
สุนัข ‘กู้ภัย’ สังกัด UNITED SAR K9 ฮีโร่สี่ขาร่วมพิทักษ์ความปลอดภัยในสังคม
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 73 | คอลัมน์ All Around Me

ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายและกู้ภัยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ พังถล่มลงนั้น นอกจากทีมกู้ชีพกู้ภัยจากหลายหน่วยงานมาร่วมด้วยช่วยกันแล้ว ในเหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้ยังมี ‘ทีมสี่ขากู้ภัย’ หลากหลายชีวิตเข้าร่วมภารกิจด้วยเช่นกัน และนั่นทำให้ชื่อเสียงด้านความสามารถของเหล่า ‘สุนัขกู้ภัย K9’ ทุกสังกัดแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ผู้คนต่างก็ใจฟูและติดตามภารกิจการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ในทุกภัยพิบัติของเหล่าฮีโร่สี่ขา พร้อมด้วยการส่งแรงใจ ส่งแรงสนับสนุน และอยากทำความรู้จักน้อง ๆ K9 อย่างลึกซึ้งกันยิ่งขึ้น
สำหรับปฏิบัติการกู้ภัยตึก สตง. ถล่มดังกล่าว มีทีมสี่ขากู้ภัยเข้าร่วมภารกิจ ได้แก่ ทีม K9 ของกรมการสัตว์ทหารบก, สุนัขตำรวจ K9, K9 USAR THAILAND, Thai Volunteer SAR Dog (อาสาสมัครสุนัขกู้ภัย) รวมไปถึงทีม United SAR K9 ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัย โดยเป็นทีมอาสาสมัครของคนไทย ภาคประชาชน ซึ่งคุณจิงจิง–สิริสรา เจียมวงศ์แพทย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบอกเล่าถึงภารกิจที่ผ่านมาของ ‘United SAR K9’ ว่า ตั้งแต่งานกู้ภัยสะพานพระราม 2 ถล่ม จากนั้น 2 สัปดาห์ต่อมา เกิดเหตุคุณตาหายไปจากบ้านในพื้นที่เพชรบุรี กระทั่งแผ่นดินไหวแล้วตึก สตง. ถล่ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในเดือนมีนาคมปีเดียวกันที่ทำให้เหล่าน้องหมาสังกัด United SAR K9 มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย โดยเฉพาะภารกิจสำคัญคือ งานรับไม้ต่อจากมูลนิธิกระจกเงาเพื่อช่วยเหลือตามหาคนหายในพื้นที่ต่าง ๆ และจากคำบอกเล่าขอคุณจิงจิงทำให้ ‘น่าตกใจ’ ว่า ‘มีคนไทยสูญหายในแต่ละวันจำนวนไม่น้อยเลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ’
“เคสค้นหาคนสูญหายเกิดขึ้นเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีทั้งที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ บางคนไม่ป่วยใช้ชีวิตปกติมา แต่วันหนึ่งก็เดินหลงหายไปไม่กลับบ้าน และนี่จึงเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่ทีมเราโดนเรียกบ่อย ๆ มากกว่าภัยพิบัติต่าง ๆ เสียอีกค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้คนไทยรู้จัก K9 และเข้าใจภารกิจหมากู้ภัยมากยิ่งขึ้น”
ภารกิจ ‘ฮีโร่สี่ขา K9’
เมื่อพูดถึง ‘สุนัขตำรวจ’ หรือ ‘K9’ หลายคนอาจตัดภาพไปที่พี่หมาสุดเท่คอยไล่จับผู้ร้าย แต่ความจริงแล้ว ‘สุนัข K9’ มีบทบาทหลากหลายและทำหน้าที่สำคัญหลายด้าน อาทิ การตรวจค้นยาเสพติด ติดตามหาร่องรอยผู้ต้องสงสัย ตรวจหาวัตถุไวไฟในคดีวางเพลิง ตรวจหาทุ่นระเบิดในหน่วยงานรักษาความปลอดภัย ตรวจค้นและดูแลความปลอดภัยในสถานที่สำคัญ เช่น สนามบิน บนรถไฟฟ้า ค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงช่วยค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่อาคารถล่ม ป่าเขา หรือพื้นที่เข้าถึงยาก และด้วยความสามารถพิเศษของเหล่าสุนัข K9 นี้เอง พวกเขาได้กลายเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมพิทักษ์ความปลอดภัยให้สังคม
รู้จักภารกิจของแก๊งสี่ขา K9 แล้ว ก็มาทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า หน่วยงานสุนัข K9 มีทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สำหรับการปฏิบัติภารกิจภาคประชาชน สามารถทำงานกู้ภัยช่วยเหลือสังคมได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ว่าจะร่วมงานกับหน่วยงานรัฐหรือเอกชน แต่ปฏิบัติงานด้วยเงินทุนส่วนตัวของแต่ละทีม เช่นเดียวกับทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัย United SAR K9 ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครคนไทยภาคประชาชนที่ก่อตั้งเพื่อลุยงานช่วยเหลือกู้ภัยให้สังคม ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวของเหล่าอาสาสมัครในทีม
“หลายคนยังเข้าใจว่า ทีม K9 แบบพวกเราขึ้นกับหน่วยงานตำรวจหรือทหาร ซึ่งความจริงแล้วทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัย United SAR K9 เป็นกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชนที่เปิดกว้างอิสระ องค์กรไหนติดต่อมาก็สามารถร่วมงานได้เลย อย่างทีมกู้ภัยอาสาจากเพชรบุรีติดต่อตรงว่า ให้ทีมออกค้นหาผู้สูงอายุที่หายออกไปจากบ้าน พวกเราประสานงานร่วมกัน ใครจัดคิวได้ก็ลงพื้นที่เลย ไม่ต้องรออนุมัติจากใคร โดยการฝึกสุนัขของ United SAR K9 อาจแตกต่างจากทีมอื่น ๆ เพราะเราฝึกพวกเขาให้ค้นหาอย่างเดียว และไม่เคยชูว่าหมาของเราเป็นฮีโร่ เพราะมองว่าภารกิจที่ทำเป็นเพียงส่วนหนึ่งหรือเสี้ยวหนึ่งของการค้นหาเท่านั้น เพราะหากเขามีอุปกรณ์ที่ใช้ได้กว่า มีประสิทธิภาพกว่า ก็อาจเลือกใช้แทน K9 ตัวเองจึงมองเป็นทีมงานหนึ่งที่พอจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือในการค้นหาและกู้ภัยได้มากกว่าค่ะ”
ปัจจุบัน ทีม United SAR K9 มีน้องหมา K9 พร้อมปฏิบัติการทุกภารกิจจำนวน 12 ตัว “ทุกตัวสอบผ่านหลักสูตรสุนัขค้นหาและกู้ภัย (RH) มีตั้งแต่ระดับต้น (Level V) ระดับกลาง (Level A) และระดับสูงสุด (Level B) อย่างน้อยสอบผ่านส่วนค้นหามาแล้ว ซึ่งเป็น Level ของความพร้อมในงานลงพื้นที่ค้นหา เรียกว่าทุกตัวมีคุณภาพใช้งานได้ตามสิ่งที่เราต้องการ ตอนลงทำงานค้นหาในซากตึก สตง. ถล่ม มีบางตัวเพิ่งสอบผ่านมาเลยค่ะ ตอนลงทำงานจริงยังลุ้นกันว่า ‘จะไหวไหมนะ?’ เพราะภารกิจค้นหาในตึก สตง. ต้องยอมรับว่ามันหินกว่าที่เราคิดมาก มาพร้อมความกดดันหลายด้าน ทั้งสภาพความยากของพื้นที่ สภาพบรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยผู้คนและยังถูกจับตามองทุกการทำงาน จึงเป็นความกดดันค่อนข้างสูงค่ะ แต่ทีมของเราทำได้ดี ใช้เวลาสั้น ๆ ก็สามารถทำงานเข้าที่เข้าทางกันได้ จากนั้นก็ทำให้พวกเรามั่นใจเต็มร้อยว่า ไม่ว่าภารกิจโหดแค่ไหน United SAR K9 สู้ได้แน่นอน”


‘ดีต่อใจ’ จนใครก็หลงรัก
จากภารกิจกู้ภัยในเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นประจำวันอย่างค้นหาคนสูญหาย ทั้งภัยพิบัติใหญ่ ๆ ที่มีผลกระทบกับความปลอดภัยของชีวิตคนนั้น สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่าง ‘ดีต่อใจ’ แก่ผู้คนทั่วไป นั่นคือความรู้สึก ‘ใจบาง’ และ ‘รัก’ เหล่าฮีโร่สี่ขา K9 ที่คุณจิงจิงบอกกับเราว่า เพราะสุนัข K9 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง ‘ความหวัง’
“จากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม และการที่พวกเราทำงานออกค้นหาคุณตาคุณยายที่หลงทางและหายไปจากบ้าน ความตั้งใจในการปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจังทั้งเราทั้งสุนัข รวมไปถึงความสำเร็จในการค้นหาจนเจอคนแล้วคนเล่า เลยกลายเป็นภารกิจที่เหมือนเป็น ‘ความหวัง’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากเหตุการณ์ ตึก สตง. ถล่มยิ่งเห็นได้ชัดเจน เป็นเหตุการณ์ที่ช็อกความรู้สึกคนไทยทั่วประเทศ มีคนสูญหายไปเกือบร้อยชีวิต ภารกิจค้นหาของทีม K9 ที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ก็เหมือนยิ่งสร้าง Impact ของการรอคอยอย่างมีความหวังแก่ทุกคน เราเองคนทำงานในพื้นที่ยังทั้งตื่นเต้นและกดดันเลยค่ะ อย่าว่าแต่ข้างนอกเต็มไปด้วยความหวังเลย เราคนทำงานในพื้นที่เต็มไปด้วยพลังที่อยากช่วยให้ทุกคนรอด แม้บางจุดเห็นแล้ว ความหวังแทบริบหรี่เหลือเกิน แต่ทุกคนก็ยังสร้างความหวังเล็ก ๆ ในใจ เราอยากเจอทุกคนทั้งที่ยังรอดชีวิตอยู่และไม่มีสัญญาณชีพแล้ว”
ในฐานะคนทำงานกู้ภัย คุณจิงจิงยังได้เล่าถึงมุมการทำงานเพื่อสังคมด้วยว่า “จากประสบการณ์ทำงานส่วนตัว เล่าจากที่ตัวเองได้เจอเลย คือ มีเคสหนึ่ง หมาเราไปช่วยหาคุณยายที่หายไปจนเจอ ซึ่งทุกคนในครอบครัวดีใจ เห็นความสุข เห็นรอยยิ้ม ได้รับคำขอบคุณจากทุกคน แค่นี้มันก็ทำให้รู้สึกว่า การที่เราฝึกหมามาขนาดนี้แล้วสามารถปฏิบัติงานได้จริง เป็นสุนัขที่ปฏิบัติภารกิจค้นหาได้จริง ดังนั้น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราฝึกเขา ไม่สูญเปล่าเลย และนี่เป็นกำลังใจให้กลุ่มเราทำต่อไป”


‘สุนัขกู้ภัย’ สถานที่ฝึกต้องหลากหลาย-ไม่ซ้ำจำเจ
“ด้วยกลุ่มเพื่อน ๆ ในทีมไว้ใจในการตัดสินใจของเรา ให้เราเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้น ทุกภารกิจก็ต้องวางแผนปฏิบัติอย่างรอบคอบที่สุด และแม้ว่าทุกคนมีงานประจำแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานกับสุนัขกู้ภัย ทุกภารกิจพวกเราพร้อม อย่างที่ตึก สตง. ก็ลางานเพื่อพร้อมปฏิบัติงานกันเลย อย่างจิงจิงเรียนจบด้านวิศวะ คอมพิวเตอร์ งานประจำ คือ การเขียนโปรแกรม เป็นงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุนี้ทำให้เรากลายเป็นคนอยากออก Adventure ด้วยมั้งคะ (หัวเราะ)”
ทว่าแพสชันที่ชัดเจนกว่า คือ ความชอบเลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่วัยเด็ก “ตั้งแต่จำความได้ ตัวเรามีหมาอยู่ข้างกาย อยู่ในบ้าน อยู่ในครอบครัวมาโดยตลอด เลยทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่เกี่ยวกับหมาของเราเองนี่แหละ เลยมาคลิกกับงานนี้ เป็นงานอดิเรกที่จริงจังมาก คือมากจนบางทีมากกว่างานประจำไปด้วยซ้ำ”
มาถึงข้อข้องใจที่หลายคนกำลังสงสัยว่า ‘สุนัขกู้ภัย’ ควรเป็นสุนัขพันธุ์อะไร แล้วถ้าใครมีจิตอาสาอยากส่งสุนัขเข้าร่วมฝึกในทีมเพื่อร่วมงานกู้ภัยกับ United SAR K9 เป็นไปได้ง่ายหรือยากอย่างไรบ้าง
“ก่อนอื่นอยากบอกทุกคนที่อยากมาร่วมฝึกกับ United SAR K9 ต้องถามตัวเองดี ๆ ก่อนว่าชอบภารกิจนี้มากพอที่จะอดทนฝึกไปตลอดหรือไม่ เพราะมันไม่ใช่การเอาหมามาฝึกแล้วจบ แต่มันต้องทุ่มเทและเสียสละมาก ๆ หนึ่ง…ชีวิตประจำวันเราต้องเปลี่ยนแน่นอน คือ จากแต่ละวันไม่เคยเลี้ยงหมา ก็ต้องมาเลี้ยงหมาเป็นหลัก ซึ่งชีวิตก็เปลี่ยนไปแล้ว ถามตัวเองเสียก่อนเลยว่า จัดการชีวิตตัวเองได้ไหม ถ้าคำตอบ คือ ไม่อยากเสียเวลาและเสียสละส่วนนี้มา ก็อย่าทำตั้งแต่แรกค่ะ เพราะหมาที่จะมาฝึกต้องเป็นหมาอายุน้อย ๆ ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ซึ่งหากเอาหมามาแล้วไม่ได้ฝึกต่อ นั่นหมายความว่าคุณต้องเลี้ยงหมาตัวนั้นต่อไปอีกเป็น 10 ปี เลี้ยงได้ไหม ชอบเลี้ยงไหม และที่สำคัญอีกอย่าง ไม่ใช่หมาทุกตัวจะสามารถผ่านการฝึกเป็นสุนัขกู้ภัยได้ เพราะมันมีระบบการสอบคัดเลือกเป็นระดับ ๆ ซึ่งมีหมาหลายตัวไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ต้องบอกอย่างหนึ่งว่า ความสำเร็จส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะหมา แต่เป็นเพราะเจ้าของไม่สามารถจัดเวลาได้ ไม่สามารถทุ่มเทกับตรงนี้ได้ หมาบางตัวมีแววมากเลยค่ะ แต่เจ้าของไม่มีเวลามาฝึก นาน ๆ มาที ก็ฝึกได้ไม่ถึงไหนอย่างแน่นอน”
สำหรับสุนัขฝึกใหม่ที่จะมีแววยกระดับความสามารถจนก้าวสู่ ‘สุนัขกู้ภัย’ ที่ทำงานเพื่อสังคมนั้น คุณจิงจิงเล่าเสริมให้ฟังว่า ความมั่นใจต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยความกล้าแสดงออกของสุนัขตัวนั้น “เพราะสุนัขกู้ภัยต้องไปทำงานในสถานที่ที่เราไม่รู้จักมาก่อนเลย เป็นที่แปลกใหม่ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าหมามาฝึกกับเราเจอกันครั้งแรกแล้วกลัวโน่นกลัวนี่ อาการแบบนี้ก็จะฝึกยากสำหรับตัวนี้แล้ว แต่เราก็ยังไม่ตัดสิทธิ์เขานะคะ ยังให้โอกาสและเวลาให้น้องมาปรับตัวสำหรับการฝึกฝน ซึ่งก็เป็นระยะเวลาหลายเดือนเลย คราวนี้ก็จะดูออกอย่างจริงจังว่าตัวไหนไปต่อได้ บางคนถามว่า สุนัขค้นหาน่าจะมีความสามารถพิเศษด้านการดมกลิ่น จมูกดี แต่เราไม่มองอย่างนั้น อย่างที่บอกความมั่นใจมาเป็นอันดับแรกค่ะ”
ในส่วนของขนาดสุนัขมีผลต่อการเป็น ‘สุนัขกู้ภัย’ ด้วยหรือไม่ คุณจิงจิงให้คำตอบว่า “สุนัขกู้ภัยถูกจำกัดด้วยขนาดอยู่แล้วว่า เจ้าของหมาต้องอุ้มไหว ดังนั้น ถ้าน้องหนักเกิน 40-50 กิโลกรัม ไม่ใช่ผู้ชายตัวใหญ่จริง ๆ ก็อุ้มไม่ไหว นี่จึงเป็นสาเหตุให้เราเลี้ยงสุนัขตัวไม่ใหญ่ พออุ้มไหวที่ 30 กิโลกรัม สุนัขตัวเล็ก ๆ ก็จะดีในภารกิจที่ต้องมุดช่องเล็ก ๆ เข้าง่าย ๆ แต่ก็ต้องระวังความปลอดภัยไม่ให้เขาตกลงไปในหลุมบ่อที่จะเป็นอันตราย ก็ต้องดูความปลอดภัยให้น้อง ๆ ในแต่ละหน้างาน”
เกษียณภารกิจ กลับสู่ชีวิตปกติของครอบครัว
“เนื่องจากทีมเราเป็นอาสาสมัครทั้งหมด สุนัขกู้ภัยแต่ละตัวก็เป็นของอาสาสมัครเอง หากบอกว่าน้อง ๆ ต้องเกษียณเมื่อไหร่ เกษียณแล้วไปไหน ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นค่ะ เพราะทุกตัวเขามีเจ้าของ ได้กลับไปอยู่กับคนคนนั้น ไปอยู่กับครอบครัวของเจ้าของโดยสิทธิ์ขาดอยู่แล้ว และสุนัขที่เคยออกปฏิบัติงานกับเรามาหลายปี ตอนนี้มีรุ่นลูกที่ฝึกและสอบจนสามารถปฏิบัติงานแทนรุ่นพ่อได้แล้ว สุนัขรุ่นพ่อก็ได้เกษียณอยู่บ้าน แต่บางงานยังได้ออกไปฝึกค้นหาสนุก ๆ บ้าง หรืออาจมีภารกิจที่จำเป็นต้องใช้สุนัขประสบการณ์สูง สุนัขรุ่นพ่อก็ยังได้ไปทำงานด้วยในบางครั้ง”
คุณจิงจิงทิ้งท้ายถึงช่วงชีวิตหลังเกษียณของน้อง ๆ สุนัขกู้ภัย และอยากบอกแก่ทุกคนว่า “สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการไปเรียนและฝึกสุนัขกู้ภัยจากประเทศเยอรมนี คือ ในต่างประเทศนั้น ไม่ใช่แค่สุนัขกู้ภัยนะ แต่สุนัขอื่น ๆ ที่ทำงานในภารกิจของตัวเอง เช่น นำทางคนตาบอด ตรวจตามรถไฟฟ้า ฯลฯ ทุกคนต่างให้เกียรติและเคารพเกรงใจในการทำงานของสุนัข เลยอยากให้คนไทยทุกคนมีมุมมองแบบนี้กับสุนัขเหล่านี้ของเราเช่นกัน อย่าไปแหย่หรือแกล้งเขา หรือทำท่าทางรังเกียจ เราเข้าใจค่ะว่าใช่ว่าทุกคนจะชอบหมา แต่แค่ให้เกียรติในความตั้งใจทำงานของเขากันดีกว่า ให้ Space การทำงานแก่พวกเขา อยากให้เข้าใจในภารกิจของหมาทำงาน สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคนและพี่น้อย (นางบุญเลี้ยง อินแดร์วิส) ครูฝึกชาวไทยที่เป็นอาสาสมัครดับเพลิงและกู้ภัยในประเทศเยอรมนีที่สั่งสอนให้ความรู้กับพวกเรา จนได้ก่อตั้งทีมสุนัขค้นหาและกู้ภัย United SAR K9 ขึ้นมาได้”
ติดตามภารกิจของสุนัขกู้ภัย United SAR K9 ได้ทางเพจ ‘สุนัขค้นหาและกู้ภัย United SAR K9’ โดยสุนัขที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ผ่านการฝึกและผ่านการสอบจากกรรมการ SV FCI และ IRO มาแล้ว ทำให้พร้อมช่วยเหลืองานค้นหาบุคคลที่สูญหายหรือบาดเจ็บในซากตึกถล่ม ในพื้นที่กว้าง (ป่า) และตามรอยเจาะจงบุคคลได้
