ปรับพอร์ตรับไตรมาส 3 กลุ่ม Healthcare ยังโดดเด่น

file

ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นับเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากเริ่มมีการฉีดวัคซีนได้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นโดยรวมนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นได้ดี นำโดยหุ้นกลุ่ม Cyclical ที่มักฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี ภาพการลงทุนมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไป เราคาดว่าจะได้เห็น Sector Rotation อีกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นกลุ่ม Defensive ที่กลับมาน่าสนใจ 

นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นราว 12% โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น คือ กลุ่มพลังงาน (Energy) กลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) กลุ่มวัสดุ (Materials) และกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial) ซึ่งหุ้นเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มหุ้นวัฏจักร (Cyclicals)  ที่มักฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 มีประชากรสหรัฐฯ กว่า 41% ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และประชากรสหรัฐฯ ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วกว่า 51% ซึ่งหากสหรัฐฯ สามารถรักษาระดับการแจกจ่ายวัคซีนไว้ได้เช่นนี้ คาดว่าภายในไตรมาส 3 สหรัฐฯ จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) คือ มีประชากรได้รับวัคซีน 70-85% ของประชากรทั้งหมดได้สำเร็จ 

คาด Fed เริ่มส่งสัญญาณชะลอ QE

ในแง่ของภาพเศรษฐกิจ ไตรมาส 2 จะเป็นไตรมาสที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและแข็งแกร่งที่สุด สะท้อนจากตัวเลขภาคการผลิต (ISM Manufacturing PMI) ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.2 ในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา และจากการรวบรวมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ โดย Bloomberg คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 จะขยายตัวถึง 9%QoQ หลังจากไตรมาส 1 ที่ขยายตัวที่ 6.4%QoQ ซึ่งนอกจากการแจกจ่ายวัคซีนแล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งตลอดช่วงครึ่งปีแรก จะส่งผลให้ Fed เริ่มส่งสัญญาณลดการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลง (QE Tapering) ในช่วงไตรมาส 3  โดยคาดว่า Fed จะเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นในการประชุม Jackson Hole ซึ่งนับเป็นรอบการประชุมใหญ่ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งทาง Bloomberg Consensus คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อยู่ที่ระดับ 6.5%  และลดลงสู่ระดับ 4.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 

ไตรมาส 3/2021 เน้นลงทุนกลุ่ม Defensive

หากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอตัวลงหลังผ่านจุดสูงสุดในไตรมาส 2 กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ในช่วงหลังจากนี้ จะเป็นกลุ่ม Defensive ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่มีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจ  ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเฮลธ์แคร์

และจากข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ปี 1990 พบว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว หรือ มีระดับ ISM Manufacturing อยู่ในระดับสูงกว่า 50 จุดและเป็นขาขึ้นอย่างเช่นในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเฉลี่ยเดือนละ 1.3% นำโดยหุ้นกลุ่ม Cyclicals (Financials, Materials, Energy) แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง หรือ ISM Manufacturing อยู่ในระดับสูงกว่า 50 แต่เป็นช่วงขาลง ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนลดลง (เฉลี่ย 0.9% ต่อเดือน) และหุ้นกลุ่ม Defensives (Info Tech, Healthcare, Utilities) เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด

ดังนั้น ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะปรับพอร์ตอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่ไตรมาส 3  โดยแนะนำให้เน้นลงทุนในกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่ม Healthcare เพื่อให้สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจและการลงทุนที่เปลี่ยนไป โดยกลุ่ม Healthcare ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ที่มีบทบาทอย่างมากในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 และคาดว่าจะยังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลกนับจากนี้

COVID-19 เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้คนหันมาให้ความสนใจในกลุ่ม Biotechnology ในความเป็นจริงยังมีอีกหลายโรคที่ยังขาดยารักษาและต้องอาศัยเทคโนโลยีชีวภาพในการคิดค้นวิจัย เช่น โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งล่าสุดบริษัท Biogen บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ กำลังยื่นขออนุมัติยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ชื่อ Aducanumab จาก FDA โดยจะทราบผลในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากได้รับอนุมัติ จะถือเป็นยารักษาอัลไซเมอร์ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติในรอบ 17 ปี และจะเป็นการปฏิวัติวิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ของโลก โดยคาดว่ายา Aducanumab นี้ จะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากสหรัฐฯ แล้ว จีนยังมีบทบาทอย่างมากในเทคโนโลยีชีวภาพแขนงนี้ โดยล่าสุด จีนสามารถคิดค้นวิจัยและผลิตวัคซีนสำหรับ COVID-19 ได้ เช่น Sinovac ที่ล่าสุดได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้ว นับได้ว่า Innovative Healthcare ของจีน เป็น New Comer ที่น่าจับตามองทีเดียว

ดังนั้น ในไตรมาส 3 กลุ่มที่คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดียังคงเป็นกลุ่ม Healthcare อย่าง Biotechnology ทั้งของสหรัฐฯ และจีน ที่มีความมั่นคง รายได้ไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจและยังมีโอกาสสร้างรายได้ได้อีกมหาศาลจากการค้นพบใหม่ๆ

แผนภาพที่ 1: เศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลง อาจทำให้หุ้นกลุ่ม Defensive กลับมานำตลาดในครึ่งหลังของปี 2021

file

ที่มา: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU); Monthly returns since 1990, except Real Estate since 2002

 

==========================================================

 

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ prtisco@tisco.co.th  

 

 บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™ Wealth Manager

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Financial Planning กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

Biotech หุ้นนวัตกรรมยายุคใหม่ ที่ต้องมีไว้ในพอร์ต

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

หากนึกถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare นักลงทุนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริษัทยาขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงแต่มีการเติบโตที่ช้า ทำให้นักลงทุนมักเหมารวมหุ้นกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงและเป็นเพียงแค่หลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเท่านั้น

อ่านต่อ >>

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>