ดัชนี MSCI All Country World Growth Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่มีการเติบโตสูงเกาะกระแส Megatrend ที่ประกอบด้วยหุ้นกลุ่ม Technology, Consumer Discretionary และ Healthcare เป็นส่วนใหญ่ ปรับตัวลดลงกว่า -20% จากจุดสูงในช่วงสิ้นปี 2021 ด้วยนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดจากประเทศมหาอำนาจอย่าง อเมริกา และ ยุโรปจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดจนการปรับลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางแต่การดำเนินนโยบายการเงินดังกล่าวกำลังถึงจุดเปลี่ยน
ด้วยตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่องช่วยลดทอนความจำเป็นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะสิ้นสุดในปีนี้ ส่งผลให้การลงทุนในกลุ่ม Growth Stock โดยเฉพาะบริษัทกลุ่ม Technology, Consumer Discretionary และ Healthcare ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงกว่าบริษัทในกลุ่มอื่นๆ เริ่มกลับมา Outperform ตลาดได้ในปัจจุบัน
อัตราเงินเฟ้อของอเมริกาที่ขยายตัว +9.1% YoY ในเดือน มิถุนายน 2022และปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ +5.0% YoY ในเดือนมีนาคม 2023 ส่งผลให้แรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ในประเด็นเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงอย่างมาก โดยนักลงทุนทั่วโลกเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะสิ้นสุดที่ 5.00 – 5.25% หรือคิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวที่ +0.25% หลังจากนั้นจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยและลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี
ซึ่งการกลับตัวของนโยบายดอกเบี้ยจะเอื้อให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยถูกใช้เป็น “ตัวคิดลด” หรือ Discounted Rate ที่ถูกเปรียบเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่นๆ โดยหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางเป็น คงที่ หรือ ลดลง จะส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจมากขึ้น กล่าวคือ ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของสินทรัพย์ลงทุนโดยเฉพาะ หุ้นกลุ่มเติบโต จะมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ในปัจจุบัน Valuation ของดัชนี MSCI All Country World Growth Index พบว่า ซื้อ – ขาย อยู่ในระดับ Forward P/E Ratio ที่ 24.14 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ที่อยู่ระดับ 26.05 เท่า นอกจากนี้บริษัทกลุ่มเติบโตยังคงสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องโดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าในปี 2023 บริษัทในดัชนีดังกล่าวมีผลประกอบการเติบโตในปี 2023 และ 2024 เพิ่มขึ้นถึง +8% YoY และ +16% YoY ตามลำดับ ในขณะที่ผลประกอบการบริษัทในดัชนี MSCI All Country World Index ซึ่งเป็นดัชนีรวมหุ้นทั่วโลกเติบโตได้เพียง +1% YoY และ 9% YoY ตามลำดับ
และด้วยการเติบโตที่สูงกว่าตลอดจนมุมมองการผ่อนคลายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลให้ ดัชนี MSCI ACWI Growth Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +12.35% ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา สูงกว่าดัชนี MSCI ACWI Index ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7.0% เท่านั้น
จะเห็นได้ว่าจากมุมมองการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง บวกกับการเติบโตของผลประกอบการบริษัทที่มากกว่าตลาดหุ้นโดยรวม จะช่วยให้ Sentiment การลงทุนในกลุ่มบริษัทเติบโตกลับมาน่าสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และจะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่ม Growth ให้ Outperform หุ้นกลุ่มอื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง
บทความโดย วิศรุต จารุอนันตพงษ์ AFPT Wealth Manager ธนาคารทิสโก้
เผยแพร่ครั้งแรก: Facebook TNN Wealth
==========================================================