
เทรนด์เที่ยววิถี Off-Grid พักผ่อนฮีลใจ...บ๊ายบายโลกดิจิทัล
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 70 | คอลัมน์ Global Trend

โลกใหม่ยุคดิจิทัลแม้จะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย มีโซเชียลมีเดียให้รับรู้ข่าวสารจากทั่วโลก แต่ก็มาพร้อมกับการสื่อสารมากมายในแต่ละวัน กับผู้คนมากหน้าหลายรูปแบบบนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เท่านั้นยังไม่พอ บริบทสังคมทั้งภาวะเศรษฐกิจ ภาระหน้าที่ของตัวเองและครอบครัว รวมถึงการใช้ชีวิตที่เร่งรีบแสนวุ่นวายในทุกวัน ล้วนทำให้ผู้คนต่างโหยหาช่วงเวลา Digital Detox ที่อยากตัดขาดจากทุกช่องการสื่อสาร เพื่ออยู่กับตัวเอง หาแพสชัน และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตมีความสุขกับการท่องเที่ยวที่สามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดหมายปลายทางที่ถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ ตัดขาดจากโลกภายนอก
ด้วยเหตุผลนี้… จึงทำให้เกิดเทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ถูกเรียกขานว่า ‘วิถี Off-Grid Travel’ ตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วคราว แล้วพาตัวเองไปใกล้ชิดธรรมชาติ ทิ้งเรื่องราว Toxic ของโซเชียลมีเดียไว้เบื้องหลัง แล้วออกเดินทางไปสนุกกับแพสชันท่องเที่ยวของตัวเองอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับ Booking.com ได้ทำการสอบถามความคิดเห็นจากนักเดินทางกว่า 24,000 คน จาก 32 ประเทศทั่วโลก พบว่า นักเดินทางกว่าครึ่งโลก (55%) ต้องการกลับสู่การท่องเที่ยวแบบ Back-to-Basic ตัดขาดจากโลกภายนอก แล้วไปใช้ชีวิตการเดินทางแบบที่ไม่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ Gen Y มากถึง 51% ส่วน Gen Z (50%) Gen X (39%) และ Baby Boomer (27%)
เช่นเดียวกับ TAT Academy (ศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดท่องเที่ยว) บอกถึงตัวเลข 69% ของนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาการพักผ่อนแบบตัดขาดจากโลกภายนอก (Off-Grid Travel) เพื่อใช้การท่องเที่ยวหลีกหนีความวุ่นวายจากโซเชียลมีเดียและความเครียดจากบริบทสังคม ไม่แปลกใจว่า เหตุใดที่พักสไตล์แคมปิงที่เรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ กิจกรรมเดินป่า กางเต็นท์นอนกลางดินกินกลางทราย หรือการออกไปใช้ชีวิตติดเกาะที่มีทั้งกิจกรรมฝึกตกปลา ปีนเขา ดำน้ำ ฯลฯ ได้กลายเป็น Bucket List (รายการเที่ยวผจญภัยที่อยากทำให้สำเร็จหรือทำได้ก่อนตาย) ณ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของเหล่านักเดินทาง
และนี่คือ 6 รูปแบบท่องเที่ยววิถี Off-Grid เพื่อพาตัวเองหลีกหนีความวุ่นวายจากโลกแห่งความเป็นจริง
1. Back-to-Basic
ออกจาก Comfort Zone เดินทางแบบ Back-to-Basic หลีกหนีจากกิจวัตรประจำวันและต้องการตัดขาดโลกภายนอก เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยไปมาก่อน มองหาความท้าทายแบบค่ำไหนนอนนั่น เที่ยวแบบไร้แผนเพื่อให้ได้ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ มีวิถีชีวิตที่ห่างไกลตัวเมือง อาทิ Road Trip ขับรถเที่ยวอย่างมีอิสระ ปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ตามใจชอบ
2. จุดหมายปลายทางที่ถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ
พาตัวเองออกเดินทางตัดขาดจากโลกเดิม ๆ ที่วุ่นวาย ออกไปสัมผัสโลกกว้าง ดื่มด่ำกับความสงบของวิถีชีวิตที่ห่างไกลตัวเมือง ณ จุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติฮีลใจ ทั้งป่าเขาลำเนาไพรและผืนทะเลกว้างใหญ่สุดเส้นขอบฟ้า ผ่านกิจกรรมที่ให้ตัวเองสัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอดท่ามกลางธรรมชาติ เช่น ผจญภัยชีวิตในป่าเขาด้วยการตั้งแคมป์ เก็บเกี่ยวผักเองจากที่พักท้องถิ่นในชุมชน จำลองตัวเองเป็นชาวเกาะ ไปติดเกาะเพื่อ Feel In กับเสียงคลื่นทะเล ปะทะลมเย็น ๆ ที่พัดเข้าสู่ฝั่ง และปีนผาริมทะเลที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
3. ท่องเที่ยวแบบใส่ใจยั่งยืน
นักท่องเที่ยวหันมาใส่ใจความยั่งยืนยังเป็นกระแสที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง มองหา Meaningful Travel หรือการเดินทางที่มีความหมายกับชีวิตที่ไม่ใช่แค่การพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ต้องสามารถแบ่งปันคุณค่าที่มีความหมายต่อตัวเอง ต่อคนรอบข้าง ต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อม และต่อโลก ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้แสวงหาจุดหมายปลายทางที่ออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งดูแลสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนไปพร้อมกัน ซึ่งแม้ทริปท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอาจถูกลดความสะดวกสบายลง มีทางเลือกน้อยกว่า จ่ายแพงกว่า แต่คุ้มค่าเมื่อแลกกับการเพิ่มความหมายให้ชีวิตมากขึ้น

4. เที่ยวแบบหลุดโลก ปลีกวิเวก
เป็นวิถีเที่ยว Off-Grid ที่ต้องการระบายความอัดอั้นจากความเครียดที่สะสมจากภาวะเศรษฐกิจ สังคม และคนรอบข้าง ทำให้โหยหาการเดินทางแบบเอ็กซ์ตรีมทั้งในรูปแบบผจญภัย เดินป่า รวมไปถึงการเสาะหาที่พักที่สามารถมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่แหวกแนวและปลีกวิเวก ดังเช่น บ้านพักสไตล์อวกาศอย่าง Airship ยอดนิยมบนแพลตฟอร์ม Airhub ที่ตอบโจทย์การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบ Off-Grid ในรูปทรงห้องพักในยานอวกาศที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงามอลังการทว่าเงียบสงบ ณ ดินแดนตอนเหนือสุดของสกอตแลนด์
5. ปลีกตัวไปอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว Hidden Gems
ปักหมุด ณ พิกัดเที่ยวสถานที่ลับ ๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จัก เป็นการเดินทางออกจากเส้นทางท่องเที่ยวที่คุ้นเคย เพื่อค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และสถานที่ใหม่ ๆ ซ่อนตัวอยู่นอกเส้นทางท่องเที่ยวสายหลักแบบที่เรียกว่า Hidden Gems หรือพิกัดจุดหมายปลายทางนอกกระแส ซึ่งมักซ่อนตัวอยู่ห่างไกลจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิ น้ำตกสวยงามกลางหุบเขา ถ้ำหินตระการตา หมู่บ้านโบราณ หรือวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่คุ้นเคยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen สัมผัสชีวิตวิถีถิ่นชาวพื้นเมือง เช่น กินอาหารท้องถิ่น คุยกับชาวประมงหรือเกษตรกรชาวบ้าน ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่มีเอกลักษณ์และสภาพแวดล้อมที่โดดเด่น สร้างประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากการท่องเที่ยวแบบทั่วไป
6. ท่องเที่ยวแบบย้อนวันวาน
เป็นรูปแบบทริปท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมย้อนวันวาน เช่น เทรนด์การเที่ยวช่วงยุค 80-90 อาทิ เที่ยวเมืองเก่า เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมโบราณ ชิมอาหารท้องถิ่น เที่ยวสวนสนุก เที่ยวงานวัด โดยเป็นวิถีท่องเที่ยวแบบฉบับครอบครัวที่สามารถเชื่อมสัมพันธ์สมาชิกทุกเจเนอเรชัน ทั้ง Gen X Gen Y และ Gen Z รวมไปถึง Gen Baby Boomer วัยเก๋าที่เต็มไปด้วยประสบการณ์เรื่องเล่าย้อนยุคสุดคลาสสิก ไม่แปลกใจว่า…เหตุใดสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสุโขทัย รวมถึงตลาดเก่าร้อยปีในเมืองต่าง ๆ กลายเป็นจุดหมายยอดนิยม
‘วิถี Off-Grid Travel’ เป็นอีกประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เพียงทำให้ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น หลีกหนีความวุ่นวายในชีวิตเมือง และ Digital Detox เท่านั้น แต่การท่องเที่ยวแบบ Off-Grid ทำให้พวกเราเงยหน้ามาพูดคุยกับผู้คนมากขึ้น ทั้ง