
‘3 Hidden Gems’ แอ่วเหนือหน้าหนาว 3 ที่เที่ยวลับ ๆ กับประสบการณ์สุดว้าว!
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 74 | คอลัมน์ Going Away
การออกเดินทางที่พาตัวเองปลีกตัวไปอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวลับ ๆ หรือที่เรียกว่า ‘Hidden Gems’ นั้น ได้กลายเป็นกระแสนิยมของนักท่องเที่ยวในโลกใหม่ยุคดิจิทัลที่ผู้คนอยากหลีกหนีความวุ่นวายของชีวิตในเมือง ด้วยการหลบไปเที่ยวในสถานที่ซ่อนเร้นและมีความเป็นส่วนตัวสูง โดยเฉพาะสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก รวมถึงเป็นสถานที่ที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ แต่กลับเข้าถึงได้ไม่ง่ายด้วยหลายเหตุผล อาทิ พิกัดอยู่ห่างไกล ต้องปีนเขาหรือลุยป่าที่ทำให้เดินทางไปถึงยาก ปลีกวิเวกตัดขาดโลกภายนอก รวมไปถึงบางสถานที่ที่เน้นบรรยากาศไพรเวตสุด ๆ ที่จำกัดด้วยจำนวนที่พัก เพื่อจำกัดจำนวนของนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน จนทำให้ต้องจับจองคิวยาวข้ามปี แต่นี่กลับสร้างเสน่ห์ดึงดูดให้ Hidden Gems เหล่านี้กลายเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มอบความหมายใหม่ ๆ ในการเดินทาง และครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแห่งนี้
และนี่คือ 3 Hidden Gems ที่ Going Away ฉบับนี้ อยากชวนคุณออกแบบฮอลิเดย์ทริปที่อาจต้องวางแผนล่วงหน้าข้ามปี เพื่อไปปักหมุดเที่ยว โดยเฉพาะหน้าหนาวกับพิกัดโซนภาคเหนือท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ทะเลหมอก และธรรมชาติกลางหุบเขา
บ้านพักไม้ไผ่ยักษ์ ‘Giant Bamboo Hut’
Reboot ร่างกาย พักผ่อนสุดชิลล์กับทิวทัศน์ภูเขากลางทุ่งนา
‘Giant Bamboo Hut’ บ้านพักไม้ไผ่ยักษ์หนึ่งเดียวในบรรยากาศเงียบสงบ เย็นสบายกลางทุ่งนาเขียวขจี ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินธรรมชาติผาดอกเสี้ยว (น้ำตกรักจัง) ห่างจากหมู่บ้านแม่กลางหลวงประมาณ 1 กิโลเมตร (หมู่บ้านแม่กลางหลวงเป็นหนึ่งในชุมชนชาวกะเหรี่ยง ‘ปกาเกอะญอ’ ที่อยู่รวมตัวกันประมาณ 60-80 ครัวเรือน มีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย) อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเส้นทางสำหรับการเดินทางมาที่นี่สะดวกสบายมาก
เมื่อขับรถมาถึงหมู่บ้านแม่กลางหลวงต้องจอดรถไว้ แล้วเดินเท้าเลียบทางเล็ก ๆ ต่อไปตามนาขั้นบันไดประมาณ 400 เมตร ก็จะไปถึงบ้านพักไม้ไผ่ยักษ์ที่บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งท่ามกลางธรรมชาติ
ไฮไลต์ของ ‘Giant Bamboo Hut’ คือบ้านไม้ไผ่ขนาดใหญ่ สูง 4 ชั้น ที่มีคิวจองยาวเต็มตลอด เป็นบ้านไม้ไผ่ทั้งหลัง ห้องนอนแต่ละห้อง นอนได้มากกว่า 2 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต ล่าสุด ‘Giant Bamboo Hut’ ได้สร้างเพิ่มอีกหนึ่งหลัง ภายใต้คอนเซปต์ที่พักบ้านไม้ไผ่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออยู่ติดลำธาร เพื่อให้ได้นอนฟังเสียงน้ำไหลได้ทั้งวันทั้งคืนในบรรยากาศชิลล์ ๆ แม้ขนาดบ้านไม้ไผ่หลังที่สองใหญ่ไม่เท่ากับหลังแรกแต่ก็คิวจองเต็มไม่แพ้กัน โดยบ้านพักทั้งสองหลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติด้วยการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางวิวภูเขาและล้อมรอบด้วยทุ่งนาขั้นบันไดของหมู่บ้านแม่กลางหลวง ที่นี่เป็นบ้านพักสำหรับคนรักความสงบแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่มีบริการคาเฟ่ โดยเป็นระบบรับนักท่องเที่ยวเพียง 1 หลังต่อ 1 กลุ่มเท่านั้น
สำหรับราคาที่พัก บ้าน G1 กระท่อมหลังใหญ่ 4 ชั้น มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (ห้องนอนอยู่ชั้น 2 และชั้น 3) พักได้ 10-12 คน กรณีมา 1-2 คน ราคาที่พักรวมอาหารเย็นและอาหารเช้า 1,500 บาทต่อคน กรณีมา 3 คนขึ้นไป ราคาที่พักรวมอาหารเย็นและอาหารเช้า 1,200 บาทต่อคน
บ้าน G2 กระท่อมหลังริมลำธาร 2 ชั้น มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (ห้องนอนอยู่ชั้น 1 และชั้น 2) พักได้ 6 คน มีโถงระเบียงสำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร
ไร่อ้อมกอดภูเขา เชียงใหม่
Walk Camp เลี้ยงช้าง นอนกระท่อม โอบล้อมด้วยธรรมชาติ
หน้าหนาวปีนี้ ชวนเดินทางแอ่วเหนือที่แตกต่างจากทุกปี ด้วยการตัดขาดกับชีวิตในเมืองกับประสบการณ์ Walk Camp เลี้ยงช้าง นอนกระท่อม ใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ภายใน ‘ไร่อ้อมกอดภูเขา’ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ที่รายล้อมด้วยภูเขาของอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทั้งฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ศูนย์อนุบาลช้าง ภายใต้การดูแลของ Thai Elephant Home (Eco-Tourism & Conservation) ดังนั้น เสน่ห์สุดโดนของที่นี่ คือ ธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ และยามเช้าที่ตื่นมาเจอช้าง เจอควาย ที่มีคนดูแล 24 ชั่วโมง
สำหรับใครที่อยากเปิดใจมาเป็นชาวแคมป์อยู่กับธรรมชาติที่นี่ ต้องบอกก่อนว่า…ไร่อ้อมกอดภูเขาไม่ได้หรูหราเหมือนรีสอร์ท แต่เป็นความตั้งใจที่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามา Walk Camp ท่ามกลางธรรมชาติและสัมผัสวิถีชีวิตของ ‘ช้าง’ และ ‘ควาญช้าง’ ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งให้อาหารช้าง พาช้างเดินเล่น และอาบน้ำช้างที่เชื่อว่าคุณจะสนุก ดีต่อใจจนใจฟูมาก ระหว่างทำกิจกรรมจะมีควาญช้างและสตาฟคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ชาวบ้านในไร่อ้อมกอดภูเขายังพาทุกคนไปเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ผ่านกิจกรรมตามฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ปลูกผัก ดำนา เกี่ยวข้าว รวมถึงเวิร์กช็อปสบู่โฮมเมด ทำสปาสมุนไพร เรียกว่าเที่ยวทริปนี้ได้สมมุติตัวเองเป็นชาวบ้านทำนาและทำสวน และยังได้เป็นชาวแคมป์ที่มาพักผ่อนอย่างเรียบง่ายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นอนกระท่อมไม้ไผ่ที่มีอยู่เพียง 4 หลัง ส่วนการใช้ไฟฟ้าต้องใช้อย่างจำกัด (สัญญาณโทรศัพท์มีเพียงบางเครือข่าย) ดีที่สุด คือ เตรียมเพาว์เออร์แบงก์ไปด้วย
สำหรับโปรแกรม 2 วัน 1 คืน ราคา 2,500 บาท
– บริการรถรับ-ส่งจากตัวเมืองเชียงใหม่
– บริการที่พัก 1 คืน ณ กระท่อมไม้ไผ่
– บริการอาหาร 3 มื้อ พร้อมล้อมวงก่อไฟ ย่างบาร์บิคิว
– ทำกิจกรรมภายในไร่ทั้งหมด เช่น ให้อาหารช้าง เดินเล่นกับช้าง อาบน้ำช้าง เวิร์กช็อปทำสบู่โฮมเมด สปาสมุนไพร เรียนรู้เกษตรอินทรีย์
โปรแกรม Half Day ราคา 1,500 บาท (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เน้นกิจกรรมเลี้ยงช้าง)
สามารถติดต่อที่พักได้ที่ ไร่อ้อมกอดภูเขา โทร. 08 9434 2047 เฟซบุ๊ก: ไร่อ้อมกอดภูเขา Rai Aomgord Phu Kao Orgainic Farm
ไลน์ไอดี: 0894342047
Walk Camp ไร่อ้อมกอดภูเขา โทร. 08 3433 1478 เฟซบุ๊ก: Walk Camp ไอจี: walkcamp
Magic Mountain พะเยา
Landscape ภูลังกา วิวสวยหลุดโลก
‘พะเยา’ เมืองท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่ยังอยู่นอกสายตาใครหลายคน จึงยังไม่อยู่ในลิสต์แพลนเที่ยวติดอันดับต้น ๆ แต่นั่นได้ทำให้ที่นี่กลายเป็น Hidden Gems ที่มีสถานที่เที่ยวลับ ๆ และยังไม่เป็นรู้จักกันมากนัก
‘เมืองพะเยา’ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ มีทั้งให้ไปสัมผัสกลิ่นอายของศิลปวัฒนธรรมสวยงาม ผ่านการต้อนรับแขกต่างเมืองอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองของเจ้าถิ่นด้วยภาษาชาวเหนือที่น้ำเสียงแสนไพเราะ และเหนือสิ่งอื่นใด ‘พะเยา’ มีแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นผลงานการสร้างสรรค์จากธรรมชาติที่งดงามอลังการหลายแห่ง โดยเฉพาะ ‘ภูลังกา’ ขุนเขาในวนอุทยานภูลังกา ที่มีทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำด้วยความสูง 900-1,720 เมตร และด้วยยอดเขาที่เป็นเลเยอร์ซ้อนกันไปมานี้เอง ได้กลายเป็นภูมิทัศน์สวยงามตระการตา โดยเฉพาะจุดชมวิวผาช้างน้อย จุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยที่ ‘Landscape สวยหลุดโลก’ ยิ่งทิวทัศน์ในยามเช้า ณ กลางเทือกเขา จะมีสายหมอกลอยกับลมเย็น ๆ เข้ามาทักทายแก่ผู้มาเยือน ดังนั้น เพื่อให้ได้ฟีลสุดฟิน ก็ต้องนอนค้างอ้างแรมที่นี่ เพื่อให้เมื่อลืมตาตื่นมายามเช้าแล้วบรรยากาศแบบนี้อยู่เบื้องหน้านั่นเอง
ว่ากันว่า…ที่พักที่ตื่นมาชมวิว ‘ผาช้างน้อย (ภูลังกา)’ ในมุมที่สวยที่สุด คือ ‘Magic Mountain (เมจิก เม้าท์เท่น)’ ที่ถูกพูดถึงว่า ‘ไปภูลังกา ไม่ไป Magic Mountain ได้ไง’ โดยซ่อนตัวอย่างเงียบสงบในบรรยากาศสุดไพรเวตด้วยห้องพักเพียง 2 ห้องของที่นี่ นั่นทำให้ ‘Magic Mountain’ ถูกจับจองเต็มกันไปแบบข้ามปี ติดอันดับที่พักสวยและจองยากมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยห้องพักตกแต่งอย่างเรียบง่ายในโทนอบอุ่นของงานไม้พร้อมกระจกใสโดยรอบ ที่ทำให้ตื่นมาก็ชมวิวและมองเห็นทะเลหมอกจากในห้องพัก
Magic Mountain ยังมีคาเฟ่ไม้เล็ก ๆ ชวนให้นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ อยู่ในมุมเงียบ ๆ แล้วดูทะเลหมอกที่จะลอยมาทักทายในทุกเช้าและทุกฤดูกาล เชื่อเถอะว่า…หมอกกับกาแฟบนดอยฮีลใจให้หายเหนื่อยล้าได้จริง ๆ โดยคาเฟ่เปิดตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทุกคนที่แวะเวียนไปภูลังกา (Magic Mountain Café หยุดทุกวันอังคาร)
ด้วยวนอุทยานภูลังกาเป็นยอดดอยที่เชื่อมต่อกันเป็นทอด ๆ ทำให้เหมาะกับการเดินป่าท่องธรรมชาติพิชิตยอดดอยสำหรับสายแอดเวนเจอร์ โดยเส้นทางเดินป่ามีระยะทาง 3 กิโลเมตร เริ่มจากจุดแรก ‘ห้องเรียนธรรมชาติ’ ที่เป็นสวนสมุนไพร สวนกล้วยไม้ และพันธุ์ไม้หายาก เดินผ่านไปสู่ ‘ป่าก่อโบราณ’ สวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชอบดูนก โดยช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมี ‘ทุ่งดอกโคลงเคลง’ ให้ชมความสวยงาม และยอดดอยภูลังกาชมวิวได้รอบ 360 องศา ทำให้ดูได้ทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก
สำหรับ Magic Mountain บ้านไม้ 1 หลัง 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ ระเบียงหน้าวิวผาช้างน้อย ราคา 8,900 บาท (พักได้ 2 คน/หลัง ไม่สามารถเสริมได้) โดยรวมชุด Afternoon Tea, มื้อเย็น (บาร์บิคิว สปาเกตต้า สลัด สแน็กมาร์ชเมลโล่ย่า) และมื้อเช้า




