วางแผนภาษีเพื่อการเกษียณอย่างคุ้มค่า กับธีม AI โตเด่นระยะยาว

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1697526260257

หลายคนที่กำลังมองหาการลงทุนที่ช่วยลดหย่อนภาษีไปพร้อมกับมีเงินเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ อย่างการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สิ่งสำคัญเลยก็คือ การเลือกธีมลงทุนที่มีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรที่โดดเด่นในระยะยาว เนื่องจากการลงทุนใน SSF/ RMF เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งธีมการลงทุนที่เป็นหนึ่งใน Megatrends และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว นั่นก็คือธีม AI ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของเทคโนโลยีทั่วโลกเลยก็ว่าได้

AI (Artificial Intelligence) มีแนวโน้มเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Disruption) ในทุกอุตสาหกรรมของโลกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุค Internet เลยก็ว่าได้ โดยมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ การทำงาน และวิถีชีวิตประจำวันของเรา โดยมีข้อมูลจาก Markets and Markets บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยทางการเงินสหรัฐฯ ระบุว่า ขนาดตลาด (Market size) ของ AI ทั่วโลกปี 2023 มีมูลค่าอยู่ที่ราว 150,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) มากถึง 36.8% ต่อปีไปจนถึงปี 2030 ซึ่งคาดว่า ธุรกิจ AI ทั่วโลกจะมีรายได้สูงถึง 1,345,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030 อีกทั้งยังมีคาดการณ์ว่า AI น่าจะผลักดันให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2035 ด้วย

ทั้งนี้ AI ไม่ได้จำกัดการลงทุนอยู่แค่เพียงธุรกิจเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่นำ AI มาใช้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจด้วย โดยสามารถแบ่งประเภทของ AI ได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. AI Infrastructure : เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อรองรับกระบวนการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ประกอบด้วย Big Data, Cloud, Internet of Things และ Mobile ยกตัวอย่างธุรกิจเช่น Amazon เป็นบริษัท E-Commerce และ Cloud Computing ยักษ์ใหญ่ มีรายได้ในไตรมาส 2/2023 เติบโต 11% อยู่ที่ 134,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทคาดว่า ใน Q3/2023 รายได้จะยังเติบโตต่อเนื่องราว 9-13% หรืออยู่ที่ประมาณ 138,000-143,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2. AI Applications : เป็นการพัฒนา Software และ Applications เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ประกอบด้วย Intelligent Automation, Social, Robotics, Cognitive Systems, Deep Learning และ Machine Vision ยกตัวอย่างธุรกิจเช่น บริษัท Adobe ผู้พัฒนา Software ผลิต และจำหน่ายโปรแกรมกับ Applications ที่เกี่ยวข้องกับงานออกแบบกราฟิก แต่งรูปภาพ ตัดต่อวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Illustrator, InDesign และ Acrobat Pro เป็นต้น มีรายได้ในไตรมาส 2/2023 โต 10% YoY อยู่ที่ 4,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทคาดการณ์ว่า ใน Q3/2023 รายได้จะยังเติบโตราว 9.8% YoY อยู่ที่ 4,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

3. AI-enabled Industries : การนำ AI มาใช้ประโยชน์ในกระบวนการทางธุรกิจ ประกอบด้วย Advertising, Agriculture, Energy, Media, Automotive, Aerospace, Retail, Transportation, Construction, Finance, Manufacturing, Legal, Health care, Education และ Real Estate ยกตัวอย่างธุรกิจด้านสุขภาพอย่าง บริษัท UnitedHealth Group ที่มี AI อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ช่วยทำการวิจัย ประมวลผล คิดค้นยาใหม่ ๆ รวมถึงช่วยให้แพทย์วิเคราะห์ผลและทำการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว สามารถให้การรักษาที่ดีที่สุดและตรงจุดแก่ผู้ป่วย โดยทำธุรกิจให้บริการสุขภาพด้วยเทคโนโลยี (Optum Health) มีรายได้ไตรมาส 2/2023 โตกว่า 33% YoY ธุรกิจ Software วิเคราะห์ข้อมูลและบริการให้คำปรึกษาแก่องค์กรทางการแพทย์ (Optum Insight) มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมถึงธุรกิจค้าปลีกยาและเป็นตัวกลางระหว่างบริษัทยากับประกันสุขภาพ (Optum Rx) ที่รายได้โตกว่า 15% YoY

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ธุรกิจ AI ยังมีอนาคตอีกมาก ซึ่งสอดคล้องกับการลงทุนเพื่อการวางแผนภาษี เนื่องจากทั้ง SSF/ RMF เงื่อนไขจำเป็นต้องถือระยะยาวอยู่แล้ว โดย SSF ต้องถือไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ขณะที่ RMF ถือขั้นต่ำ 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และขายออกได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถประหยัดภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไปพร้อมกับโอกาสสร้างผลตอบแทนเพื่อการเกษียณสุขจากการลงทุนใน AI ที่มีโอกาสเติบโตยอดเยี่ยมในระยะยาวอีกด้วย

บทความโดย วิภาดา ศุภกุลวณิชย์ AFPT™

Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ SET Investnow

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า