ปิดความเสี่ยงของผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพด้วยประกันอุบัติเหตุ

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

1721113154873

การเริ่มทำประกันภัยต่าง ๆ สำหรับผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี อาจเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะประกันสุขภาพโดยทั่วไปจะไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนรับประกัน หรือประกันชีวิตที่วงเงินถึงระดับที่บริษัทรับประกันกำหนดอาจต้องการผลตรวจสุขภาพเพิ่มเติม ซึ่งจากแบบสำรวจอนามัยและสวัสดิการโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2566 ระบุว่าผู้สูงอายุร้อยละ 56.3 มักมีประวัติสุขภาพเป็นโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัวและมีสัดส่วนสูงกว่าช่วงอายุ 25-59 ปี ถึงราว 4 เท่า ทำให้มีโอกาสสูงที่จะถูกปฏิเสธการรับประกันจากบริษัทประกันภัย อย่างไรก็ดีค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุไม่ได้มีเพียงโรคประจำตัว แต่อาจเกิดจากอุบัติเหตุได้ด้วยสมรรถภาพร่างกายที่ถดถอยลง ซึ่งผู้สูงอายุสามารถทำประกันอุบัติเหตุเพื่อรับความคุ้มครองเหตุที่ไม่คาดฝันโดยไม่ต้องคำนึงถึงประวัติสุขภาพที่ติดตัวมาได้ และช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าวัยหนุ่มสาวอีกด้วย

จากสถิติการลื่นหกล้มของผู้สูงอายุจากกรมควบคุมโรค พ.ศ.2565 สูงกว่า 3 ล้านรายต่อปี โดยมีจำนวนกว่า 90,000 รายที่ต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน (IPD) และมีอัตราเสียชีวิตราว 1,600 รายต่อปี เป็นอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากสมรรถภาพทางร่างกายของผู้สูงอายุจะตอบสนองได้ช้าลงกว่าวัยหนุ่มสาว และด้วยร่างกายที่เสื่อมถอยลงทำให้ความรุนแรงต่อร่างกายสูงมากกว่าคนวัยทั่วไปด้วย เช่น กระดูกหักเมื่อลื่นล้มจากภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น ซึ่งเหตุที่รุนแรงมากขึ้นนำมาสู่ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นมากกว่าวัยอื่นๆ และส่งผลต่อทรัพย์สินของตนเองหรือของครอบครัวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทุนหลังเกษียณที่ลดลงเร็วกว่าแผนที่วางไว้ หรือกระทบกับทรัพย์สินของลูกหลานเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ประสบเหตุภายในครอบครัวอีกด้วย ซึ่งประกันอุบัติเหตุจะเข้ามาเป็นตัวช่วยปกป้องทรัพย์สินบางส่วนที่อาจกระทบจากอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดสูงขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ ทดแทนประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตที่ผู้สูงอายุไม่สามารถทำประกันเหล่านั้นได้

โดยประกันอุบัติเหตุทั่วไปจะแบ่งความคุ้มครองออกเป็น 3 ด้าน คือ 1.ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 2.เงินชดเชยรายได้ และ 3.ความคุ้มครองชีวิต โดยในส่วนของความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นประโยชน์แก่ผู้สูงอายุที่ต้องการให้ประกันช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแต่ไม่สามารถได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพได้ ความคุ้มครองอีกส่วนหนึ่ง คือการได้รับเงินชดเชยกรณีที่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งตามสถิติแล้วผู้ป่วย IPD ที่เกิดจากอุบัติเหตุจะต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโดยเฉลี่ย 2 วัน หรือกรณีที่สูญเสียอวัยวะไปจนกระทั่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผู้สูงอายุหรือคนในครอบครัวยังสามารถได้รับเงินสินไหมทดแทนแก่ผู้สูงอายุบางรายที่ไม่สามารถทำประกันชีวิตเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพแต่ยังคงต้องการสร้างหลักประกันสำหรับทรัพย์สินของครอบครัว

นอกจากนี้ แบบประกันอุบัติเหตุสมัยใหม่อาจมีบริการเพิ่มเติมสำหรับการพักฟื้นหลังออกจากโรงพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วยช่วงพักฟื้นที่บ้าน หรือ Nursing at home ซึ่งประกันอุบัติเหตุโดยทั่วไปอาจไม่มีความคุ้มครองเนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล เช่น บริการพยาบาลวิชาชีพเพื่อดูแลผู้ป่วย หรือ บริการทำกายภาพบำบัด เป็นต้น รวมไปถึงค่ารถเข็นผู้ป่วย (Wheelchair) กรณีที่ไม่สามารถลุกเดินได้ ซึ่งอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ราวหลักหมื่นบาท ต่อการเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ 1 ครั้งต่อปีเปรียบเทียบกับค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นราว 3,000 บาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ประกันอุบัติเหตุอาจมีเงื่อนไขที่ต้องพิจารณาก่อนทำประกัน โดยอาจไม่คุ้มครองหากเป็นอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ เช่น หกล้มจากการหมดสติเพราะเป็นความดันโลหิตสูง เป็นต้น หรือ การขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ที่ประกันอุบัติเหตุบางแบบจะไม่คุ้มครอง หรือ อาจคุ้มครองเพียงครึ่งหนึ่งของวงเงินกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นั้น ๆ

สำหรับผู้สูงอายุที่อาจไม่มีโอกาสทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตบางแบบเนื่องจากอายุเกินอายุรับประกันของบริษัทประกัน หรือมีปัญหาสุขภาพติดตัวมาก่อน อาจใช้ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุเป็นตัวทดแทนไว้เป็นความคุ้มครองทรัพย์สินของสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากสมรรถภาพร่างกายที่เสื่อมถอยเมื่ออายุมากขึ้น และยังเป็นตัวช่วยส่งมอบเงินก้อนให้แก่ทายาทอีกด้วย

บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ

CFP® Wealth Manager 

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า