Are You Ready ?!? กองทุนสู้เศรษฐกิจถดถอยมาแล้ว

file

ภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” เป็นเรื่องที่นักลงทุนหลายคนน่าจะได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่ใช่ว่าทุกประเทศ ทุกกลุ่มธุรกิจจะแย่ไปทั้งหมด ยังมีกองทุนที่สามารถสู้เศรษฐกิจถดถอยได้ ...คุณพร้อมแล้วหรือยัง ??

การที่ยุโรป และสหรัฐฯ มีความเสี่ยงของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ชัดเจนขึ้น เป็นประเด็นสำคัญอย่างมากต่อการลงทุนในช่วงนี้ เพราะภาวะดังกล่าวจะกดดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลง จนลงทุนได้ยากขึ้น

นั่นก็เป็นเพราะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยตรง เห็นได้จากสถิติในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย กำไรรวมของดัชนี S&P 500 ลดลงเฉลี่ยถึง 25% ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมปรับตัว(1)

 โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ประเมินว่าทั่วโลกมีโอกาสเกิดภาวะถดถอยในช่วง 6 - 9 เดือนข้างหน้านี้แล้ว(2) 

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนสวนภาวะตลาด ซึ่งธนาคารทิสโก้ พบว่า ในเดือน ก.ค. มีกองทุนรวมหลายธีมที่โดดเด่น เหมาะสำหรับสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ได้

เฮลธ์แคร์ : โตไม่สนเศรษฐกิจ

สาเหตุที่ธนาคารทิสโก้สนใจธุรกิจกลุ่ม Healthcare เป็นเพราะข้อมูลในอดีตได้ชี้ให้เห็นว่า ผลกำไรของธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตได้ดี และในระยะยาวก็สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูงกว่าภาพรวมของดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ

โดยข้อมูลของบลูมเบิร์ก ที่ย้อนหลังในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่าบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม S&P 500 มีอัตราการเติบโตของกำไร 6.9% ต่อปี ในขณะที่กลุ่ม Healthcare มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 10.2% ต่อปี ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจในกลุ่มนี้ มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับหลายๆ ธุรกิจของสหรัฐฯ(3)

อย่างไรก็ตามหากเจาะลึกลงไปในกลุ่ม Healthcare เพื่อค้นหาธุรกิจเด่นจะพบว่า ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) และดิจิตอล เฮลธ์แคร์ (Digital Healthcare) น่าสนใจอย่างมาก และเหมาะจะใช้สำหรับต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้วยเหตุผลดังนี้

1.แนวโน้มการเติบโตในอนาคต : เห็นได้จากการที่ Grand View Research ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดของไบโอเทค (Biotechnology) ในช่วงปี 2565 - 2573 จะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 13.9% และ Digital Healthcare จะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 27.7% ต่อปี(4)

2.ราคาไม่แพง : หากซื้อกองทุนรวมที่เน้นธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยีในตอนนี้ เห็นได้ว่าราคา่ไม่แพงเลย เห็นได้จากการที่หุ้นกลุ่มไบโอเทคฯ ซื้อขายในระดับราคาที่ต่ำกว่า ดัชนี S&P 500 Healthcare ซึ่งดัชนีอยู่ที่P/E ประมาณ 15.55 เท่า ในขณะที่ดัชนี S&P500 Biotechnlogy Industry Index ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจไบโอเทคฯ เทรดที่ P/E ประมาณ 11.22 เท่า (ข้อมูล ณ 28 มิ.ย. 2022) 

และหากเทียบอัตราส่วน P/E ระหว่างดัชนี S&P500 Biotechnology Industry และ S&P500 Healthcare จะพบว่าครั้งล่าสุดที่ราคาเคยปรับลดลงมาในระดับนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 ช่วงก่อนเกิด วิกฤตดอทคอม หรือประมาณ 20 ปีก่อนเลยทีเดียว จึงจะมีโอกาสได้ซื้อหุ้นในระดับราคาแบบนี้(5)

ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน : ทนทานต่อเศรษฐกิจถดถอย

ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงจากการเกิด Recession บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านสาธารณูปโภค เช่น ทางด่วน น้ำประปา ไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคม ฯลฯ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต จะยังคงสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และแม้เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวม แต่ธุรกิจสาธารณูปโภค ก็สามารถส่งต่อต้นทุนนี้ไปยังผู้บริโภคได้ จึงทำให้ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอยสร้างผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มนี้ได้ไม่มาก 

Cyber Security : ธุรกิจจำเป็นในยุคที่องค์กรต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์

สาเหตุที่ธีมเทคโนโลยีแห่งอนาคตน่าสนใจเป็นเพราะ ธีมการลงทุนนี้ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าสามารถผ่านวิกฤตต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2012 –2022) หุ้นกลุ่ม Technology สามารถให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นสูงถึง 18.56% ต่อปี (วัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index) ซึ่งด้วยผลตอบแทนในระดับนี้จะทำให้เงินลงทุนมีโอกาสเติบโตเป็น 2 เท่าในราว 4 ปี เลยทีเดียว(6)

เวียดนาม-จีน : เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น

แม้ประเทศมหาอำนาจกำลังเผชิญกับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย แต่ประเทศในเอเชียหลายแห่งกลับยังน่าลงทุน ทั้งจากการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และแนวโน้มของเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะ

1.เวียดนาม : ข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2022 – 2023 อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของตลาดหุ้นเวียดนามจะอยู่ที่ระดับ 24.6% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในอาเซียน

ขณะที่ในระยะกลางเวียดนามยังมีปัจจัยบวกรออยู่จำนวนมาก ซึ่งดึงดูดให้ตลาดน่าสนใจ เช่น สภาพคล่องในตลาดหุ้นเริ่มสูงขึ้น ข่าวดีเรื่องการนำดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามร่วมคำนวณในดัชนี MSCI EM ในปี 2025 ที่ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ เป็นต้น (7)

2.จีน : ประเทศจีนเริ่มมีแนวโน้มสดใส หลังจากที่ทางการจีนได้ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น เช่น การคลาย Lockdown เมืองเซี่ยงไฮ้ที่ปลดล็อกอย่างเต็มรูปแบบ และการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ และผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้เศรษฐกิจจีนโตในระดับ 5.5% ในปี 2022

ดังนั้น ธนาคารทิสโก้ จึงเห็นว่า การเข้าลงทุนในหุ้น ‘เมกะเทรนด์ของจีน’ จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว โดยกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจได้ 1. กลุ่มการบริโภค (Consumption) 2. กลุ่มเทคโนโลยี (Technology) 3. กลุ่มเทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology) 4. กลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) 

โดยทั้ง 4 กลุ่มนี้ยังคงได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากทางภาครัฐจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2021 – 2025 (8)

ทองคำ : ทนทาน...ท่ามกลางเศรษฐกิจถดถอย (9)

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น S&P500 โดยราคาทองคำมีความผันผวนเฉลี่ยในช่วง 30 วัน (30-day annualized volatility) อยู่ที่ราว 15% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 30% ต่อปี 

โดยเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า ประกอบกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ ในขณะเดียวกันความผันผวนที่ต่ำของราคาทองคำจะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ต้องต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

หากคุณสนใจกองทุนรวม ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ คลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

====================

ที่มา 

(1).” ทิสโก้ชี้ ‘เศรษฐกิจถดถอย’ กดดันหุ้นโลกตลอดปี 65 แนะทยอยสะสมหุ้นเฮลธ์แคร์ และเทคฯ รับกำไรโต 10% ต่อปี” Press Release, 29 มิถุนายน  2565 (https://www.tisco.co.th/th/news/personal/2022-06-29-economic-recession-puts-pressure-global-recommended-buy-health-care-shares.html)

(2). TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU

(3).-(4). ธ.ทิสโก้เชียร์ซื้อ เฮลธ์แคร์ สู้เศรษฐกิจถดถอย ชี้ไบโอเทค-ดิจิตอล เฮลธ์แคร์โตสูงสุด 27.7% ต่อปี, Bloomberg, ธนาคารทิสโก้

(5).”หุ้นกลุ่ม Biotech กำลังซื้อขาย Discount ดัชนี S&P 500 Healthcare” Bloomberg,28 June 2022  

(6). MSCI World Information Technology Index, (https://www.msci.com/documents/10199/69aaf9fd-d91d-4505-a877-4b1ad70ee855)

(7). บลจ.ทิสโก้เปิดกอง “ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้”ชี้ราคาหุ้นเทรดต่ำสุดในรอบ 7 ปี จังหวะเหมาะลงทุนรับปัจจัยบวกเพียบ (Press release, 17 May 2022)

(8). “ธ.ทิสโก้แนะขายหุ้นยุโรป ซื้อจีน หนีเศรษฐกิจถดถอย - รับทรัพย์เมกะเทรนด์แดนมังกรรายได้พุ่ง” Press Release, 8 มิถุนายน  2565 (https://www.tisco.co.th/th/news/personal/2022-06-08-tiscowealth-recommend-selling-european-stocks-buy-china.html?fbclid=IwAR2dJkjmtN1QPCzheqhkHGAL7wvvm4SzO6DwaXRQlz3vcc2QCc7wXz2-dPQ)

(9). “ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์” TISCO Investment Portfolio Strategy (TIPS) ประจำเดือนก.ค. 2022 Issue 083

==============================

บทความโดย : นางวรสินี เศรษฐบุตร

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนและสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

file

บทความล่าสุด

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 29 มีนาคม 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>

Asia ex Japan หุ้นไม่แพง โตแรงแซงเศรษฐกิจโลก

โพสต์เมื่อ 29 มีนาคม 2567

ท่ามกลางตลาดหุ้นหลักของโลก เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น New High ต่อเนื่องจนมูลค่าเริ่มตึงตัว แต่หุ้นกลุ่มประเทศเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ยังมีมูลค่าการซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำ และสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

อ่านต่อ >>

ปีทองตลาดหุ้นเวียดนาม Country winner ปี 2024

โพสต์เมื่อ 29 มีนาคม 2567

เข้าสู่โค้งสุดท้ายของไตรมาส 1 ปี 2024 ตลาดหุ้นหลายแห่งทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย ยังเดินหน้าทำ New high อย่างต่อเนื่อง ทำให้การเข้าลงทุนในระดับราคาปัจจุบันเริ่มมีความเสี่ยง (Downside risk) ที่สูงขึ้นจาก Valuation ที่เริ่มตึงตัว

อ่านต่อ >>