กางสถิติหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน

บทความการลงทุนเชิงลึก ที่คุณไม่ควรพลาด

กางสถิติหุ้นสหรัฐฯบ่งชี้เข้าใกล้จุดซื้อลงทุน 800X420

หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศวันปลอดปล่อย (Liberation day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เปรียบเสมือนประกาศทำสงครามการค้าอย่างเป็นทางการด้วยการคิดอัตราภาษีตอบโต้การค้า (Reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก 10% ถึง 145% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 วันลดลงแรง -10.73% ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดอันดับ 11 นับตั้งแต่เก็บสถิติช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากตลาดกังวลทั้งกำไรของบริษัทที่อาจถูกปรับลดการเติบโตรวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอย (Recession) มีมากขึ้น แต่หากประเมินราคาหุ้นที่ลดลงมาแล้วในปัจจุบันอาจเป็นระดับราคาที่รับข่าวร้ายไปบ้างแล้วและอาจเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมในช่วงนี้ 

แม้เหตุการณ์ปัจจุบันที่สงครามการค้าทวีความตึงเครียดมากขึ้น แต่หนึ่งในดัชนีชี้วัดที่บอกว่าเศรษฐกิจอาจไม่เข้าสู่ภาวะ Recession คือ ตลาดตราสารหนี้คุณภาพต่ำ (High yield bond) โดยหากอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้กลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าตราสารหนี้ประเภทอื่น หรือที่เรียกว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) จะบ่งชี้ว่านักลงทุนกังวลเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ High yield bond จากดัชนี MARKIT NA High Yield 5-Year Credit Spread ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นไปที่ประมาณ 460 จุด ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าเหตุการณ์วิกฤต COVID-19 และการล้มละลายของธนาคาร SVB ในสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นไปราว 530 และ 700 จุดตามลำดับ 

นอกจากนี้นักวิเคราะห์หลายสำนักที่อ้างอิงจาก Bloomberg consensus ยังประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่การเติบโตของเศรษฐกิจในแต่ละไตรมาสจากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนวัน Liberation day ราว 2-2.6% อาจลดลงถึงราว 1-1.5% ซึ่งยังเป็นการเติบโตแบบชะลอตัวเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเศรษฐกิจหดตัว หรือ Recession แต่อย่างใด 

ขณะที่ ดัชนี S&P500 ณ วันที่ 15 เม.ย. อยู่ที่ 5,396 บนระดับ P/E ratio ที่ราว 19.6 เท่า หากอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCOESU) ประเมินผลกระทบต่อกำไรต่อหุ้นของดัชนี S&P500 หากสมมติให้อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยที่ประกาศหลัง Liberation day ราว 15% นั้นจะกระทบกำไรต่อหุ้นราว –6% หรืออยู่ที่ 253.8 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม ณ ระดับ P/E Ratio เฉลี่ย 5 ปีที่ 20 เท่า จะคำนวณเป้าหมายดัชนี S&P500 ของปี 2025 ได้เท่ากับ 5,078 จุด  

และหากย้อนกลับไปถึงจุดประสงค์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นทั่วโลกนอกเหนือจากการลดการขาดดุลการค้านั้น อาจนำไปเป็นงบประมาณเพื่อนำไปสานต่อนโยบายลดภาษีนิติบุคคลตามที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งจะช่วยให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นมาชดเชยผลกระทบของสงครามการค้าได้ราว 4% หรือกำไรต่อหุ้นที่ 264.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ดัชนีที่เหมาะสม ณ P/E Ratio 20 เท่าจะอยู่ที่ 5,292 จุด ดังนั้นระดับดัชนีปัจจุบันอาจบริเวณที่นักลงทุนระยะกลางสามารถทยอยสะสมได้หากรายได้การคลังที่จะได้รับจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจะนำมาใช้เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายลดภาษีนิติบุคคลในประเทศได้ 

จะเห็นว่าในภาพระยะสั้นอาจยังมีความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากสงครามการค้า และเมื่อประเมินมูลค่าหุ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่ใช่จุดเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรที่ดีนัก แต่หากเป็นกลุ่มนักลงทุนที่สามารถลงทุนระยะยาวเมื่อประเมินปัจจัยบวกที่มีโอกาสเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาการค้าที่ทำให้อัตราภาษีลดลง รวมทั้งการลดภาษีนิติบุคคลเพื่อเพิ่มกำไรแก่บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ รอดพ้นจากภาวะ Recession ได้ อาจกลายเป็นว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับจุดเหมาะสมกับการลงทุนมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อสะสมเพื่อสร้างกำไรยามที่ตลาดหุ้นผันผวนตอนนี้ 

แผนภาพ: ประเมินผลกระทบของนโยบายภาษีตอบโต้ต่อกำไรต่อหุ้นของสหรัฐฯ 

แผนภาพ ประเมินผลกระทบของนโยบายภาษีตอบโต้ต่อกำไรต่อหุ้นของสหรัฐฯ

Source: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCOESU) 

บทความโดย ศิวกร ทองหล่อ CFP®

Wealth Manager 

บทความล่าสุด

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>

เสริมพลังการลงทุนในยุค AI ด้วย Utilities และ Healthcare

โลกกำลังเข้าสู่ “ยุคของ AI” อย่างเต็มตัว เห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ที่ต่างเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI รวมกันกว่า 213,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินระดับเดียวกับยุคทองของกลุ่มน้ำมันและโทรคมนาคมในอดีต

อ่านต่อ >>

เลือกกองทุนตราสารหนี้อย่างไร เมื่อดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังถึงเป้าหมายธนาคารกลางในปี 2026

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ปี 2026 การลงทุนในตราสารหนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ท้าทายกว่าเดิม หลังจากปี 2025 ที่ธนาคารกลางหลายประเทศลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่เมื่อเงินเฟ้อชะลอและเศรษฐกิจเริ่มทรงตัว ระดับดอกเบี้ยของหลายประเทศกำลังก้าวเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย หรือ Neutral rate ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เหมือนปีก่อนอาจเกิดขึ้นน้อยลง นักลงทุนจึงต้องปรับวิธีเลือกกองทุนตราสารหนี้ใหม่

อ่านต่อ >>

วางแผนเกษียณ & ลดหย่อนภาษี สู่ยุค Longevity แบบมีคุณภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” และในอนาคตอันใกล้คนไทยจำนวนมากจะมีอายุยืนยาวแตะ 100 ปี แนวโน้มนี้สะท้อนเทรนด์ระดับโลกที่เรียกว่า “Longevity” ที่คนมีอายุยืนยาวขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากกว่าเดิม

อ่านต่อ >>

เสริมพลังการลงทุนในยุค AI ด้วย Utilities และ Healthcare

โลกกำลังเข้าสู่ “ยุคของ AI” อย่างเต็มตัว เห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ที่ต่างเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI รวมกันกว่า 213,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินระดับเดียวกับยุคทองของกลุ่มน้ำมันและโทรคมนาคมในอดีต

อ่านต่อ >>
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า