หมดเวลาตั้งคำถามกับ Recession ถึงเวลาลงทุนกลุ่ม Healthcare

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1657082326585 1

ในตลาดลงทุนช่วงนี้ มีการพูดถึงแนวโน้มการเกิด Recession มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุด Bloomberg Consensus มองว่า มีโอกาสที่จะเกิดภาวะ Recession ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ถึง 98% ในขณะที่นักวิเคราะห์ต่างออกมาให้ความเห็นที่หลากหลายว่า Recession จะเกิดขึ้นเมื่อใด ทั้งเกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปีนี้ หรือปีหน้า แต่ประเด็นว่าภาวะ Recession จะเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สำคัญเท่ากับการเตรียมตัวว่าพร้อมรับมือกับภาวะ Recession แล้วหรือยัง

Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตช้า ตัวเลข GDP ลดลงอย่างน้อย 2 ไตรมาสเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีอัตราการว่างงานสูง ซึ่งจากตัวเลข GDP ของสหรัฐอเมริกา ไตรมาส 1/2565 พบว่า ชะลอตัวลง -1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อพิจารณากับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เร็วและแรงเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงต่อ โดย Fed ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโต GDP ปีนี้ ลงเป็น 1.7% ขณะที่ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ PCE ขึ้นเป็น 5.2% และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการว่างงานปี 2022 – 2024F ขึ้นไปที่ 3.7% 3.9% และ 4.1% ตามลำดับ สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงภาพของ Recession ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ในภาวะ Recession ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่สามารถ Outperform ตลาดหุ้นโดยรวมได้ในภาวะนี้ โดยหุ้นกลุ่มที่มัก Outperform ในช่วง Recession เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ Consumer Staples (สินค้าอุปโภคบริโภค) Utilities และ Healthcare กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ทำให้แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงถดถอย อัตราเงินเฟ้อสูง และดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ยังสามารถสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ และมีอำนาจในการต่อรองด้านราคา (Pricing Power) สามารถผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคได้ ทำให้รายได้และกำไรของกลุ่มนี้เติบโตได้แม้ในภาวะ Recession

กลุ่ม Healthcare เป็นกลุ่มที่โดดเด่นมากที่สุดในภาวะนี้ จากข้อมูลในอดีตพบว่า ในช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา มี Recession เกิดขึ้นรอบใหญ่ ๆ ประมาณ 4 รอบ ในแต่ละรอบผลกำไรโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ปรับลดลง แต่กำไรของกลุ่ม Healthcare ยังคงเติบโตได้ และในระยะยาวยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูงกว่าภาพรวมอย่างชัดเจน โดยในช่วง 30 ปีมานี้ บริษัทจดทะเบียน S&P 500 มีอัตราการเติบโตของกำไร 6.9% ต่อปี ในขณะที่อัตรากลุ่ม Healthcare มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 10.2% ต่อปี และหากเป็นกลุ่ม Innovative Healthcare ยิ่งเห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจน โดย Grand View Research คาดการณ์ว่า ตลาดของ Biotechnology ในช่วงปี 2022 – 2030 จะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 13.9% และ Digital Healthcare จะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 27.7%   

ภาวะ Recession อาจไม่ใช่ภาวะที่สดใสนักในการลงทุน แต่หากเราวางแผนการลงทุนให้ดี เลือกกลุ่มที่รายได้ไม่ผันผวนตามภาวะตลาด อย่างเช่นกลุ่ม Healthcare ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนได้ หากจังหวะที่เข้าลงทุนอยู่ในช่วงที่ Recession เกิดขึ้นแล้ว ก็เท่ากับว่าได้ลงทุนในระดับราคาที่ต่ำ และหาก Recession จบเร็ว หุ้นกลุ่มนี้ก็พร้อมปรับตัวขึ้นโดดเด่น หรือในกรณีที่ Recession กินระยะเวลาที่นานขึ้น การลงทุนในกลุ่ม Healthcare ที่แข็งแกร่งก็ยังสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า Recession เกิดขึ้นแล้วหรือยัง หรือจะเกิดขึ้นเมื่อใด จนกว่าเราจะผ่านช่วง Recession ไปแล้ว 

แผนภาพที่ 1: การระดมทุนเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เทียบรายปี

 

แผนภาพที่ 1: กําไรของหุ้นกลุ่ม Healthcare เติบโตได้ในช่วง Recession

1656647897543 1

ที่มา: Bloomberg, TISCO Wealth Advisory

 

=====================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Financial Planning ของ กรุงเทพธุรกิจ

บทความล่าสุด

จับจังหวะความผันผวนระยะสั้น ช่วยเสริมพอร์ตเติบโตระยะยาว

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังอิสราเอลและอิหร่านตอบโต้กันด้วยปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนหนัก ทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำที่แตะระดับสูงสุดใหม่ ภาพลงทุนเข้าสู่โหมดตั้งรับความเสี่ยง (Risk off) หุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขายจากความกังวล

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

จับจังหวะความผันผวนระยะสั้น ช่วยเสริมพอร์ตเติบโตระยะยาว

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังอิสราเอลและอิหร่านตอบโต้กันด้วยปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนหนัก ทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำที่แตะระดับสูงสุดใหม่ ภาพลงทุนเข้าสู่โหมดตั้งรับความเสี่ยง (Risk off) หุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขายจากความกังวล

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า