พลิกแผนลงทุนเกษียณ 2024 เข้าซื้อ REITs รับรีเทิร์นสูงกว่า 20%

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1704425337459

ช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาอาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับการวางแผนเกษียณโดยเฉพาะในด้านการลงทุนที่จำเป็นต้องวางแผนลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเอาชนะภาวะอัตราเงินเฟ้อสูง ซึ่งการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนมักตามมาด้วยการเพิ่มความเสี่ยงของการลงทุนซึ่งมีโอกาสที่แผนเกษียณจะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป อาจเป็นโอกาสในการปรับแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณอีกครั้งด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกอง REITs เพื่อสร้างผลตอบแทนชดเชยและลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนหลังเกษียณหลังจากเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ 2 ปีที่ผ่านมาได้

REITs เป็นเครื่องมือในการระดมทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนหรือพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเป็นในรูปแบบของหน่วยลงทุนที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ (ETF) หรือในรูปของกองทุนรวมที่สามารถลงทุนผ่านบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ได้ ซึ่งกอง REITs จะได้ผลประโยชน์จากการเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์หลัก เช่น ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสัญญาระยะยาว และมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการบริหารทรัพย์สิน ซึ่งเมื่อหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ผู้ถือ REITs จะได้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล โดยสำหรับผู้ที่กำลังจัดพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณในปี 2024 อาจเป็นปีแห่งโอกาสการเริ่มต้นลงทุนใน REITs ด้วยปัจจัยสนับสนุนการลงทุนดังนี้

1. ผลตอบแทนของ REITs สูงสุดในช่วงดอกเบี้ยขาลง

ผลตอบแทนหลักจากการลงทุนใน REITs ส่วนใหญ่มาจากเงินปันผลที่ได้จากกำไรสุทธิของค่าเช่าหลังหักค่าใช้จ่าย โดยเกณฑ์ขั้นต่ำของกองทุน REITs ต้องจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ REITs จึงเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่มีอัตราเงินปันผลสูงกว่าการลงทุนอื่นๆ ยิ่งดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง อัตราเงินปันผลของ REITs ยิ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอกเบี้ย โดยในปี 2024 มีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางของประเทศหลักทยอยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ค่อยๆ ลดลง โดยตามสถิติในอดีตแต่ละช่วงวัฏจักรที่ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่ปี 1995 REITs ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยถึง 25% ภายใน 1 ปี ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นที่ผลตอบแทนรวมไม่ถึง 20%

2. มูลค่า REITs ปัจจุบันยังมี Upside สูง

แน่นอนว่าช่วงที่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ความน่าสนใจจากการลงทุนใน REITs จึงลดลงไปซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีเสมอ โดยช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นขาขึ้นในช่วงปี 1993, 1999, 2004 และ 2015 กอง REITs มักจะมีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีราว 20% และรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมาทำให้ปัจจุบันมีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 30% นั่นหมายถึงโอกาสสร้างผลตอบแทนถึง 30% หากมูลค่ากลับไปซื้อขายในระดับที่ควรจะเป็นเมื่อดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว

3. ช่วยให้ความเสี่ยงพอร์ตลงทุนลดต่ำลง

จากการศึกษาข้อมูลโดยบริษัทจัดการกองทุน Janus Henderson ภายใต้ทฤษฎีการจัดพอร์ตลงทุน Modern Portfolio ของ Harry Markowitz ที่ได้รับรางวัล Nobel ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ระบุถึงการจัดพอร์ตลงทุนหลายสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงคุ้มค่ามากที่สุด พบว่าการเพิ่ม REITs เข้าไปในพอร์ตการลงทุนที่มีหุ้นและตราสารหนี้ด้วยจะช่วยให้ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนเพิ่มขึ้นโดยที่ความเสี่ยงจากการลงทุนไม่เพิ่มขึ้น

ตาม เนื่องจากราคา REITs เคลื่อนไหวลักษณะเฉพาะตัวและไม่เป็นไปตามตลาดหุ้น อีกทั้งด้วยรูปแบบของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้นยิ่งทำให้การลงทุนในกอง REITs เป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนมากขึ้นกว่าในอดีตอีกด้วย โดย 10 ปีก่อนที่กว่าร้อยละ 70 ประเภทของอสังหาริมทรัพย์ภายในกอง REITs จะแบ่งเป็น Core REITs เช่น สำนักงานออฟฟิศ, ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น แต่ปัจจุบันการเติบโตของ Non-core REITs เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น Healthcare, Data center, Resort เป็นต้น ทำให้สัดส่วนกลุ่ม Non-core เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% แล้วในปี 2020

จากข้อมูลสนับสนุนการลงทุนใน REITs ปี 2024 นี้ ทั้งในด้านผลตอบแทนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่กำลังจะเริ่มต้นซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ไม่ต่ำกว่า 20% ภายใน 1 ปีข้างหน้า ประกอบกับการเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุน ทำให้ REITs เป็นสินทรัพย์สำคัญที่ต้องมีติดไว้ในพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณทันที เพื่อตอบโจทย์แผนเกษียณสำหรับการสร้างกระแสเงินสด และลดความเสี่ยงของแผนเกษียณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ CFP® 

Wealth manager ธนาคารทิสโก้

บทความล่าสุด

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>

ฝ่ากระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่โอกาสในปี 2025

ท่ามกลางการกลับมาของนโยบาย Trump 2.0 ปี 2025 ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศไว้ระหว่างการหาเสียงที่โดยเน้นไปที่การลดภาษีนิติบุคคลและการขึ้นภาษีนำเข้า อาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดในสงครามการค้า ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2024 ยังคงส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินในวงกว้าง

อ่านต่อ >>

ความเข้าใจผิดกับ Copayment ของประกันสุขภาพ

หลังจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกหลักเกณฑ์สำหรับเพิ่มเงื่อนไขความคุ้มครองประกันสุขภาพให้มีเกณฑ์การจ่ายสินไหมที่กำหนดค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หรือ ผู้ถือประกันสุขภาพต้องมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ พร้อมกับการประกาศแนวทางยกเลิกประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิต ซึ่งข่าวข้างต้นอาจสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่สนใจซื้อประกันสุขภาพหรือมีประกันสุขภาพอยู่แล้วว่าความคุ้มครองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก อีกทั้งยังอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ทำประกันสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ่านต่อ >>

จัดพอร์ตลงทุนปี 2025 ฝ่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านเข้ามาหลายทิศทาง สมรภูมิการลงทุนจะเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ทั้งในบริบทการเมืองโลกที่สหรัฐฯ กำลังจะได้ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ทั้งในมุมของนโยบายการเงินที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัฎจักรขาลง ทั้งในแง่ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า