‘บทสำเร็จ’ พญ.นลินี ไพบูลย์ ผ่านสามทศวรรษของอาณาจักรกิฟฟารีน สร้างคอมมิวนิตีแห่งความสุข และธุรกิจขายตรงที่ยืนหยัดมั่นคง

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 74 | คอลัมน์ People

พญ.นลินี1

หลังจาก ‘กิฟฟารีน’ เปิดตัว ‘Giffarine AI Coach’ ที่ไม่เพียงสร้างแรงกระเพื่อมให้แวดวงอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของโลกที่ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เอ่ยถึงปฏิบัติการสุดว้าว! ของเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ด้วยตัวเองว่า ถือเป็น ‘AI ตัวแรกของโลกธุรกิจขายตรง!’ ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องมือใหม่ แต่ยังเป็นผู้ช่วยให้นักขายกิฟฟารีนที่มีมากถึง 870,000 รหัส ไปสู่เป้าหมายความสำเร็จและเพิ่มโอกาสใหม่ทางธุรกิจ

     “กิฟฟารีนนับเป็นรายแรกของโลกที่มี AI Coach สำหรับธุรกิจขายตรง เกิดขึ้นภายใต้การเดินหน้าธุรกิจที่สนับสนุนทุกคนให้เรียนรู้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เก่งแค่ไหนก็ต้องเรียนรู้ค่ะ ดิฉันอาจไม่ได้รู้ลึกซึ้งในทุกเรื่อง แต่เรารู้ว่าคนของเราต้องการเรื่องอะไร นักขายต้องรู้เรื่องนั้น พนักงานต้องรู้เรื่องนี้ ความพยายามของตัวเอง คือ อยากให้ทุกคนเก่งขึ้น ตื่นตัวรับรู้สิ่งที่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่ใช่แค่เรียนรู้อย่างเดียว แต่ต้องปรับตัวให้ได้ด้วยเช่นกัน”  

      และวันนี้นิตยสาร TRUST ได้รับเกียรติจากซีอีโอหญิงเก่งผู้สร้างคอมมิวนิตีแห่งความสุขและธุรกิจขายตรงนี้ให้ยืนหยัดมั่นคงก้าวข้ามมาทั้งวิกฤตของชาติและวิกฤตโลก มาบอกเล่าเรื่องราว ‘บทสำเร็จ’ ผ่านช่วงเวลาสามทศวรรษของอาณาจักรกิฟฟารีนแห่งนี้

บรรจงสร้างธุรกิจ ‘กิฟฟารีน’ ภายใต้ความรับผิดชอบในจิตวิญญาณหมอ

     หากย้อนวันวานเมื่อครั้งอดีต ก่อนก้าวเข้าสู่เส้นทางธุรกิจขายตรง อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ พญ.นลินี ไพบูลย์ ผู้ซึ่งมีความรักเต็มเปี่ยมในอาชีพ ‘แพทย์’ เหนือสิ่งอื่นใด โดยสะท้อนจากคำบอกเล่าในการเลือกเรียนคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของตัวเอง ที่ต้องการอยากเป็นหมอเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ทุกชีวิตปลอดภัย

     “ตอนเป็นนิสิตแพทย์เรียนหนักมาก อ่านหนังสือก็หนัก เท่านั้นไม่พอต้องคิดวิเคราะห์ให้เป็น เพื่อให้เราสามารถดูแลรักษาคนไข้คนหนึ่งให้หายเป็นปกติได้ แต่ด้วยความตั้งใจที่อยากเป็นหมอ เราจึงมุ่งมั่นตลอดการเรียน 6 ปี หลังจากนั้นอินเทิร์น 1 ปี เสร็จแล้วไปใช้ทุนรัฐบาลอีก 2 ปี ที่โรงพยาบาลจันทรุเบกษา กรมแพทย์ทหารอากาศ ในตอนนี้เองที่รู้ตัวว่าชอบสูตินรีแพทย์ และชอบด้านผิวหนัง ชอบดูแลเรื่องความสวยความงาม แต่ก็ตัดสินใจเลือกเรียนสูตินรีแพทย์”

     นับแต่นั้นมา คุณหมอนลินีก็ดำรงอาชีพแพทย์และเปิดคลินิกเล็ก ๆ ในย่านห้วยขวาง-ดินแดง ร่วมกับอดีตสามี และขยับขยายขึ้นเป็นโพลีคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางในการรักษาโรคต่าง ๆ มากขึ้น โดยธุรกิจดำเนินไปจนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ วันที่ตัวเธอหยุดภารกิจแพทย์ แล้วเข้าสู่โลกของธุรกิจขายตรงภายใต้แบรนด์สุพรีเดอร์มที่ยังคงร่วมลงทุนกับอดีตสามี สร้างความสำเร็จด้วยดีมาตลอด 8-9 ปีของธุรกิจใหม่นี้ ก่อนทั้งสองตัดสินใจแยกทางกันทั้งในหุ้นส่วนธุรกิจและหุ้นส่วนชีวิตครอบครัว

     จากนั้น ‘บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด’ ถูกก่อตั้งขึ้นทันทีในปี 2538 พร้อมการสร้างแบรนด์ ‘กิฟฟารีน’ จากเงินทุนส่วนตัว ณ ตอนนั้นที่มีอยู่ราวประมาณ 100 ล้าน ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ส่วนหนึ่งมาจากการทำธุรกิจแบรนด์สุพรีเดอร์มร่วมกับอดีตสามี โดยคุณหมอนลินีลุยเดี่ยวกับการลงทุนครั้งใหม่นี้ ซึ่งทุ่มเงินเปิดทั้งบริษัทและโรงงานผลิตสินค้าด้วย Mindset ที่คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความเป็นหมอว่า มีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยในสุขภาพของทุกชีวิต “เราอยากผลิตสินค้าดี ๆ ด้วยตัวเอง ไม่เชื่อใคร สามารถตรวจสอบได้เอง เพราะเชื่อมั่นในตัวเองดีที่สุด เลยทำให้ใช้เงิน 100 ล้านหมดเกลี้ยง เพราะต้องซื้อโรงงานสำเร็จรูป แม้จะเป็นโรงงานเล็ก ๆ แต่ด้วยต้องซื้อทั้งเครื่องจักรและทุกอย่างทั้งหมด แล้วต้องมาเปิดสาขาถึง 6 สาขา ในช่วงนั้นจำได้จนถึงวันนี้เลยค่ะว่าใช้เงินเยอะมาก เหลือแค่ 500 บาท ติดบัญชีอยู่ในแบงก์”

     นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของภารกิจจากความเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำให้ต้องกังวลกับอนาคตของลูกทั้งสองคน ตอนนั้นคนโตอยู่ในวัยเพียง 4 ขวบ ส่วนคนเล็กอายุเพิ่งจะ 1 ขวบครึ่งเท่านั้น ทำให้คุณหมอไม่เลือกแหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคารอันอาจมีความเสี่ยงที่ทำให้ตัวเองรับผิดชอบไม่ได้ในอนาคตที่ไม่แน่นอน จึงตัดสินใจเลือกใช้การลงทุนจากเงินส่วนตัวเพื่อไม่สร้างภาระหนี้ให้ตัวเองในยุคแรกเริ่มของธุรกิจนั่นเอง

ก้าวข้ามทุกวิกฤตชาติและวิกฤตโลก

     ธุรกิจ ‘กิฟฟารีน (Giffarine)’ เริ่มในปี 2538 ผ่านไปถึงปี 2540 เมืองไทยก็เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งที่ผู้คนพากันตกงานกันทั่วประเทศ

     “สถานการณ์เศรษฐกิจจริง ๆ เริ่มมีตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2539 เพราะเป็นช่วงที่มีคนตกงานแล้วมาอยู่กับเราเยอะมาก และนั่นคือวิกฤตที่กลายเป็นโอกาสของ ‘กิฟฟารีน’ ที่ไม่เพียงสร้างยอดขายในปีนั้นได้ถึง 384 ล้านบาทเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างโอกาสการทำงานให้เกิดรายได้เลี้ยงชีพแก่คนไทยอีกหลายชีวิตในภาวะเศรษฐกิจวิกฤต”

     และพอในปี 2540 ปีแห่งประวัติศาสตร์วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เรียกว่า ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ หรือ ‘วิกฤตการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540’ ทว่าธุรกิจ ‘กิฟฟารีน’ กลับเติบโตด้วยยอดขายถึง 1,500 ล้านบาท

     “ยอมรับว่าตอนนั้นไม่กล้าบอกใครเลย ไม่กล้าบอกนักข่าวด้วย กลัวเขาว่าเรา ‘โกหก’ อาจด้วยเราเป็นหมอมั้งคะ เลยคิดแบบหมอ ในวันนั้นก็เลยอยู่เงียบ ๆ ไปดีกว่าค่ะ แต่ก็มานั่งคิดวิเคราะห์หาเหตุผลด้วยว่า อะไรทำให้ยอดขายกระโดดขึ้นมาถึง 5 เท่า ก็ได้บทสรุปว่า เพราะคนตกงาน และถึงแม้อยากประกอบอาชีพต่าง ๆ แต่ก็อาจจะติดเครดิตบูโร รวมถึงเหตุผลอื่น ๆ ที่หางานใหม่ได้ยาก เลยมาทำงานในธุรกิจ ‘กิฟฟารีน’ ซึ่งเป็นการซื้อขายด้วยเงินสด ผลประโยชน์ที่ได้รับก็เป็นเงินสดเช่นกัน”

     คุณหมอนลินียังอธิบายต่อถึงความเป็น ‘นักธุรกิจกิฟฟารีน’ ซึ่งมีบทบาทการทำงานและผลประโยชน์จากการขายสินค้าที่แตกต่างจากองค์กรอื่น ๆ ด้วยว่า เป็นโมเดลการสร้าง ‘นักธุรกิจกิฟฟารีน’ หรือ ‘นักขายตรง’ ที่หลายคนเรียกชื่อนี้ ทุกคนเป็นนักธุรกิจอิสระ เป็นผู้จำหน่ายอิสระ ไม่ได้เป็นลูกจ้างของบริษัทฯ

     “บางคนเป็นพนักงานประจำอยู่ที่อื่น แล้วใช้เวลาว่างของตัวเองทำงานนี้ บางคนทำเป็นอาชีพอิสระแต่เป็นงานหลัก เข้ามาขายสินค้า มาสร้างทีมขายด้วยกัน สอนให้คนอื่นทำงานเป็น ก็จะเกิดเป็นผลประโยชน์จากการขายที่ได้ดูแลกันและกัน ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านี้ ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ แต่เป็นผลประโยชน์ที่ Cut of เลยว่า 100 บาทที่คุณขายได้ บริษัทจ่าย 45% ไม่เกินนี้ ตามผลงานและตำแหน่งของนักขาย”

     ผลประโยชน์จากการขายตรงดังกล่าวนี้ ทำให้ธุรกิจ ‘กิฟฟารีน’ ถือว่ามีความยุติธรรมต่อนักขาย ที่พร้อมมอบรายได้จากการขายที่มากที่สุด ตามเกณฑ์ของบริษัทฯ เป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยไม่ต้องลงทุนมาก

     “เพราะบริษัทฯ มีนโยบายไม่ให้ซื้อเยอะ ซื้อเท่าที่ขายได้ ขายให้หมดก่อนแล้วค่อยมาซื้อใหม่ แม้วันนี้จะมีออนไลน์ ดิฉันก็บอกทุกคนเลยว่า มีออเดอร์ก่อนแล้วค่อยมาซื้อ หากยังไม่มีออเดอร์อย่าเพิ่งซื้อสินค้า เพราะหากซื้อไปแล้วขายไม่หมดก็เป็นภาระตัวเอง พร้อมไปกับการสร้างทีมขาย ตัวเองซื้อใช้ ทีมงานซื้อใช้ ส่งต่อให้ผู้บริโภคซื้อใช้ เรามีถึง 80% ที่สมัครมาเพื่อเป็นผู้บริโภค และพัฒนามาเป็นนักขายหรือทำงานจริง ๆ จุดเด่นของเราคือตำแหน่งทุกตำแหน่ง เมื่อขึ้นมาจะไม่ปรับลดลงตามยอดขาย แต่ตำแหน่งจะอยู่ตลอดไป เช่น เป็นนักขายระดับ Bronze Star ก็เป็นไปตลอด ไม่ตกหรือลดลงมา ผ่านไป 10 ปี อาจไม่ได้ใช้สินค้า ‘กิฟฟารีน’ แล้ว แต่กลับมาใหม่ปีนี้ก็ยังซื้อได้ ยังได้ส่วนลด 25% ยังได้ผลประโยชน์อีก 10% จากตำแหน่งของเขา”

TRUST 5

‘กิฟฟารีน’ ภาพลักษณ์ Friendly สร้างความสุข

     ด้านสินค้าของ ‘กิฟฟารีน’ เป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่สร้างยอดขายให้แก่นักธุรกิจขายตรงของที่นี่ เพราะความมุ่งมั่นของซีอีโอผู้มีดีเอ็นเอแห่งความเป็นแพทย์ที่ต้องการให้ทุกสินค้าของ ‘กิฟฟารีน’ ปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับผู้บริโภค “เราใช้วัตถุดิบที่ดีในกระบวนการผลิตที่ดีที่สุด จำหน่ายในราคาปลายทางที่ไม่แพงแต่ได้ของดี โดยหวังว่าเมื่อเขาใช้แล้วดีก็จะซื้อซ้ำ พูดบอกต่อกันไปถึงคุณภาพดี ๆ ของสินค้า”

     ไม่เพียงแค่การเติบโตของทีมงานนักขายเท่านั้น แต่การขับเคลื่อนธุรกิจยังมาพร้อมด้วยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ‘กิฟฟารีน’ เพื่อให้คนไทยรู้จักและเชื่อมั่นในสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านความงามและสุขภาพ ทำให้ผลกำไรจากยอดขาย 1,500 ล้านบาทจากข้างต้น ถูกนำมาต่อยอดด้านการสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กรและสินค้าในด้านการประชาสัมพันธ์ การตลาด และการโฆษณา ในกระบวนการดำเนินงานธุรกิจที่เต็มไปด้วยศักยภาพนักบริหารหญิงเก่งท่านนี้

     และเมื่อถูกถามว่า ‘อะไรทำให้ธุรกิจกิฟฟารีนประสบความสำเร็จและยืนหยัดไปต่อได้อย่างยั่งยืน’ ก็ได้คำตอบว่า

     “อย่างแรกเลย คือ สินค้าของ ‘กิฟฟารีน’ ขายตัวเอง สอง…นักขายของเรามีความสุขที่ได้ทำงาน บริษัทฯ ไม่เคยบีบบังคับ เขาอยากทำแค่สนุก ทำบ้างไม่ทำบ้าง อยากทำเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อซื้อเป็นของขวัญใส่กระเช้าให้คนนั้นคนนี้ ไม่มีไปกดดันใครค่ะ นั่นทำให้ทุกคนอยู่กับเราแล้วมีความสุข ส่งผลไปถึงพนักงานของเราก็มีความสุข เราสร้างแบรนด์ ‘กิฟฟารีน’ ให้มีความชัดเจนว่าเข้าถึงง่าย มีความ Friendly กับนักขาย กับพนักงาน และผู้บริโภคทุกคน มันก็ส่งผลต่อยอดสู่ธุรกิจที่มั่นคงแข็งแรงและยืนหยัดอยู่ได้ทั้งตลาดในไทยและตลาดโลกอย่างยั่งยืนต่อไป”

TRUST 1 1

วิกฤตเป็นโอกาสในยุค Digital Transformation

     สำหรับยุค Digital Transformation โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงธุรกิจ พร้อมไปกับการพัฒนาและปรับกระบวนทัพในทุกภาคส่วนนั้น ‘กิฟฟารีน’ ก็เฉกเช่นเดียวกัน แต่ด้วยวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลของซีอีโอแห่ง ‘กิฟฟารีน’ ที่เห็นสัญญาณของยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ จึงเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที และแม้เกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ไม่ได้สร้างแรงกระทบให้ธุรกิจสั่นคลอนได้

     “สองปีก่อนหน้าจะเกิด COVID-19 นั้น ‘กิฟฟารีน’ ได้สร้างหลักสูตรการทำงานออนไลน์ให้ทุกคนได้เรียนรู้และเข้าใจ ทำให้วันที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ โดยผ่านการทำงานระบบ Work from Home ที่ทุกคนเข้าใจได้อย่างมีประสิทธิภาพของทั้งพนักงานบริษัทฯ และนักธุรกิจกิฟฟารีน”

     มาดูกันที่กลุ่มสินค้าของ ‘กิฟฟารีน’ ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลาย และเชื่อว่ามีหลายคนมองว่า Cosmetic Product น่าจะเป็นสินค้าชูธงขายดีที่สุด แต่กลับไม่ใช่…เพราะกลายเป็นว่า ‘ผลิตภัณฑ์สกินแคร์’ สามารถทำยอดจำหน่ายได้ดีกว่า รองมาเป็น ‘ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร’ ในกลุ่ม Longevity และเสริมภูมิคุ้มกัน ผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลรูปร่าง และผลิตภัณฑ์โปรตีนวีแกน โดยกลุ่มสินค้าดังกล่าวมีแนวโน้มและโอกาสเติบโตสูงในตลาดสุขภาพและความงาม ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์โลกนั่นเอง

     “แต่ยังมีสินค้าของเราที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ ‘กิฟฟารีนขายกาแฟ’ ด้วยนะคะ เช่น กาแฟ ที่มีทั้งกาแฟคาปูชิโน่ อเมริกาโน่ กาแฟ 3 in 1 ซึ่งยอดขายดีมาก รวมไปถึง ‘ยาสีฟันกิฟฟารีน’ ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้เหมือนกันว่าเราก็ขายดี แล้วยังมีที่ไม่รู้ยิ่งไปอีกว่า ‘กิฟฟารีนขายปุ๋ย’ ด้วยค่ะ แต่ไม่ได้ขายปุ๋ยกระสอบนะคะ แต่เป็นปุ๋ยที่ฉีดทางใบ” ถึงตรงนี้ทำให้อดมีคำถามไม่ได้ว่า ทำไมต้องมีสินค้าหลาย SKU ขนาดนี้? คำตอบคือเพื่อสร้างสินค้าให้มีความจำเพาะเหมาะกับนักขายมากขึ้น ให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์และทำการขายได้เหมาะสมกับตัวเอง

การรักษาคำมั่นสัญญา เป็น ‘หัวใจ’ ให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

     สำหรับกลยุทธ์ที่ถือเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซีอีโอแห่ง ‘กิฟฟารีน’ เน้นย้ำว่า คือ ‘การรักษาคำมั่นสัญญา’ แก่ ‘นักธุรกิจกิฟฟารีน’ ทุกคนตั้งแต่วันแรกก่อตั้งแบรนด์จนถึงวันนี้

     “ทุกคนได้เห็นโฆษณา ‘กิฟฟารีน’ ผ่านสื่อต่าง ๆ มาอย่างแน่นอน แต่จะเห็นว่า เราไม่ได้โฆษณาเพื่อแย่งนักขายของเราขายของ แต่สิ่งที่เน้น คือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางเพื่อสร้าง Branding ที่ช่วยให้นักธุรกิจขายง่ายขึ้น ทำงานง่ายขึ้น เกือบ 30 ปีผ่านไป เราก็ยังเป็นเช่นนั้น อย่างครั้งล่าสุดที่เปิดตัว AI Coach โดย ‘กิฟฟารีน’ จับมือกับ ‘ไมโครซอฟต์ ประเทศไทย’ และบริษัท Frontis  สร้าง AI ที่เป็นโค้ชสอนการทำธุรกิจ ทำสคริปต์เพื่อให้นักขายนำไปพูดกับกลุ่มเป้าหมายแล้วโดนใจ โดย AI ยังสามารถช่วยแนะนำคลิปที่นักธุรกิจหรือนักขายของเราทำขึ้นมานั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต้องปรับปรุงอะไร ทั้งหมดนี้ ‘เพื่ออะไร?’ ก็เพื่ออยากช่วยนักขายให้ทำงานง่ายขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง”

     จุดเด่นของ Gifferine AI Coach คือ เป็น Personalize Coaching สามารถแนะนำงานขายผ่านการไลฟ์สด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการสร้าง VDO Mentor ส่วนตัว ให้ ‘นักธุรกิจกิฟฟารีน’ สามารถเรียนรู้การทำงานออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ประหยัดเวลาในการทำงาน เพราะเป็น AI Agent สำเร็จรูปที่ทำงานได้อัตโนมัติ ใช้ง่าย เพียงแค่กรอกแบบสอบถามที่ Customize เหมือนเป็น One Stop Personalize Trainer Online Service สำหรับ ‘นักธุรกิจกิฟฟารีน’ นั่นเอง

Photo 2

ปักธงต่อไปในทิศทางสู่ Global Products

      ก้าวเติบโตที่แข็งแรงต่อไปในอนาคตของ ‘กิฟฟารีน’ คือ การนำสินค้าออกสู่ตลาด Global รวมไปถึงการมุ่งหน้าด้านการพัฒนาความเก่งและเพิ่มขีดความสามารถของนักขายในประเทศให้รับมือนวัตกรรมใหม่ ๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ความสุขของชีวิตจากทัศนคติ ‘คิดบวก’

      นอกจากสร้างคอมมิวนิตีแห่งความสุขในอาณาจักร ‘กิฟฟารีน’ ได้สำเร็จแล้ว ความสุขของการใช้ชีวิตในทุกวันนั้น คุณหมอนลินีก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้กัน ภายใต้ทัศนคติที่เติมเต็มด้วยพลังงานบวกให้กับชีวิต

     “แน่นอนค่ะ เกิดเป็นคนธรรมดา ย่อมมีทั้งทุกข์และสุข แต่จากที่เราผ่านความทุกข์มาหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ให้บทเรียนไว้มากมาย ให้สัจธรรมความจริงของชีวิตว่า จะหาแต่ความสุขอย่างเดียวคงไม่ได้ ทุกคนเกิดมาต้องเจอทุกข์ด้วย เพียงแต่เมื่อทุกข์ก็ต้องมีวิธีจัดการ ดิฉันในทุกวันนี้ พอใจกับความสุขแบบนี้ค่ะ เป็นคนไม่ค่อยเดินทางไปเที่ยวเมืองนอกบ่อย ๆ เพื่อหาความสุข เพราะชอบการพักผ่อนอยู่บ้าน มีบ้านชายทะเลที่ระยองก็หาเวลาไปมีความสุขกับลูกกับหลานที่นั่น ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เชื่อไหมคะว่า…เพิ่งมาเริ่มออกกำลังกายจริง ๆ ตอนสร้างกิฟฟารีนแล้วค่ะ อายุก็ 43 ปีไปแล้ว ใครที่บอกว่ามาออกกำลังกายตอนอายุเยอะ ๆ จะสายเกินไป ไม่จริงค่ะ จะอายุเท่าไหร่ หากยังไม่พาตัวเองไปออกกำลังกาย ก็เริ่มได้เลยค่ะ ดิฉันออกกำลังกายกับ Elliptical (เครื่องออกกำลังกายแบบเดินเป็นวงรี) เป็นการออกกำลังกายที่ไม่เกิดแรงกระแทกหัวเข่า และยกเวต (ที่ไม่หนักมาก) ไม่ได้ทำทุกวัน แต่ให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง”

รับผิดชอบสังคม ทำดี ‘ปิดทองหลังพระ’

     คุณหมอนลินีกล่าวถึงดีเอ็นเอในความเป็นนักธุรกิจที่มีจิตวิญญาณของหมอด้วย ทำให้การดำเนินธุรกิจตลอดมาของ ‘กิฟฟารีน’ ไม่ได้หวังให้ผลกำไรเป็นความสำเร็จสูงสุด แต่เป็นผลกำไรที่สามารถช่วยสร้างคุณภาพชีวิตดี ๆ ให้กับหลายครอบครัว ให้หลายคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีทุนสำหรับการศึกษาให้แก่ลูกหลานตัวเอง

     “ตัวเองค่อนข้างให้ความสำคัญด้านการศึกษาเพื่อทุกคน ที่ผ่านมาจึงสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าให้ได้เรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัยไปหลายร้อยชีวิตแล้วค่ะ และเราก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยพนักงานให้เขามีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถ ให้เขาได้ดูแลลูก ๆ ได้เติบโต เราได้ช่วยนักขายดูแลครอบครัว และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี”

     ส่วนธุรกิจ ‘กิฟฟารีน’ ยังมีภารกิจด้าน CSR ที่ต้องให้ความสุขคืนกลับแก่สังคมในมิติต่าง ๆ มาโดยตลอด ผ่านงานการกุศลที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

     “ดิฉันสอนน้อง ๆ ทุกคนเสมอว่า อยากอยู่ในโลกนี้ให้มีความสุขต้องหัดทำบุญแบบ ‘ปิดทองหลังพระ’ บ้าง เพราะสิ่งที่ได้มา คือ ความสุขลึก ๆ จากข้างในใจของเรา เป็นความสุขที่ท้าทายว่า ฉันทำดีได้โดยไม่ต้องมีใครเห็น ฉันมีความสุขที่แท้จริงได้จากความดีของตัวเอง ซึ่งการที่คนเรารู้จักทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทนเหมือนได้ขัดเกลาความโลภในใจ ลดความคิดที่ไม่ดีในใจให้น้อยลง โดยดิฉันเรียกสิ่งนี้ว่า ‘ขั้นตอนการบั่นทอนกิเลสตัวเองให้ลดลง’ เพื่อใช้ชีวิตในโลกใบนี้ได้อย่างเต็มที่ ทำงานต่อไปอย่างมีความสุขด้วยการรักษาความเป็นคนดีนี้ไว้ได้ รู้ไหมคะว่า…การเกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ‘ยากที่สุด’ คือ ทำตัวให้มีความสำเร็จในทางโลก และให้เป็นคนดีในทางธรรม อยากให้ทุกคนบรรลุผลสำเร็จได้ทั้งสองอย่างนี้ค่ะ” คุณหมอนลินีกล่าวทิ้งท้าย

Trust Magazine by TISCO
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า