Fed ส่งสัญญาณเข้มคุ้มเงินเฟ้อ ทิสโก้เตือน! ใน 1 – 3 เดือน หุ้นอาจร่วงแรงอีกครั้ง จังหวะซื้อเทคฯ เฮลธ์แคร์ พลังงานหมุนเวียนหลบภัย

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1661938375901 1

ศูนย์เคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้เตือน ในช่วง 1 – 3 เดือนนักลงทุนเตรียมรับมือหุ้นร่วงแรงอีกครั้ง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายการเงินเข้มเพื่อคุมเงินเฟ้อ พร้อมคาดจะยังส่งสัญญาณนโยบายการเงินเข้มงวดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี แนะลงทุนในหุ้นอย่างระมัดระวัง และเป็นจังหวะซื้อหุ้นเทคโนโลยีและเฮลธ์แคร์ และหุ้นพลังงานหมุนเวียนหลบภัย

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr. Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU)  เปิดเผยว่า  ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาอยู่ภายใต้แรงกดดันของนโยบายการเงินอีกครั้งหลังการประชุมประจำปี Jackson Hole Symposium เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 นาย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวย้ำในการประชุมถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และการคงดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และยังระบุว่าการกดเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% เป็นสิ่งที่ Fed ให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ พร้อมย้ำว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติ (ระดับ 0.75%) อาจมีความเหมาะสมในการประชุมเดือนกันยายนด้วย 

ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า Fed จะยังคงส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่เข้มงวดในลักษณะดังกล่าวต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประเด็น คือ  

1. อัตราเงินเฟ้อแม้จะเริ่มกลับมาลดลง แต่ยังอยู่สูงในระดับที่สูงเกินกว่าที่ Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ณ สิ้นปีจะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 5 – 6% ซึ่งยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ตลาดคาดว่า ณ สิ้นปีจะอยู่ในระดับ 3.5 – 3.75% ซึ่งในอดีต Fed ไม่เคยหยุดขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเลยสักครั้ง ดังนั้น จึงคาดว่า Fed จะยังไม่ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงสิ้นปีนี้อย่างที่ตลาดคาด

2. อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นอุปสรรคไม่ให้ Fed ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ได้เปรียบเทียบภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ยในอดีตย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2500 พบว่า ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง เกินกว่า 5% Fed มักปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงแรง จึงจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย ซึ่งแตกต่างกับในช่วงเงินเฟ้อต่ำที่ Fed อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในทันทีที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง 

3. คาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูง โดยคาดการณ์เงินเฟ้อของตลาดในช่วง 10 ปีข้างหน้า กลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2.5% ซึ่งเป็นจุดที่ Fed มักปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น เช่น ในปี 2556 ที่ Fed ส่งสัญญาณลด QE จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่เรียกว่า Taper Tantrum ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงรับข่าว Fed ประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมถึงช่วงที่คาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาเข้าใกล้ระดับ 2.5% ทำให้ Fed กลับมาขึ้นดอกเบี้ยในปี 2559 และเริ่มลดขนาดงบดุล ในปี 2560

จากประเด็นดังกล่าว ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ แนะนำให้นักลงทุนลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะตลาดหุ้นจะกลับมาอยู่ภายใต้แรงกดดันจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ประกอบกับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง จึงมีความเสี่ยงที่ในระยะ 1- 3 เดือนข้างหน้า ตลาดหุ้นจะปรับลดลง และกลับไปอยู่ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดเดิม  

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้เป็นโอกาสของการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ ที่กำไรมักจะเติบโตได้ดีในทุกสภาวะเศรษฐกิจ และหุ้นพลังงานหมุนเวียน ที่หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญและเริ่มลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ  

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า