“Wearable Tech” เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ ปกป้องสุขภาพ พร้อมโอกาสการลงทุน

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 61 | คอลัมน์ Health Protection Advisory

file

 

จากโครงสร้างประชากรที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในหลาย ๆ ประเทศนั้น นอกเหนือจากการมีอายุที่ยืนยาวขึ้นแล้ว โอกาสในการเจ็บป่วยก็มีมากขึ้นตาม รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่นับวันยิ่งแพงขึ้นทุกปี ทำให้เราต้องตระหนักถึงการวางแผนประกันสุขภาพและการวางแผนทางการเงินมากขึ้น เพื่อเป็นการปิดความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลที่เป็นก้อนใหญ่ แต่ปราการด่านแรกที่เราไม่อาจละเลยได้ก็คือ การดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งมีหลากหลายวิธี ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกาย

และแน่นอนว่า การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ตลอดจนการดูแลสุขภาพเปลี่ยนแปลงไป จากเมื่อก่อนการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลารอคิวนาน 1 - 2 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้พบแพทย์หรือเปล่า แต่ปัจจุบันนี้สามารถพบแพทย์ผ่านทางออนไลน์หรือที่เรียกว่า Telemedicine ซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วยในการพบแพทย์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใด ก็สามารถพบแพทย์ออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงมีข้อมูลจาก McKinsey ระบุว่า จำนวนผู้ใช้งาน Telemedicine ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 40 เท่าจากช่วงก่อนเกิด COVID-19 อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสุขภาพที่น่าจับตา และมีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต นั่นคือ เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ (Wearable Tech) โดยการใช้งาน Wearable Tech ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และ eMarketer คาดการณ์ว่า เกือบ 1 ใน 4 ของคนอเมริกันจะใช้งาน Wearable Tech ในปี 2022 (ดังแผนภาพที่ 1) รวมถึงมีงานวิจัยจาก Deloitte คาดการณ์ว่า ตลาด Wearable Tech ทั่วโลกจะเติบโตมากกว่า 380,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2028 ซึ่งจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2022 - 2028 อยู่ที่ประมาณ 18.5% ต่อปี

 

แผนภาพที่ 1: แสดงการคาดการณ์จำนวนผู้ใช้งานเทคโนโลยีสวมใส่ (Wearable Tech) ในสหรัฐฯ ปี 2021 - 2025

file

ที่มา: eMarketer, October 2021

 

ตัวอย่างบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Wearable Tech ได้แก่ บริษัท Dexcom ผู้ผลิตเครื่องวัดระดับกลูโคสสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่สามารถแชร์ข้อมูลให้แพทย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานรายได้ไตรมาส 1 ปี 2022 โตกว่า 25% อยู่ที่ 628.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทคาดว่า ทั้งปี 2022 รายได้จะโตประมาณ 15 - 20% อยู่ที่ระดับ 2,820 - 2,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยล่าสุดมีข่าวจาก Bloomberg ระบุว่า บริษัท Dexcom อาจจะทำข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของบริษัท Insulet ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องอินซูลินปั๊ม (Insulin Pump) ทำหน้าที่เดินยาอินซูลินทีละน้อยเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง ผ่านทางพอร์ตที่มีท่อพลาสติกฝังอยู่ โดยสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลของ Dexcom ได้ ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างอุปกรณ์ใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ถัดมา iRhythm Technologies บริษัท Digital Healthcare ชั้นนำที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ Biosensors เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถสวมใส่ได้นานถึง 14 วัน ซึ่งรายงานรายได้ไตรมาส 1 ปี 2022 โต 24.3% YoY อยู่ที่ 92.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทคาดว่า ทั้งปี 2022 รายได้จะเติบโตกว่า 27 - 30% อยู่ที่ราว 410 - 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นี่เป็นแค่ตัวอย่างนวัตกรรมด้านสุขภาพ Wearable Tech บางส่วนที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเท่านั้น ยังมี Wearable Tech อื่น ๆ อีกมาก เช่น Smartwatch ที่ตรวจวัดข้อมูลต่าง ๆ ภายในร่างกาย เสื้อผ้าที่ทอจากเส้นใยพิเศษ สามารถวัดปฏิกิริยาทางไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อของผู้สวมใส่ ชุดชั้นในที่ใช้ในการตรวจหามะเร็งเต้านมได้ หรือแม้กระทั่ง Smart Tattoos ที่มาในรูปแบบของสติกเกอร์ติดบนผิวหนังโดยตรง เพื่อช่วยตรวจสอบความผิดปกติของระบบประสาท เป็นต้น โดยจากการคาดการณ์ของ Deloitte ระบุว่า จำนวนการขายอุปกรณ์ Wearable Tech ทั่วโลกจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 38% จาก 320 ล้านชิ้น ในปี 2022 เป็น 440 ล้านชิ้น ในปี 2024

โดยสรุปจะพบว่า เทรนด์การดูแลสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพยังคงมีแนวโน้มเติบโต เห็นได้จากตัวอย่างบริษัทกลุ่ม Wearable Tech ที่มีรายได้และการคาดการณ์รายได้ที่เติบโตในระดับสูง อีกทั้งด้วยไลฟ์สไตล์การดูแลสุขภาพของคนในปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้น จึงมองว่า อุตสาหกรรมดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว

file