file

ตามรอยเสด็จฯ “สหรัฐอเมริกา-ยุโรป”

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 39 | คอลัมน์ Horizon

ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือน นานาประเทศเกือบ 30 ประเทศ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อผูกมิตรกับ ประเทศต่างๆ บทความนี้จะพาไปตามรอย เสด็จพระราชดำเนินประพาสสหรัฐอเมริกา และยุโรปเฉพาะช่วงปี พ.ศ. 2503 ที่พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าครึ่งปี ระหว่างกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2503 จนถึง ต้นปี พ.ศ. 2504

ซึ่งในการเสด็จพระราชดำเนินเยือน ต่างประเทศครั้งนี้ เนื่องจากเป็นระยะเวลานาน ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินเพียงหนึ่งวัน พระองค์จึงได้มีกระแสพระราชดำรัสแด่ ประชาชนในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2503 ว่า

“ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย เมื่อปีใหม่ ข้าพเจ้าได้แจ้งให้ทราบแล้ว ว่าประเทศต่างๆ ได้ เชิญให้ไปเยี่ยมเป็นราชการ บัดนี้ถึงกำหนดที่ ข้าพเจ้าและพระราชินีจะไปประเทศเหล่านั้นแล้ว พรุ่งนี้จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสหรัฐ- อเมริกาก่อน แล้วจะไปประเทศอื่นๆ ในยุโรป อีก 13 ประเทศด้วยกัน การไปเมืองต่างประเทศ คราวนี้ ต้องไปเป็นราชการแผ่นดิน เป็นการทำตามหน้าที่ของข้าพเจ้า ในฐานะเป็นประมุขของ ประเทศ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ว่าในสมัยนี้ ประเทศต่างๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กต่างต้อง พึ่งพาอาศัยกันอยู่เสมอ จะว่าชนทุกชาติเป็น ญาติพี่น้องกันก็ว่าได้ จึงควรพยายามให้รู้จัก นิสัยใจคอกัน ทั้งต้องผูกน้ำใจกันไว้ให้ดีด้วย การผูกน้ำใจกันไว้นั้น ธรรมดาญาติพี่น้องก็ไป เยี่ยมถามทุกข์สุขซึ่งกันและกัน แต่สำหรับ ประเทศนั้นประชาชนนับแสนนับล้านจะไป เยี่ยมกันก็ยาก เขาจึงยกให้เป็นหน้าที่ของ ประมุขในการไปเยี่ยมประเทศต่างๆ

ข้าพเจ้าก็จะแสดงต่อประชาชนของประเทศเหล่านั้นว่า ประชาชนชาวไทยมีมิตรจิตมิตรใจต่อเขา และข้าพเจ้าจะพยายามเต็มที่เพื่อให้ฝ่ายเขารู้จักเมืองไทย และให้เกิดมีน้ำใจดีต่อชาวไทย ข้าพเจ้าจะลาท่านไปเป็นเวลาราว 6 เดือน ก็เป็นธรรมดา ที่นึกห่วงใยบ้านเมือง จึงใคร่จะตักเตือนท่าน ทั้งหลายว่า ขอให้ตั้งหน้าทำการงานของท่าน ให้เต็มที่ในทางที่ชอบที่ควร ตั้งตัวตั้งใจให้อยู่ ในความสงบ จะได้เกิดผลดีแก่ตัวท่านเอง และ แก่บ้านเมืองซึ่งเป็นของเราด้วยกันทุกคน”

United States of America

ในวันรุ่งขึ้นพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินเยือน สหรัฐอเมริกา โดยในสมัยนั้น นายดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีคนที่ 34 ได้มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จทั้งสองพระองค์ และนำเสด็จไปยังทำเนียบขาว และระหว่างเสด็จประพาส สหรัฐอเมริกานั้น พระองค์ท่านยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปใน หลายเมือง ไม่ว่าจะเป็น ฮาวาย ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก รวมถึงมหานครนิวยอร์กด้วย ในครั้งนั้นชาวนิวยอร์กกว่า 7 แสนคน พากันออกมา เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จตามประเพณีบนถนนบรอดเวย์ ที่มุ่งสู่ศาลาเทศบาล โดยระหว่างที่พระองค์ท่านประทับรถยนต์พระที่นั่ง เปิดประทุนผ่านไป ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับชาวนิวยอร์ก ที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ พระองค์ท่านยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรง เยี่ยมโรงพยาบาลเมานต์ ออเบิร์น ซึ่งเป็นที่เสด็จพระราชสมภพ ในบอสตัน โดยได้พระราชทานของที่ระลึกแก่นายแพทย์ผู้ถวาย การมีพระประสูติการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 และ นางพยาบาลทั้งสี่คนด้วย และก่อนจะกลับเสด็จพระราชดำเนินไป ทรงเยี่ยม นายเบนนี่ กู๊ดแมน “ราชาแห่งแจ๊ส” ที่อพาร์ตเมนต์ นครนิวยอร์ก ในโอกาสนี้นายกู๊ดแมนทูลเกล้าฯ ถวายแซกโซโฟน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นที่ระลึก
 

ประชาชนชาวอเมริกันมาเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กันอย่างมากมายอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ตั้งตระหง่านในมหานครนิวยอร์กพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดเนินเยือน สหราชอาณาจักร โดยมี สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงให้การต้อนรับ

United Kingdom

จากนั้น ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 5 วัน ระหว่าง เสด็จประพาสมหานครลอนดอน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิปเสด็จออกทรงรับทั้งสองพระองค์ ที่พระราชวังบัคกิงแฮม และได้เสด็จพระราชดำเนินยังศาลาว่าการมหานครลอนดอน รวมถึง ทรงเยี่ยมราชบัณฑิตยสภา และยังทอดพระเนตรนิทรรศการศิลปะ Summer Exhibition 1960 ที่พิพิธภัณฑ์ภาพเขียน Royal Academy
 

Houses of Parliament สภาผู้แทนราษฎรของ อังกฤษ ที่รู้จักกันในชื่อ Palace of Westminster

Germany

จากสหราชอาณาจักร ทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศ เยอรมนีเป็นเวลา 9 วัน โดยเสด็จพระราชดำเนินศาลาว่าการเทศบาลกรุงบอนน์ รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมือง โบคุม ทอดพระเนตรโรงงานอุตสาหกรรม ถลุงเหล็ก และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยม โรงงานไลกา ทอดพระเนตรกิจการผลิต กล้องจุลทรรศน์ และกล้องถ่ายรูป นอกจากนี้ ยังได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังศาลาไทยที่สวนสาธารณะเมือง บาดฮอมบวร์กที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างไว้ รวมถงึ เสดจ็ พระราชดำเนิน ทอดพระเนตร หอดาราศาสตร์และโรงพยาบาลเวชกรรม เมืองร้อน ปิดท้ายด้วยการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองเนิร์นแบร์ก เพื่อเยี่ยมชม สหกรณ์ผู้ซื้อเครื่องเล่นของเด็กและ โรงงานผลิตวิทยุ
 

ศาลาไทยที่สวนสาธารณะในเยอรมนี

Portugal

จากประเทศเยอรมนี ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือน ประเทศโปรตุเกสเป็นเวลา 4 วัน โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ทั้งโรงเรียนนายเรือและสถาบันวิศวกรรมเครื่องกล ก่อนจะเสด็จพระราช- ดำเนินกลับไปยังหลายเมืองในสวิตเซอร์แลนด์สั้นๆ เพียงแค่ 3 วัน ซึ่งครั้งนั้นได้มีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนสกีรีสอร์ทในสวิตเซอร์แลนด์
 

รูปปั้นของกษัตริย์โฮเซ่ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของจัตุรัสในเมืองลิสบอน

Denmark

เดนมาร์กถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรป ที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยือนในเดือนกันยายน พ.ศ. 2503 แม้เป็นเวลาเพียงแค่ 4 วัน แต่พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไป ทอดพระเนตรปราสาทโครนบอร์ก และเสด็จพระราชดำเนินไปทรง เยี่ยมสำนักงานใหญ่ของบริษัทอีสต์เอเชียติก รวมถึงโบสถ์โรสคิลเด (Roskilde) ซึ่งเป็นโบสถ์บรรจุพระศพของกษัตริย์เดนมาร์กมาตั้งแต่ อดีตและยังทอดพระเนตรกิจการฟาร์มวัวที่นั่น
 

ปราสาทโครนบอร์กสไตล์เรเนซองส์ ที่ยูเนสโก้ยกให้เป็นมรดกโลก

Scandinavia

ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียเป็นอีก จุดหนึ่งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน เยือนในช่วงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2503 เสด็จพระราชดำเนินเยือนนอร์เวย์ 3 วัน โดยได้ทอดพระเนตรกิจการของสภาวิจัย ทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม สวน ประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park) หลังจากนั้น เสด็จ พระราชดำเนินเยือนประเทศสวีเดนอีก 3 วัน โดยทอดพระเนตรบ้านของนายคาร์ล ลาร์สสัน จิตรกรและนักตกแต่งภายใน ชาวสวีเดน ปราสาทกริปสโฮล์มที่แมรีเฟรด รวมถึงโรงงานทำเครื่องเคลือบดินเผา
 

สวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Italy

หลังจากเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ทรงเลือกประเทศ อิตาลีเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปในการเสด็จพระราชดำเนินเยือน โดยระยะเวลา 4 วัน ในอิตาลีนั้น พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรน้ำพุเทรวี ณ กรุงโรม ศาลาเทศบาลกรุงโรม โบราณสถานสมัยโรมัน พิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมตะวันออก โรงงาน พลังงานปรมาณู การแสดงขี่ม้า จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังนครรัฐวาติกัน เพื่อเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 และสมเด็จพระสันตะปาปานำเสด็จ ทั้งสองพระองค์และคณะผู้ตามเสด็จไปยังหอสมุดวาติกันที่มีชื่อเสียง
 

น้ำพุเทรวี เป็นน้ำพุขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรม

Belgium

และในช่วงต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2503 พระองค์ ท่านเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนิน ไปยัง ศาลาเทศบาลกรุงบรัสเซลส์ ศาลาประณีตศิลป์ รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมือง เกนต์ (Ghent) ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้ว เจียระไน และเมืองบรูชส์ (Bruges) ซึ่งเป็นศูนย์กลาง ของโรงงานอุตสาหกรรมสร้างรถรางและรถไฟ
 

จัตุรัสกรองด์ปลาซที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในจัตุรัสงดงามที่สุดในโลก

France

วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2503 ทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศฝรั่งเศสเป็น เวลา 4 วัน โดยทางการฝรั่งเศสได้เฝ้าฯ รับเสด็จ ทั้งสองพระองค์อย่างอบอุ่น ประธานาธิบดี เดอ โกลล์ รัฐบุรุษของชาติได้ส่งเครื่องบิน ประจำตัวไปรับทั้งสองพระองค์จากกรุงโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อจะเสด็จพระราช- ดำเนินมากรุงปารีส มีการบรรเลงเพลงสรรเสริญ พระบารมีต้อนรับ โดยพระองค์ท่านเสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และทรงร่วมงานเลี้ยงพระกระยาหาร ค่ำที่พระราชวังพระราชวังแวร์ซายส์
 

หอไอเฟิลในมุมแปลกตาแกรนด์ดัชเชส แห่งประเทศลักเซมเบิร์ก ทรงให้การต้อนรับ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่ามกลางกองทหารเกียรติยศ

Luxembourg

ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งสองพระองค์ทรงแวะที่ประเทศลักเซมเบิร์กประมาณ 3 วัน น่าประทับใจตรงที่ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศเล็ก แต่ปรากฏว่า มีประชากรมาเฝ้าฯ รับเสด็จกันเกือบหมดเมือง พระองค์ได้ ทอดพระเนตรโรงงานผลิตเหล็กและเหล็กกล้า เขื่อนซึ่งใช้ กำลังน้ำทำไฟฟ้า ณ เมืองเอช ที่ฝั่งแม่น้ำซัวร์
 

ในย่านเมืองเก่าของลักเซมเบิร์ก

Netherland

เนเธอร์แลนด์เป็นจุดหมายต่อไปที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน โดยได้ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ไรค์ส (Rijks) ในกรุงอัมสเตอร์ดัมและยังเสด็จ พระราชดำเนินเยี่ยมศาลโลก ณ กรุงเฮก อีกด้วย ซึ่งในการเสด็จพระราชดำเนิน เยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ครั้งนี้ นอกจากเสด็จพระราชดำเนินเยือน หลายเมืองแล้ว ทั้งสองพระองค์ยังได้พบปะกับเจ้าชายเบอร์ฮาร์ดแห่ง เนเธอร์แลนด์ ณ งานกาล่าคอนเสิร์ตอีกด้วย
 

บรรยากาศบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ไรค์ส ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว

Spain

ก่อนจะเสด็จนิวัติประเทศไทย พระองค์ท่านเสด็จ พระราชดำเนินเยือนประเทศสเปนเป็นที่สุดท้ายใน ยุโรป โดยเสด็จเยือนในหลายเมืองไม่ว่าจะเป็นมาดริด เซบิย่า ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินเยือนในครั้งนี้ พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร โบราณสถานและพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง ทั้งหมดนี้คือการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเจริญ พระราชไมตรีกับต่างประเทศในระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งปี ของ พ.ศ. 2503 ในอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป ที่น่าตามรอยเสด็จฯเป็นอย่างยิ่ง
 

ความโรแมนติกของจัตุรัส มายอร์แห่งกรุงมาดริด