Embracing AI for a Healthier Future การแพทย์ไทยส่งเสริมสังคมสุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยี AI
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 69 | คอลัมน์ Global Trend

ปัจจุบัน ศักยภาพของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามาช่วยสร้างเสริมความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันแก่มนุษยชาติในหลากหลายแง่มุม และยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมหลากหลายแขนง รวมไปถึงการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแง่มุมสำคัญที่ AI ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาวะแก่ผู้คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่ได้มีการวิจัยเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเทคโนโลยี AI เพื่อวงการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง
นอกจากเป้าประสงค์หลักของการพัฒนาดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีแก่ประชากรไทยเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด การนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณสุข ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ประเทศ เพื่อให้สอดคล้องต่อการเติบโตของตลาดธุรกิจด้านเทคโนโลยีสุขภาพระดับโลก ในฐานะที่ประเทศมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับสากลมายาวนาน
Insights and Innovations from the TH.ai Forum
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลหรือดีป้า (Digital Economy Promotion Agency: DEPA) ภายใต้การกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอส (Ministry of Digital Economy and Society: DES) และเครือข่ายพันธมิตร TH.ai (Thailand Artificial Intelligence) ประกอบด้วย สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI) หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด และบริษัท เทคซอส มีเดีย ได้ร่วมกันจัดงาน TH.ai Forum EP02 : AI Trend in Healthcare พูดคุยเรื่องแนวโน้มของการใช้ AI ในระบบสาธารณสุข ผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ บุคลากรการแพทย์ ผู้ประกอบการทางการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์

ภายในงาน ผู้บรรยายได้แนะนำให้รู้จักเทรนด์ AI ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระบบสุขภาพ ได้แก่
– เอไอแปลงเสียง เพื่อช่วยถอดบทสนทนาระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยออกมาเป็นตัวอักษร แล้วสรุปเป็นรายงาน จัดทำเป็นเอกสารลงในระบบบันทึกสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดเวลาการทำงานเอกสารของบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้แพทย์มีเวลามากขึ้นสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค
– เทคโนโลยีคัดกรองโรคระยะแรกเริ่ม โดยเฉพาะเมื่อมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2030 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society หมายถึงสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เกิน 28 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ หรือเป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด) ซึ่งเกือบครึ่งของผู้สูงอายุจะมีโรคประจำตัวมากกว่าหนึ่งโรค การป้องกันโรคอย่างได้ผลจึงส่งผลต่อการมีสุขภาพที่ดี เทคโนโลยีจะช่วยคัดกรองส่วนต่าง ๆ ในร่างกายที่มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคร้ายได้ในอนาคต เช่น การตรวจจับความผิดปกติเบื้องต้นของปอดเพื่อป้องกันและรักษาโรคมะเร็งปอดได้อย่างทันท่วงที
– การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomic Medicine ) ที่นำเทคโนโลยีมาใช้อ่านลำดับสารพันธุกรรมเพื่อวินิจฉัยโรคหรือติดตามอาการ รวมถึงการเรียนรู้ความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดโรค และหลีกเลี่ยงผลที่จะเกิดขึ้น จึงช่วยให้แต่ละบุคคลสามารถดูแลตนเองได้สอดคล้องกับเงื่อนไขของร่างกาย ทั้งกลุ่มผู้ป่วยและผู้ที่ยังไม่ป่วย การแพทย์จีโนมิกส์จะผลักดันให้เกิดการก้าวไปสู่ยุคของการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) เพื่อการรักษาที่ตรงจุดสำหรับบุคคลมากขึ้น เพราะรูปแบบการรักษาพื้นฐานหรือยาบางชนิดอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับพันธุกรรมของทุกคน
– ฝาแฝดในโลกดิจิทัล (Digital Twin) ซึ่งเป็นแบบจำลองเสมือนจริงจากระบบทางกายภาพ เมื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์จะสามารถทำนายโอกาสในการเกิดปัญหา เช่น อาการหรือโรคที่จะเกิดขึ้น หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
– การใช้เอไอเพื่อการคิดค้นยา (Drug Discovery) ซึ่งได้เริ่มมีการใช้งานในแวดวงการทำวัคซีนแล้ว

เหล่านี้คือประเด็นที่ได้รับการพูดถึงในงานสัมนาดังกล่าว ซึ่งมีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาระบบสาธารณสุข นั่นคือการดูแลสุขภาพของผู้คน ส่งเสริมผู้คนให้มีสุขภาพดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงปัจจัยเบื้องต้นของการมีสุขภาพดีได้อย่างเท่าเทียม
การนำ AI เข้ามาบูรณาการกับกระบวนการทำงานของแพทย์ จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์ และเพื่อเป็นการขยายขอบเขตความสามารถการทำงานของระบบสาธารณสุข นี่คือโฉมใหม่ของการแพทย์ในอนาคตที่จะปรับเปลี่ยนและส่งเสริมสุขภาพของผู้คนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงประชากรไทยกว่า 66 ล้านคนเท่านั้น แต่รวมไปถึงประชากรโลกที่มีจำนวนกว่าแปดพันล้านคน เพราะวงการแพทย์และระบบสาธารณสุขทั่วโลกต่างก็เดินหน้าศึกษาวิจัย เพื่อการใช้เทคโนโลยี AI ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด เพื่อชีวิตปราศจากโรคภัย อันนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของมนุษย์