ทำไม“ตราสารหนี้ – เฮลธ์แคร์” ให้ผลตอบแทนสูง ? สวนทางตลาดหุ้นที่เสี่ยงปรับฐาน!

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1667960505437 1

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย กดดันให้ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงที่จะปรับฐาน ในปี 2566 อย่างชัดเจนขึ้น!!! การเลือกกองทุนตราสารหนี้เพื่อช่วยล็อคผลตอบแทนระดับ4% และการลงทุนในกองทุนหุ้นเฮลธ์แคร์ ที่มีแนวโน้มโตกว่า 10%ในอีก10 ปี จะเพิ่มผลตอบแทนสวนทางกับภาวะตลาดโดยรวมได้!!!

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) ได้ให้ข้อมูลว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Resession) ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯ ที่ใกล้ต่ำระดับ 50 สะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากเงินเฟ้อสูงที่กดดันการบริโภค รวมถึงผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปีนี้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่ดีนัก(1)

ดังนั้นจากผลดังกล่าว จึงทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ….

อย่างไรก็ตามแม้จะปรับฐานลงมามากกว่า 20% จากจุดสูงสุด แต่ Valuation ก็ยังถือว่าไม่ได้ถูกนัก เห็นได้จากค่า P/E ของดัชนี S&P 500 ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 15 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในช่วงปี2003 – 2014 ที่ 14 เท่า

นอกจากนี้ หากเทียบกับจุดต่ำสุดของตลาดหมี (Bear Market) ในอดีตที่ P/E เฉลี่ย 13 เท่า ตลาดหุ้นก็อาจมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงได้อีก หากมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ(2)

ด้วยภาวะเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นที่ไม่สดใส คุณวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนและสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) แนะนำให้ลงทุนใน 2 ธีมลงทุนดังนี้

Bond : ล็อคผลตอบแทนสูง-ทนทานต่อเศรษฐกิจถดถอย

“ในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยชัดเจนขึ้น การลงทุนในตราสารหนี้ตอนนี้ จะช่วยล็อคผลตอบแทนสูง และดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้น” โดย คุณวรสินี มองว่า จังหวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นมาสูงที่ระดับกว่า 4% แบบนี้ การลงทุนใน “กองทุนตราสารหนี้” ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้เครดิตเรตติ้งสูง เช่น A- ขึ้นไป และอายุตราสารหนี้ระยะปานกลางประมาณ 3-5 ปีขึ้นไป จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วง 1 ปีข้างหน้า และกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนในภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดี (3)

“จังหวะที่ยีลด์ของตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นมาแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงกับการลงทุนหุ้นที่ยังมีแรงกดดันจากการปรับฐาน เพราะตอนนี้ถือว่าตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่มากพอ ดังนั้นการล็อคยิลด์ ด้วยการลงทุนในกองตราสารหนี้ จึงน่าสนใจมาก” คุณวรสินีกล่าว

Healthcare : แนวโน้มโตกว่า 10%ในอีก10 ปี

“Healthcare เป็นธุรกิจที่สามารถอยู่รอดได้ในหลายวิกฤต และยังมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตสูง ในอีก10ปีข้างหน้า” เห็นได้จากหลายวิกฤตการที่ผ่านมา ทั้งในช่วงวิกฤตดอทคอม ซับไพร์ม โควิด-19 ฯลฯ ซึ่งธุรกิจ Healthcare สามารถสร้างผลประกอบการที่เป็นบวก หรือติดลบเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่นๆมีผลประกอบการในระดับที่ติดลบ ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของผลประกอบการในกลุ่มHealthcare ช่วงที่เกิดวิกฤตต่างๆอยู่ในระดับที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น

ไม่เพียงเท่านี้ ในระยะ 10 ปี ข้างหน้า ยังมีการคาดการณ์ ด้วยว่าผลประกอบการธุรกิจ Healthcareจะสามารถเติบโตได้ 10.22% สูงกว่า เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆอย่างมาก

1667960736395 1

Source : Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (ESU)

หากคุณสนใจกองทุนรวม ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ สามารถคลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

=======================

คุณวรสินี เศรษฐบุตร

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนและสื่อสารการตลาด

สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

=======================

ที่มา

1. “สู้ Recession ด้วย Bond สร้างผลตอบแทนชนะหุ้น” TISCO Advisory Live , พ.ย. 65

2. “ทิสโก้คาด ปี 66 ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนชนะหุ้น” Press Release , พ.ย. 65

3. “ธ.ทิสโก้เชียร์ ซื้อ! กองทุนตราสารหนี้-หุ้นเฮลธ์แคร์ รับกำไรพุ่ง ปี 2566” Press Release , พ.ย. 65

======================

บทความล่าสุด

จับจังหวะความผันผวนระยะสั้น ช่วยเสริมพอร์ตเติบโตระยะยาว

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังอิสราเอลและอิหร่านตอบโต้กันด้วยปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนหนัก ทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำที่แตะระดับสูงสุดใหม่ ภาพลงทุนเข้าสู่โหมดตั้งรับความเสี่ยง (Risk off) หุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขายจากความกังวล

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>

จับจังหวะความผันผวนระยะสั้น ช่วยเสริมพอร์ตเติบโตระยะยาว

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังอิสราเอลและอิหร่านตอบโต้กันด้วยปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนหนัก ทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำที่แตะระดับสูงสุดใหม่ ภาพลงทุนเข้าสู่โหมดตั้งรับความเสี่ยง (Risk off) หุ้นส่วนใหญ่ถูกเทขายจากความกังวล

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตลงทุน สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2025

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังปี 2025 สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนในการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับคู่ค้า รวมถึงสงครามในตะวันออกกลางที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำให้การคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยาก

อ่านต่อ >>

เลือกประกันโรคร้ายแรงให้รอดจากค่าใช้จ่ายอัลไซเมอร์ 

เมื่อพูดถึงเหตุผลของการมีประกันโรคร้ายแรงเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาสุขภาพ เรามักจะคิดถึงโรคที่มีผลร้ายแรงแบบเฉียบพลันจนถึงแก่ชีวิต หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, ทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เมื่อปี 2021 พบสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กว่า 80%

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า