เปิดกลยุทธ์ลงทุน รับการกลับมาของ Donald Trump

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

เปิดกลยุทธ์ลงทุน รับการกลับมาของ Donald Trump 800X420

เสร็จสิ้นไปแล้วกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คนทั่วโลกจับตามอง ซึ่งนาย โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรคเดโมแครต กวาดคะแนนเสียงไปอย่างท่วมท้นพร้อมขึ้นแท่นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ กลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานับจากนี้จึงต้องปรับเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย America First ของโดนัลด์ ทรัมป์ 

ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในรอบนี้ ไม่เพียงแต่ได้คะแนนเสียงข้างมากจนสามารถกลับขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯได้อีกครั้ง แต่พรรครีพับลิกันยังสามารถครองคะแนนเสียงข้างมากทั้งวุฒิสภา (Senate) และสภาผู้แทนราษฎร (House) ซึ่งนั่นหมายความว่าการผ่านร่างกฏหมายหรือข้อบังคับต่างๆจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น และทำให้นโยบายของทรัมป์สามารถเกิดขึ้นได้จริงไม่ยากนัก โดยระหว่างช่วงหาเสียงทรัมป์ได้ชูนโยบายที่น่าสนใจและคาดว่าจะสร้างผลกระทบต่อภาพการลงทุนอย่างมีนัยยะหากนำไปปฏิบัติจริง ได้แก่

  1. การปรับลดภาษีนิติบุคคลจากอัตรา 21% เป็น 15 % คาดว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯโดยรวม โดยมีการประเมิณจาก Bank of America ว่าการปรับลดภาษีนิติบุคคลนี้จะช่วยทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียน S&P500 ในปี 2025 ปรับเพิ่มขึ้นราว 4% โดยกลุ่มที่จะได้อานิสงค์สูงที่สุด คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ที่กำไรจะปรับขึ้น 6.8% ตามด้วยกลุ่มบริการการสื่อสาร (Commucation Services) และกลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) ที่กำไรจะปรับขึ้น 5.1% และ 4.6% ตามลำดับ

     

     

  2. การปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศเป็น 10% และปรับขึ้นสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 60% ซึ่งประเทศที่จะได้รับกระทบเยอะที่สุด คือ จีน ในขณะที่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจำกัด คือ อินเดีย และญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของ GDP ในขณะเดียวกัน ประเทศเวียดนาม ยังคงเป็นประเทศที่จะได้ประโยชน์กรณีที่ทรัมป์จะตั้งกำแพงภาษีกับจีนอย่างเข้มงวดและก่อให้เกิดการย้ายฐานการผลิตดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

     

     

  3. การลดความเข้มงวดในภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯมีความคล่องตัวขึ้น เช่น กลุ่ม Healthcare ที่จะได้ประโยชน์กรณีที่สามารถลดขั้นตอนการขออนุมัติยาที่จำเป็นออกสู่ตลาด และกลุ่ม Financials ที่ทรัมป์เคยลดความเข้มงวดของกฎหมาย Dodd-Frank ที่ใช้ควบคุมการดำเนินการของสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินการผ่อนคลายกฎหมายนี้ต่อไป 

การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ของทรัมป์ เป็นที่น่าจับตามองว่าจะนำนโยบายเหล่านี้ที่เคยกล่าวไว้ในช่วงหาเสียงมาใช้จริงได้รวดเร็วและเข้มข้นเพียงใดหลังจากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนม.ค.ปี 2025 ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญในการปรับพอร์ทให้สอดรับกับนโยบายของผู้นำคนสำคัญของโลก โดยแนะนำลงทุนในกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ชัดเจนที่สุด คือ หุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนกลุ่มประเทศ แนะนำลงทุนใน ญี่ปุ่น อินเดีย และเวียดนาม

ผลประโยชน์จากการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% ที่มีต่อหุ้นสหรัฐฯ 

Capture
ที่มา: BofA US Equity and Quant Strategy

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช

AFPT™ Wealth Manager

บทความล่าสุด

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>

ล็อก Yield ดี หนีความผันผวน เข้า Global Bond

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ตลาดการเงินต้องเผชิญกับความผันผวนที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงมาตรการตอบโต้ทางภาษีจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นส่วนใหญ่เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนติดลบ

อ่านต่อ >>

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อ่านต่อ >>

ยิ่งผันผวน ยิ่งต้องวางแผน : กองทุนตราสารหนี้แบบไหนควรมีติดพอร์ตในปี 2025

ผ่านช่วง 4 เดือนแรกของการลงทุน เห็นได้ว่าปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประเทศสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายหรือเลื่อนนโยบายแต่ก็ยังคาดเดาได้ยาก ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มชะลอการลงทุน และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาด

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า