

5 Islands in 5 Oceans
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 56 | คอลัมน์ Horizon
พลันที่ซัมเมอร์ปรากฏตัว ทุกคนคงจะนึกถึงการแพ็กกระเป๋า เตรียมชุดว่ายน้ำ แว่นกันแดด ผ้าปูบนชายหาด และชุดพลิ้วไหวที่เอาไว้เดินกรีดกรายบนชายทะเล แต่ช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบในระยะอันใกล้นี้ เราคงไม่สามารถเดินทางไปอาบลมห่มคลื่นกันได้สะดวกนัก TRUST ฉบับนี้จึงขอพาไปทำความรู้จัก 5 เกาะสวยๆ ที่ยังคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติอยู่มาก และต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งสำหรับคนรักทะเล ซึ่งคัดสรรมาจาก 5 มหาสมุทรทั่วโลก เพื่อเก็บเอาไว้วางแผนสำหรับอนาคตในวันที่สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว
Seychelles: Jewels of The Indian Ocean
มหาสมุทรอินเดียมีเกาะสวยๆ มากกว่า 1,000 เกาะ แต่เกาะที่นักเดินทางลงความเห็นว่ามีเสน่ห์ งดงาม และน่าเที่ยวมากที่สุดก็คือหมู่เกาะเซเชลส์ (Seychelles) แห่งประเทศเซเชลส์นั่นเอง ที่นี่เป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันยิ่งใหญ่รอคอยทุกคนอยู่ และยังมีกองทัพเต่ายักษ์อายุกว่า 200 ปีกว่าแสนตัวคลานต้วมเตี้ยมเต็มเกาะ รอการไปเยือนของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

เซเชลส์เป็นประเทศที่ต้นทุนค่าทำความรู้จักแพงไม่น้อยหน้ามัลดีฟส์เลย แถมเซเชลส์ยังมีเกาะเล็ก เกาะน้อยกระจายอีกนับร้อย แต่เกาะท่องเที่ยวหลักๆ ที่นักเดินทางนิยมไปกันมีอยู่ 3 เกาะคือ เกาะมาเฮ (Mahe) เกาะพราแลง (Praslin) และเกาะลาดิก (La Digue)
เกาะมาเฮเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะเซเชลส์ รายรอบเกาะมีชายหาดแทบทุกด้านและโรงแรมให้เลือกพักเต็มไปหมด การจะสัญจรไปมาตามมุมต่างๆ บนเกาะมาเฮ ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะถนนหนทางค่อนข้างแคบ และส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง จะไปเที่ยวแต่ละหาดได้ยินว่าต้องข้ามภูเขาหลายลูก แต่อย่าเพิ่งจินตนาการว่าเกาะมาเฮจะใหญ่ เพราะขนาดว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ขนาดพื้นที่ยังน้อยกว่าจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเล็กที่สุดในบ้านเราซะอีก
นอกจากเกาะมาเฮจะมีชายหาดรายรอบเกาะแทบทุกด้านแล้ว บนเกาะยังมีหมู่บ้านหัตถกรรม หมู่บ้านชาวประมง และอุทยานแห่งชาติที่มีป่าอุดมสมบูรณ์เอาไว้ให้นักท่องป่าได้เข้าไปชมธรรมชาติ และที่สำคัญคือมีเมืองหลวงอย่างวิกตอเรีย (Victoria) ที่มีแดดดีและอากาศดี ให้ได้ไปเดินเที่ยวด้วย แม้ตัวเมืองวิกตอเรียจะค่อนข้างเล็ก ปลอดตึกสูง ปลอดร้านฟาสต์ฟู้ด แต่ก็มีทั้งโบสถ์ วัดฮินดู พิพิธภัณฑ์อาคารเก่าแก่ และตลาดให้เดินชมกันได้เพลินๆ พร้อมชอปปิงเสื้อผ้าสีแสบสันตามประสาเมืองริมทะเล และของพื้นเมืองอย่างพวกเครื่องเทศ กระบุง ตะกร้า และอีกมากมายที่น่าสนใจ
ส่วนเกาะพราแลงเหมือนลูกคนกลาง ที่เมื่อทำความรู้จักกับเกาะมาเฮแล้ว นักเดินทางส่วนใหญ่ก็จะหาโอกาสข้ามไปยังเกาะพราแลงกันด้วย ที่นี่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันก็มีโรงแรมหรูหราพาราไดซ์ระดับห้าดาวเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน และเกาะลาดิกเป็นเหมือนน้องคนเล็กที่ไร้เดียงสา เรียกได้ว่าใครมาถึงเซเชลส์แล้วมาไม่ถึงเกาะลาดิก อาจถึงขั้นต้องบินกลับมาเที่ยวซ่อมใหม่กันอีกรอบ เพราะนี่คือเกาะที่มีชายหาดสวยติดระดับโลกทอดตัวอยู่ นั่นก็คือหาดซอร์ส ดิอาร์เจนท์ (Anse Source D’Argent) ซึ่งเป็นจุดหมายของนักเดินทางทุกคน ที่นี่มีทั้งโขดหิน ทิวมะพร้าว น้ำทะเลสีสด และหาดทรายที่ทั้งนุ่มทั้งขาว และหาดนี้นี่เองที่ทำให้ลาดิกกลายเป็นเกาะเนื้อหอม เพราะเมื่อมีการจัดอันดับชายหาดงดงาม 10 แห่งของโลก ซอร์ส ดิอาร์เจนท์ เป็นชายหาดที่ไม่เคยหลุดโผ
แต่ที่ดีที่สุดบนเกาะเซเชลล์ คือการมีอากาศบริสุทธิ์ปลอดมลพิษให้ผู้มาเยือนได้สูดดมกัน เพราะบนเกาะไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่ง…และนี่คือเซเชลส์ หมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียที่สักครั้งในชีวิตควรพาสองเท้าไปจุ่มน้ำทะเลที่นี่ดู แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าพิสมัยแค่ไหน


Tahiti: Dream of The South Pacific Ocean
ตาฮิติ (Tahiti) คือจุดหมายปลายทางที่หลายคนอาจจะคิดว่าไกล หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือมุมหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ที่น่าหลงใหลมาก จนได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่งแปซิฟิกและเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสายฝันของเหล่าบรรดานักเดินทางผู้ตามล่าหาเกาะน่าเที่ยวเลยก็ว่าได้
ซามูเอล วอลลิส (Samuel Wallis) เป็นผู้ค้นพบเกาะตาฮิติเป็นคนแรก ทว่ากัปตันเจมส์ คุก (James Cook) ที่เดินเรือมาจากเกาะอังกฤษและศิลปินชื่อดังก้องโลกอย่างโกแกง (Gauguin) ก็ล้วนแต่เป็นผู้ลุ่มหลงตาฮิติด้วยกันทั้งนั้น และไม่ว่าใครจะมาด้วยเหตุผลอะไร ตาฮิติก็ต้อนรับทุกคนด้วยภูเขาและท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ส่งลมเย็นๆ มาคอยลูบไล้ตลอดเวลา
ที่จริงแล้วตาฮิติถือว่าเป็นหนึ่งในเกาะของเฟรนช์ พอลินีเชีย (French Polynesia) ที่กระจายตัว 100 กว่าเกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ โดยมีปาปิเต (Papeete) เป็นเมืองหลวงของตาฮิติ ซึ่งใจกลางเมืองปาปิเต มีสถานที่น่าเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ตลาดประจำเมืองที่เต็มไปด้วยร้านผักผลไม้และร้านของชำ ถนนสายหลักที่เป็นถนนสายชอปปิง วิหารประจำเมืองหลังเล็กๆ และศูนย์หัตถกรรมจากฝีมือชาวเกาะ ที่ขายของจำพวกกระเป๋าถือ ตะกร้าใบใหญ่ เสื้อผ้า งานแกะสลักไม้ นอกจากนี้บ้านเรือนของผู้คนชาวเกาะที่มีวิถีชีวิตในแบบเฟรนช์ พอลินีเชีย ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวต่างประทับใจ
ชาวตาฮิเชียนใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย สนุกสนาน และร่าเริง คงเป็นเพราะแบบนี้ใครที่ได้สัมผัสกับตาฮิติ จึงมักเผลอหลงรักชีวิตเบาสบายของที่นี่ เหมือนอย่างที่ศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศสอย่างโกแกงก็ตกหลุมรัก ตาฮิติ โกแกงเดินทางมาจากท่าเรือเมืองมาร์กเซย์ประเทศฝรั่งเศส เขาทิ้งประเทศอันสุนทรีย์และละทิ้งความเจริญในฝรั่งเศสเอาไว้ข้างหลัง ด้วยหวังจะพบกับสถานที่อันแสนสงบบนเกาะตาฮิติ ช่วงที่โกแกงมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขาได้สร้างสรรค์ผลงานเอาไว้มากมาย ส่วนใหญ่ก็บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของผู้คนชาวตาฮิเชียนอันเรียบง่าย และชีวิตของชาวเกาะที่ผูกพันกับธรรมชาติ เรื่องราวของโกแกงนี่เองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเดินทางหลายคนอยากจะออกเดินทางตามรอยจิตรกรชื่อดัง เพื่อมาเห็นเกาะตาฮิติด้วยสองตาเปล่า
และหากออกไปนอกเมืองก็จะพบว่าตาฮิติเป็นเกาะที่มียอดเขาสูงๆ ที่เมื่อยืนอยู่บนจุดชมวิวระหว่างทาง ยังพอจะมองเห็นว่ารายรอบเกาะมีแนวปะการังให้ดูกัน หรือจะดำน้ำลงไปชมความงามใกล้ๆ ก็มีให้ดำได้ทั้งแบบตื้นและลึก ส่วนคนที่ชอบเล่นเซิร์ฟ ต้องมุ่งหน้าไปที่ เตอาฮูโป (Teahupo’o) ซึ่งมีทำเลโต้คลื่นแบบรีฟเบรกที่ขึ้นชื่อระดับโลก นอกจากนี้ยังมีชายหาดแบล็กแซนด์ (Plage de la Pointe Venus) ที่เกิดจากเถ้าถ่านจากภูเขาไฟอีกด้วย…และนี่คือตาฮิติ เกาะที่งดงามกลางมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ที่เอ็กซ์ซอติกจนน่าทำความรู้จัก


Curacao: A Beautiful Caribbean Paradise
ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำทะเลที่แคริบเบียน (Caribbean) นั้นไม่ธรรมดาเอาซะเลย สีเทอร์ควอยซ์ใสแจ๋วของแคริบเบียนเป็นแม่เหล็กให้ทุกคนวิ่งเข้าหา หลายคนอาจจะรู้จักทะเลแคริบเบียนจากบาฮามาส เติร์กแอนด์เคคอส ยูเอสเวอร์จินส์ไอแลนด์ เปอร์โตริโก จาไมกา ไฮติ เคย์แมน คิวบา และโดมินิกันรีพับลิก แต่คูราเซา (Curacao) อาจจะเป็นมุมที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้จักนัก
คูราเซาเป็นเกาะที่มีสถานะเป็นดินแดนปกครองตนเองแห่งหนึ่งของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมี วิลเลมสตัด (Willemstad) เป็นเมืองหลวง และความที่คูราเซาเป็นเกาะอันไกลโพ้นของแคริบเบียน เรียกได้ว่าอยู่ค่อนไปทางเวิ้งของแคริบเบียนตอนใต้ จึงอยู่ใกล้กับทวีปอเมริกาใต้ซะมากกว่า เกาะคูราเซาแบ่งเป็นฝั่งปุนดา (Punda) และฝั่งโอโตรบันดา (Otrobanda) โดยมีสะพานเชื่อมทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน สมัยที่ยุโรปเดินเรือมาล่าอาณานิคม คูราเซาถูกเปลี่ยนมือไปมาระหว่างเนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ก่อนจะกลับมาเป็นของเนเธอร์แลนด์อีกครั้ง อาคารบ้านเรือนฝั่งนี้เลยมีหน้าตาค่อนไปทางโคโลเนียล ดัตช์


ใครชอบเมืองเก่าที่แออัดไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ดัตช์ ขอให้ไปเดินซอกแซกในฝั่งปุนดา ความจริงใครมีเวลาให้คูราเซาเหลือเฟือ จะตระเวนไปนอนปิ้งร่างย่างตัวรอบๆ เกาะก็ได้ เพราะคูราเซามีชายหาดให้เลือกนอนผึ่งแดดมากกว่า 30 หาด ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีความโดดเด่นและบุคลิกเป็นของตัวเอง แถมมีแสงแดดปรนเปรอนักเดินทางเกือบตลอดทั้งปีอย่าง หาดคาสอบู (Cas Abou Beach) ซึ่งมีชายหาดที่ขาวเนียน และน้ำทะเลใสมากๆ…และนี่คือคูราเซา เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นพาราไดซ์ในทะเลแคริบเบียน

Bermuda: The Atlantic Ocean Heaven
เมื่อพูดถึงเบอร์มิวดา (Bermuda) แน่นอนว่าทุกคนมักนึกถึงแต่เรื่องราวกึ่งลึกลับ กึ่งอาถรรพ์ ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) ทั้งเครื่องบินหาย เรือเดินสมุทรสาบสูญ คนหายในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา คือข้อมูลที่ถูกโปรแกรมอยู่ในหัวของนักเดินทางส่วนใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วถ้าได้ทำความรู้จักกับเบอร์มิวดาจะรู้ว่าเกาะกลางมหาสมุทรแอตแลนติกแห่งนี้งดงามน่าทำความรู้จักเหลือเกิน แค่จังหวะที่เครื่องบินอยู่เหนือน่านน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติก แล้วเห็นซากเรือจมที่ว่ากันว่ามีอยู่รอบเกาะกว่า 200 ลำ ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
ฮามิลตัน (Hamilton) คือเมืองหลวงของเบอร์มิวดา ถึงแม้ชาวเกาะเบอร์มิวดาจะอยู่ปนกันทั้งคนขาวและคนดำ แต่พวกเขาก็อยู่กันอย่างสงบสุข เอื้อเฟื้อกัน มีน้ำใจให้กัน เมืองหลวงเล็กๆ ของที่นี่มีถนนไม่กี่สาย แต่ละสายก็จะมีบ้านเรือนสีสันสวยงามอยู่สองฝั่งถนน หากสำรวจเมืองหลวงเสร็จ แนะนำให้ไปสำรวจรายรอบเกาะก็จะพบว่ามีแต่ชายหาดสวยๆ ให้ไปเที่ยวชมกัน บางจุดเป็นมุมที่ลงไปดำน้ำดูปะการังและซากเรือได้…อาจจะดูลึกลับแต่เมื่อทำความรู้จักกับเบอร์มิวดาอย่างลึกซึ้งขึ้น ก็จะพบว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเลเลยก็ว่าได้
ที่จริงไม่ได้มีแค่ฮามิลตันที่น่าเที่ยว แต่ยังมีย่านด็อกยาร์ด (Dockyard) ที่เป็นฮอตสปอตของนักท่องเที่ยว มุมนี้มากมายไปด้วยประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นฐานทัพเรือมาก่อน แต่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยเรือสำราญเข้ามาจอดเทียบท่า พานักท่องเที่ยวมาเยือนเบอร์มิวดา ยังมีเซนต์จอร์จ (Saint George) ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของพวกชุมชนชาวอังกฤษ แต่ทุกวันนี้มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และที่พักรอการมาเยือนของนักเดินทาง

Mallorca: A Spanish Island in The Mediterranean Sea

เกาะมายอร์กา (Mallorca) คือเกาะในชายคาประเทศสเปนที่มีคาแรคเตอร์เหมือนสาวร่าเริง มีความเบิกบานอยู่ในตัว ยิ่งเป็นซัมเมอร์ด้วยแล้วล่ะก็ มายอร์กายิ่งมีเสน่ห์ มาเริ่มต้นท่องเมืองเก่าของมายอร์กากันก่อน น่าจะทำให้รู้จักเกาะนี้ดียิ่งขึ้น เมืองเก่าแสนคลาสสิกของมายอร์กานั้นมีซอกซอยนับพันรอทุกคนให้ไปเดินสำรวจ แค่ย่างเข้าชายคาเมืองเก่าไม่กี่ก้าว โบสถ์ก็ล้อมหน้าล้อมหลัง ย่านกลางเมืองเก่ามีจัตุรัสประจำเมือง (Plaza Mayor) ที่สวยงามไม่แพ้จัตุรัสไหนในสเปนเลยทีเดียว อาคารรายรอบเก่าแก่น่ามอง แต่ถ้าเดินมุ่งหน้าไปหาทะเล สูดกลิ่นอายทะเลไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าไฮไลต์ของของเมืองเก่ารอทุกคนอยู่ที่ปลายถนน ที่นั่นมีมหาวิหารปัลมาเดมายอร์กา (Catedral de Mallorca) ซึ่งงดงามมากๆ
ใครไม่รีบร้อนพุ่งไปหาทะเลแนะให้แวะเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์ปัลมา (Cathedral Museum) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิหาร นอกจากจะแสดงพวกภาพเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาแล้ว ยังมีพวกเครื่องเงินแสดงด้วย และถ้าเดินมุ่งหน้าออกไปหาทะเลแล้วมองย้อนกลับมา จะเห็นว่าเมืองเก่ามีกำแพงเมืองยาวเหยียดที่เป็นทั้งป้อมปราการเก่าแก่ รวมถึงยังมีบริเวณซึ่งเคยเป็นที่ประทับของบรรดากษัตริย์ชาวมัวร์ที่เคยปกครองดินแดนแถบนี้ เรียกว่าเป็นเกาะที่มีสีสันแห่งท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างมาก เพราะไม่ได้มีแค่น้ำทะเลสวยๆ ใสๆ แต่ยังมีสถาปัตยกรรมและความคลาสสิกซ่อนอยู่ทุกมุม

พูดเลยว่าคนรักทะเล มายอร์กาคือหนึ่งในจุดหมายที่คุณต้องมาสักครั้ง และเมื่อไปทางตอนใต้ของ ปัลมาเดมายอร์กา (Palma de Mallorca) ประมาณ 25 กิโลเมตร จะได้เจอกับชายฝั่งอันงดงามของเกาะนี้ ที่มีอ่าวที่สวยงามชายหาดและหน้าผาสวยแปลกตา ที่นั่นยังมี หาดพลายา เดล อารีนัล (Playa del Arenal) ซึ่งเป็นชายหาดที่กว้างใหญ่และเงียบสงบ นอกจากจะมานอนอาบแดดได้แล้ว ยังสามารถมาเล่นกระดานโต้คลื่นได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมี หาดคาลา พี ( Cala Pi ) ซึ่งมีเสน่ห์ตามธรรมชาติ เป็นหาดทรายที่มีน้ำทะเลใสๆ เหมาะสำหรับการดำน้ำลึก…มายอร์กาจึงเป็นเกาะที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงสเปน
และนี่คือ 5 เกาะจาก 5 ทะเลและมหาสมุทรที่ทอดตัวรอนักเดินทางจากทั่วมุมโลกให้ไปทำความรู้จัก
Travel’s Guide
• คนไทยไปเที่ยวประเทศเซเชลส์ไม่ต้องทำวีซ่า ที่นี่เดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ช่วง มิ.ย.-ก.ย. เป็นไฮซีซั่น รวมถึงช่วงปีใหม่ แต่ควรเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางที่ www.weather.com
• เกาะตาฮิติเที่ยวได้เกือบทั้งปี แต่ถ้าไม่อยากเจอฝนตกหนักๆ ก็เลี่ยงช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ. และเวลาที่เหมาะไปเที่ยวคือ เดือน พ.ค.-ต.ค. สอบถามการทำวีซ่าไป เฟรนช์ พอลินีเชีย ได้ที่ สถานทูตฝรั่งเศส โทร.0 2696 3888
• จากกรุงเทพฯ ถ้าจะไปเบอร์มิวดา แนะนำว่าให้บินไปตั้งหลักที่นิวยอร์กก่อน คนไทยไปเที่ยวเบอร์มิวดาไม่ต้องทำวีซ่า แต่ควรมีวีซ่าอเมริกาทำติดไว้ เพราะบางทีเจ้าหน้าที่จะขอตรวจว่ามีวีซ่าอเมริกาหรือไม่
• ใครที่อยากมาสำรวจเกาะคูราเซา ให้ไปโดยเรือสำราญจะสะดวกกว่า เพราะเกาะอยู่ทางแคริบเบียนตอนใต้ค่อนข้างไกล อาจต้องบินไปตั้งหลักที่ไมอามีแล้วลงเรือสำราญที่นั่น
• ไปเกาะมายอร์กาให้ไปตั้งหลักที่บาเลนเซียสะดวกที่สุด จากบาเลนเซียมีเรือวิ่งไปเกาะมายอร์กาทุกวัน สามารถเช็กรอบเรือได้ที่ www.directferries.co.uk