
ในปี 2025 นี้ กลุ่ม Magnificent 7 (Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta, Teslas และNvidia) เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจนหลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปกว่า 60% ในปีที่ผ่านมาจากความท้าทายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 1. การแข่งขันที่สูงขึ้นของธุรกิจ AI เช่น การประกาศเปิดตัว AI จากจีนอย่าง Deepseek 2. ความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น เนื่องจากกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด ประเด็นความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางกำไร (EPS) ของกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯลงอย่างต่อเนื่อง โดยหากพิจารณาเฉพาะกลุ่ม Magnificent 7 คาดการณ์ว่ากำไรของกลุ่มนี้ในปี 2025 ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 21% จาก 33% ในปี 2024 ขณะที่คาดการณ์กำไรของอีก 493 บริษัท ในดัชนี S&P500 ขยายตัวจาก 4% ในปี 2024 สู่ 13% ในปี 2025 การปรับลดคาดการณ์ลงในขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับสูงจึงถือเป็นความเสี่ยงค่อนข้างมากของหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ในปีนี้
ขณะเดียวกัน กลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯได้รับการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร (EPS) อย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นปีนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์ EPS ของกลุ่มขึ้นกว่า 12% จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ได้แก่ 1. การปรับตัวลงของดอกเบี้ยระยะสั้นซึ่งเป็นต้นทุนเงินฝากของสถาบันการเงินทำให้อัตราการทำกำไรของกลุ่มทำได้ดีขึ้น 2. แนวโน้มการผ่อนคลายกฏเกณฑ์ ภายใต้ยุคของ Donald Trump เช่น การเปลี่ยนหลักการพิจารณาเงินทุนสำรองสำหรับธนาคารขนาดใหญ่จะทำให้กลุ่มสถาบันการเงินดำเนินกิจการได้คล่องตัวขึ้นและมีผลกำไรที่ดีขึ้น และ 3. ผลกระทบจากประเด็นสงครามการค้าจำกัด โดยกลุ่มสถาบันการเงินมีสัดส่วนรายได้กว่า 70% จากภายในประเทศทำให้มีภูมิต้านท้านต่อการตอบโต้ทางการค้าค่อนข้างสูง
หากเทียบระหว่างกลุ่ม Magnificent 7 กับกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯจะพบว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่สวนทางกันอย่างชัดเจน สะท้อนออกมาที่ราคาหุ้นในปีนี้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ปรับตัวลงเฉลี่ยกว่า –6% ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเฉลี่ยกว่า 8% และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หากสถานการณ์สงครามการค้ารุนแรงขึ้น การแข่งขันในกลุ่มธุรกิจ AI สูงขึ้น การเคลื่อนที่สวนทางกันของทั้ง 2 กลุ่มจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ดังนั้น จังหวะนี้จึงนับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะปรับพอร์ทการลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯอย่างกลุ่ม Magnificent 7 และปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากประเด็นความเสี่ยงในระยะข้างหน้าและสร้างผลตอบแทนจากแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้่นของกลุ่มสถาบันการเงิน
ภาพ: ส่วนต่างของการเติบโตระหว่าง Magnificent 7 และอีก 493 บริษัทในดัชนี S&P 50 คาดจะลดลงในปีนี้

Source: TISCO Wealth
บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™
Wealth Manager ธนาคารทิสโก้